ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ตำรวจ สภ.ช้างเผือก รวบได้แล้ว 1 แก๊งคนร้ายอ้างเป็นตำรวจ ปส.ภาค 5 อุ้ม นร.โปลีฯ เรียกค่าไถ่ 5 แสน คนร้ายสารภาพเป็นแค่คนรับจ้างเปิดบัญชีไว้รับเงินค่าไถ่ ได้ค่าจ้าง 500 บาท แต่ตำรวจยังสอบเข้มเตรียมขยายผลตามล่าเพื่อนร่วมก๊วนพร้อมเร่งหารถคันก่อเหตุ ส่วนสาเหตุยังไม่สรุปเพราะมีหลายปัจจัย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรช้างเผือก ได้ควบคุมตัว นายปรีชา หลวงเครือ มาทำการสอบสวนหลังจากสืบทราบว่า นายปรีชา มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีที่กลุ่มคนร้ายซึ่งอ้างตัวเป็นตำรวจปราบปรามยาเสพติด กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 (ปส.ภ.5) จับตัวนายอดิศร ศรีมี่ นักศึกษาวิทยาลัยโปลีเทคนิคล้านนาไปเรียกค่าไถ่ ก่อนจะปล่อยตัวหลังได้รับเงินจากครอบครัวของนายอดิศร จำนวน 500,000 บาท โดยเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา
เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมตัว นายปรีชา ได้ที่จังหวัดลำพูน และจากการสืบสวนเบื้องต้นทราบว่า นายปรีชา เป็นเจ้าของบัญชีที่มีการโอนเงินค่าไถ่ตัวจากครอบครัวของ นายอดิศร เข้ามา ก่อนที่กลุ่มคนร้ายจะทยอยถอนเงินทั้ง 500,000 บาทออกไปจนหมด อย่างไรก็ตาม นายปรีชา ให้การว่า ได้รับการว่าจ้างจากกลุ่มคนร้ายให้เปิดบัญชีในชื่อของตนเพื่อใช้รับเงิน โดยได้ค่าจ้างเป็นเงิน 500 บาท
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้นำตัว นายอดิศร มาให้ปากคำเพิ่มเติม โดยได้สอบถามข้อมูลต่างๆ รวมทั้งให้นายอดิศร ดูภาพรถรุ่นที่คาดว่าจะใช้ในการก่อเหตุ เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาใช้ในการติดตามจับกุมผู้ต้องหารายอื่นๆ ที่มีส่วนร่วมในการกระทำผิดครั้งนี้ต่อไป
พ.ต.อ.กิตติสินธุ์ คงทวีพันธ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรช้างเผือก (ผกก.สภ.ช้างเผือก) เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่มีการออกหมายจับผู้ต้องหารายอื่น โดยจะทำการสอบสวน นายปรีชา อย่างละเอียดก่อนว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง หรือมีบทบาทอย่างไรในการก่อเหตุครั้งนี้ จากนั้นจึงจะขยายผลเพื่อติดตามจับกุมผู้ต้องรายอื่นๆ ต่อไป โดยในเบื้องต้น คาดว่าผู้ต้องหามีอย่างน้อย 2 คน และอาจจะมีเพิ่มเติมในส่วนที่อยู่ที่บ้านหลังที่กลุ่มผู้ต้องหาพานายอดิศรไปกักตัวไว้
ส่วนสาเหตุที่คนร่ายลงมือก่อเหตุนั้น ผกก.สภ.ช้างเผือก กล่าวว่า ยังไม่สามารถยืนยันได้ เนื่องจากยังมีหลายปัจจัยที่อาจเป็นชนวนก่อเหตุ แต่หากมีความคืบหน้าใดๆ หรือมีการจับกุมผู้ต้องเพิ่มเติม ทางกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 จะเป็นผู้ชี้แจงต่อสื่อมวลชนต่อไป
รายงานข่าวแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งตรวจสอบหารถที่ใช้ในการก่อคดี เพื่อที่จะทำการสืบหาจากภาพในกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คาดว่ากลุ่มคนร้ายจะเดินทางผ่านในระหว่างก่อเหตุนำตัว นายอดิศร ไปกักขัง ขณะเดียวกัน ยังอยู่ในระหว่างการประสานขอภาพจากตู้เอทีเอ็ม ที่คาดว่าคนร้ายได้เข้าไปกดเงินค่าไถ่ออกมา เนื่องจากคนร้ายเลือกกดเงินจากตู้เอทีเอ็มย่อยที่ไม่ใช่ตู้ประจำสาขา ซึ่งทำให้ต้องใช้เวลาในการประสานขอภาพมากกว่าปกติ
ส่วนกลุ่มคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุนั้น พบว่า มีการวางแผนอย่างเป็นระบบ โดยมีการล่อลวงให้ผู้เสียหายออกมาพบก่อนที่จะทำการควบคุมตัว และเรียกค่าไถ่จากครอบครัวของผู้เสียหาย ซึ่งแสดงว่ากลุ่มคนร้ายมีการติดตามความเคลื่อนไหว และรู้จักครอบครัวของผู้เสียหายพอสมควร อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวแจ้งว่า มีการยืนยันจากเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงว่า คนร้ายไม่น่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่อย่างใด
ทั้งนี้ กรณีการเรียกค่าไถ่ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 ก.ย. ที่ผ่านมา โดนนายอดิศร ได้เข้าแจ้งความว่า ถูกกลุ่มคนร้ายซึ่งอ้างตัวเป็นตำรวจ ปส.ภาค 5 จับกุมตัว ในระหว่างที่จะเดินทางมาพบเพื่อนผู้หญิงตามที่นัดไว้ที่บริเวณหน้าโรงแรมบีทู ถนนคันคลองชลประทาน ตำบลช้างเผือก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีชาย 3 คน ใช้อาวุธปืนจ่อบังคับไม่ให้ขัดขืน พร้อมจับใส่กุญแจมือไพล่หลังแล้วใช้ผ้าผูกตา และทุบที่ท้ายทอยอย่างแรง 2 ครั้ง ก่อนจะนำตัวไปขังไว้ที่บ้านหลังหนึ่งโดยถูกปิดตาเอาไว้ตลอด
จากนั้นคนร้ายได้ให้ นายอดิศร โทรศัพท์ติดต่อกับแม่บุญธรรมเพื่อให้โอนเงินค่าไถ่ จำนวน 500,000 บาท ให้แก่กลุ่มคนร้าย กระทั่งเมื่อได้รับเงินแล้ว คนร้ายจึงได้ทยอยถอนเงินทั้งหมดออกไป และนำตัวนายอิดศร มาปล่อยไว้ที่บริเวณริมถนนเปลี่ยว เขตอำเภอแม่ริม ก่อนที่นายอดิศร จะเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในเวลาต่อมา