ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - จับแล้ว 2 ผู้ต้องหาคดีอ้างตัวเป็นตำรวจอุ้มหนุ่มนักศึกษาเรียกค่าไถ่ 5 แสน สุดแสบที่แท้เป็นญาติกับผู้เสียหาย สารภาพตอนแรกแค่คุยกันเล่นๆ แต่สุดท้ายลงมือเพราะมั่นใจแม่ผู้เสียหายรักลูกมากยอมจ่ายเงินแน่ สารภาพใช้เที่ยวเตร่ก่อนโดนตามรวบตัว โบ้ย “นายเดิม” เพื่อนร่วมแก๊งคนริเริ่ม อ้างตัวเป็นตำรวจ-ลงมืออุ้ม เร่งล่าตัวผู้ต้องหาที่เหลือดำเนินคดี
วันนี้ (16 ก.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พล.ต.ท.สุเทพ เดชรักษา ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พร้อมคณะ แถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาคดีกลุ่มคนร้าย ซึ่งอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ จับกุมตัวนายอดิศร ศรมี่ ไปกักขังและเรียกค่าไถ่ 500,000 บาท เหตุเกิดเมื่อวันที่ 9-10 กันยายนที่ผ่านมา
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 5 และเจ้าหน้าที่จากสถานีตำรวจภูธรช้างเผือก สามารถจับกุมตัวนายรุ่งโรจน์ แซ่หลี่ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1144 หมู่ 1 ตำบลเปียงหลวง อำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่ และนายศิวกร พันธุศิลป์ อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 898 หมู่ 1 ตำบลเปียงหลวง อำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมของกลางรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นแอคคอร์ด สีดำ ติดแผ่นป้ายทะเบียนปลอม หมายเลขทะเบียน ญษ 2464 กรุงเทพมหานคร ในระหว่างที่ผู้ต้องหาทั้งสองรายกำลังขับรถหลบหนีจากจังหวัดเชียงใหม่ ผ่านจังหวัดลำปางมุ่งหน้าไปยังจังหวัดแพร่
พล.ต.ท.สุเทพกล่าวว่า คดีดังกล่าวถือเป็นคดีที่ได้รับความสนใจจากประชาชน เนื่องจากผู้ต้องหาอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ อีกทั้งคดีเรียกค่าไถ่เกิดขึ้นไม่บ่อยครั้งนัก ซึ่งหลังจากเกิดเหตุได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งสืบสวนติดตามหาตัวผู้กระทำผิด จนกระทั่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาที่ก่อเหตุได้ดังกล่าว
เบื้องต้นมีการตั้งข้อสังเกตว่าการเรียกค่าไถ่ดังกล่าวอาจเป็นการร่วมมือกันระหว่างนายอดิศรซึ่งเป็นผู้เสียหายกับกลุ่มคนร้ายเพื่อหลอกเอาเงินจากแม่ เนื่องจากนายรุ่งโรจน์เป็นน้าชายของนายอดิศร ส่วนนายศิวกรเป็นลูกพี่ลูกน้องกับนายอดิศร อย่างไรก็ตามเมื่อสืบสวนแล้วพบว่านายอดิศรไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง นอกจากนี้ยังทราบว่าคดีนี้มีผู้ต้องหาร่วมก่อเหตุอีก 1 ราย คือ นายเดิม ไม่ทราบชื่อสกุลจริง ซึ่งขณะนี้ยังคงหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ ซึ่งจะได้เร่งติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีต่อไป
ด้านนายรุ่งโรจน์กล่าวว่า สาเหตุที่ลงมือจับตัวนายอดิศรไปเรียกค่าไถ่ เพราะเชื่อว่าแม่ของนายอดิศร ซึ่งเป็นญาติกับตนนั้นรักลูกมาก จะยินยอมจ่ายเงินให้ตามที่ขอแน่นอน แต่ในตอนแรกนั้นเป็นเพียงเรื่องที่พูดกันเล่นๆ เท่านั้น แต่ต่อมามีผู้ต้องหาอีกรายหนึ่ง คือ นายเดิม ได้มาพูดคุยกับตนและชักชวนให้ร่วมกันลงมือก่อเหตุ โดยการสร้างเฟซบุ๊กปลอมว่าเป็นหญิงสาวหน้าตาดีมาติดต่อกับนายอดิศร ก่อนจะหลอกให้นายอดิศรมาพบ โดยนัดหมายกันที่โรงแรมบีทู ตำบลช้างเผือก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ก่อนจะนำตัวนายอดิศรไปกักขังไว้ที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งในเขตอำเภอแม่ริม แล้วทำการเรียกค่าไถ่จากแม่ของนายอดิศร
นายรุ่งโรจน์กล่าวว่า หลังจากได้รับเงินมาแล้ว นายเดิมได้นำเงินส่วนแบ่งหลบหนีไป ส่วนตนและนายศิวกรได้เงินส่วนแบ่งมาประมาณ 200,000 บาท ซึ่งได้นำไปใช้เที่ยวเตร่ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้ อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการจับตัวนายอดิศรเพื่อนำตัวไปเรียกค่าไถ่นั้น นายเดิมเป็นผู้ลงมือทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการอ้างตัวว่าเป็นตำรวจ หรือการจับตัวนายอดิศร โดยตนเองมีหน้าที่เพียงแค่ขับรถ และเบิกเงินค่าไถ่ที่ได้มาเท่านั้น
ขณะที่นายศิวกรกล่าวว่า ตนต้องขอโทษนายอดิศรและครบครัวที่ได้ก่อเหตุดังกล่าว ส่วนสาเหตุที่ตัดสินใจร่วมก่อเหตุเพราะเห็นว่านายอดิศรเป็นคนใจคออ่อนแอ ไม่สู้คน อีกทั้งทราบว่าแม่ของอดิศรรักนายอดิศรมาก หากเรียกค่าไถ่จะต้องยอมจ่ายเงินให้แน่นอน
