กาฬสินธุ์-ผู้ว่าฯ กาฬสินธุ์ คุมเข้มร้านจำหน่ายสารเคมีฆ่าหญ้าอันตรายสาเหตุเกิดโรคมะเร็ง ระบุหากพบลักลอบจำหน่ายให้ยึดใบอนุญาต และสั่งปิดทันที พร้อมนำส่วนราชการลงนามบันทึกความร่วมมือในการลดใช้สารเคมีในภาคการเกษตร ขับเคลื่อนวาระจังหวัดกาฬสินธุ์ มุ่งสู่เมืองแห่งความสุข ตามโครงการกาฬสินธุ์คนดี สุขภาพดี รายได้ดี
วันนี้ (12 ก.ย.) ที่ห้องประชุมชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดกาฬสินธุ์ นายสุวิทย์ สุบงกฎ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ นายอุดม สมรส นายประเสริฐ ลือชาธนานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมด้วยนายอำเภอ หัวหน้าส่วนราชการ และผู้นำท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องรวม 63 หน่วยงาน ร่วมกันลงนามบันทึกความร่วมมือในการลดใช้สารเคมีในภาคการเกษตร ขับเคลื่อนวาระจังหวัดกาฬสินธุ์ มุ่งสู่เมืองแห่งความสุข ตามโครงการกาฬสินธุ์คนดี สุขภาพดี รายได้ดี ด้วยการลดใช้สารเคมีในการเกษตร
พร้อมกำชับทุกภาคส่วนให้ร่วมมือกันสนับสนุน และรณรงค์ทุกรูปแบบให้เกษตรกรตระหนักถึงอันตรายจากการสารเคมี และลดการใช้สารเคมี เพื่อความปลอดภัยในชีวิตของเกษตรกรเอง รวมทั้งให้ผู้บริโภคทั่วไปมีความปลอดภัยจากการบริโภคผลผลิตทางการเกษตร
จากนั้น นายสุวิทย์ สุบงกฎ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ นายปัญญา ศิลปะ เกษตรจังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมสารวัตรเกษตร ได้ลงพื้นที่สุ่มตรวจวัตถุอันตรายที่ห้ามใช้ทางการเกษตรในประเทศไทย 96 ชนิด และวัตถุอันตรายที่กรมวิชาการเกษตรเฝ้าระวังอีก 10 ชนิด โดยเน้นสุ่มตรวจสารเคมียาฆ่าหญ้า และยาฆ่าแมลงชนิดที่ออกฤทธิ์รุนแรง และเป็นสาเหตุการเกิดโรคมะเร็ง ภายในร้านจำหน่ายวัสดุอุปกรณ์ทางการเกษตรต่างๆ ภายในเขตอำเภอเมืองกาฬสินธุ์
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการป้องปราม เบื้องต้นยังไม่พบว่ามีการกระทำผิด และลักลอบจำหน่ายวัตถุต้องห้ามแต่อย่างใด
นายสุวิทย์ สุบงกฎ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า จากข้อมูลปัจจุบันพบว่า คนกาฬสินธุ์ป่วย และเสียชีวิตจากโรคมะเร็งสูงเป็นอันดับที่ 3 รองจากโรคที่เกี่ยวกับหัวใจ และความดัน เบาหวาน ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งเกี่ยวข้องกับการใช้สารเคมี ดังนั้น จังหวัดกาฬสินธุ์จึงได้ลงนามบันทึกความร่วมมือในการลดใช้สารเคมีในภาคการเกษตร โดยเฉพาะสารเคมียาฆ่าหญ้า ฆ่าแมลง ซึ่งจะดำเนินการใน 2 แนวทาง คือ การรณรงค์ให้เกษตรกรตระหนักถึงอันตรายจากการสารเคมี และลดการใช้สารเคมีลง
พร้อมการออกตรวจร้านค้าที่ลักลอบจำหน่ายวัตถุอันตรายสารต้องห้าม 96 ชนิด และสารที่เฝ้าระวังอีก 10 ชนิด ซึ่งหากพบว่าร้านค้าใดฝ่าฝืนลักลอบจำหน่ายก็จะจับกุมดำเนินคดี และยึดใบอนุญาตสั่งปิดทันที