อุบลราชธานี - กลุ่มสหภาพยุโรปจับมือมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ส่งเสริมพื้นที่เพาะปลูกแบบเกษตรอินทรีย์ครบวงจร พร้อมจัดตลาดรองรับทั้งใน และต่างประเทศ
วันนี้ (1 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี นายสุทธินันท บุญมี รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เปิดตัวโครงการเสริมสร้างศักยภาพเกษตรกรด้านเกษตรอินทรีย์ เพื่อความมั่นคงทางอาหาร และปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ โดยมีเป้าหมายสนับสนุนการเพาะปลูกพืชผลทุกชนิดในพื้นที่ 11 จุด ครอบคลุม 11 อำเภอของ จ.อุบลราชธานี
ผศ.ดร.อินทิรา ซาฮีร์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ซึ่งเป็นประธานคณะทำงานของโครงการดังกล่าว ระบุว่า โครงการนี้มหาวิทยาลัยทำร่วมกับภาคีเครือข่ายภาคประชาสังคม เพราะปัจจุบันเกษตรกรมีการใช้ปุ๋ยเคมี ยาฆ่าหญ้า และยาฆ่าแมลงในปริมาณมากขึ้น ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพของผู้ผลิต ผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม
อีกทั้งเกษตรกรยังต้องกดดันตัวเองให้ได้ผลผลิตเพิ่มขึ้นเพื่อนำไปหักลบกับต้นทุนการผลิตซึ่งนับวันมีแต่สูงขึ้นจากการใช้สารเคมีเร่งผลผลิต และเกษตรกรยังต้องเผชิญกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางอาหารและรายได้ของเกษตรกร
จากสภาพปัญหาดังกล่าวจึงส่งเสริมและสนับสนุนการทำเกษตรอินทรีย์ผ่านกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ ได้แก่ การผลักดันให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนวิถีการทำนา ปลูกผัก ปลูกผลไม้จากเคมีเป็นอินทรีย์ 200 ครอบครัว โดยตั้งเป้าภายในปี 2560 ต้องผ่านการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ไม่น้อยกว่า 100 ครอบครัว
และยังมีการวิจัยพัฒนารูปแบบการทำเกษตรอินทรีย์ โดยผสมผสานความรู้จากภูมิปัญญาท้องถิ่นกับข้อมูลจากงานวิจัย ดำเนินการให้มีสหกรณ์เพื่อส่งเสริมเกษตรอินทรีย์อย่างครบวงจร ทั้งการผลิต การแปรรูป และการตลาด พร้อมขยายโครงการไปสู่เกษตรกร องค์กรเกษตรที่มีความสนใจเข้าร่วม
โดยใช้งบประมาณดำเนินโครงการ 20 ล้านบาท และได้รับเงินสนับสนุนจากกลุ่มสหภาพยุโรป 18 ล้านบาท ที่เหลือเป็นเงินสนับสนุนจากในประเทศ ระยะเวลาดำเนินงาน 4 ปี มีพื้นที่นำร่องใน 11 อำเภอของจังหวัด อาทิ กลุ่มเกษตรกรบ้านดอนหมู ต.ขามเปี้ย อ.ตระการพืชผล กลุ่มเกษตรกรบ้านทองหลาง ต.ท่าโพธิ์ศรี อ.เดชอุดม กลุ่มเกษตรกรบ้านหนองมัง ต.โนนกลาง อ.สำโรง เป็นต้น
ด้าน นพ.สุรพร ลอยหา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวว่า ด้านตลาดรองรับผลผลิตของเกษตรกรนั้น โรงพยาบาลในเครือข่ายของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกแห่งจะเป็นผู้รับซื้อผลผลิตเพื่อนำไปจำหน่ายแก่บุคลากรและประชาชนที่สนใจ ซึ่งเชื่อว่าเมื่อมีการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภา จะสามารถส่งขายได้ทั่วประเทศ รวมทั้งต่างประเทศด้วย