ราชบุรี - อบต.เกาะพลับพลา และเด็กนักเรียนเมืองราชบุรี จับมือตำรวจเมืองโอ่งร่วมกันลงแขกดำนาแบบดั้งเดิมบนเนื้อที่ประมาณ 6 ไร่ เพื่อสืบสานประเพณี และเสริมสร้างความสามัคคีในชุมชน
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (4 ก.ย.) นายณัฐวุฒิ เพชรพรมศร นายอำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี พร้อมด้วย พ.ต.ท.นพชัย เสมอจิตต์ สารวัตรฝ่ายป้องกันและปรามปราม สภ.เมืองราชบุรี นายวีระ งามเปราะ นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เกาะพลับพลา และนักเรียนจากโรงเรียนวัดห้วยตะแคง โรงเรียนวัดเกาะลอย กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ชาวบ้านได้ร่วมกันจัดกิจกรรมประเพณีทำนาแบบดั้งเดิม บริเวณทุ่งนา หมู่ที่ 12 บ้านห้วยจำปา ตำบลเกาะพลับพลา อำเภอเมือง บนเนื้อที่ประมาณ 6 ไร่ เพื่อสืบสานประเพณี และเสริมสร้างความสามัคคีในชุมชน
นายวีระ งามเปราะ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเกาะพลับพลา กล่าวว่า หลังได้รับการเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 3 ได้ดำเนินการด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานไปแล้วหลายโครงการ ในพื้นที่ 8 หมู่บ้านมีประชากรประมาณ 12,000 คน ที่ตำบลมีศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีชาวบ้าน มีโรงสีข้าวชุมชน เพื่อรองรับข้าวจากชุมชนซึ่งมีเกษตรกรทำนาประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ มีอาชีพทำนา การจัดกิจกรรมวันนี้เป็นการย้อนวิธีการดำนา ไถนาแต่โบราณ แม้ว่าปัจจุบันแทบไม่มีหลงเหลืออยู่
“วันนี้จึงได้นำการสาธิตการทำนาในสมัยเก่าที่ได้ใช้วิธีดำนาว่าทำอย่างไร มีการใช้วัว จำนวน 9 คู่ไถนา การลงแขกดำนาร่วมกัน เพื่อเสริมสร้างความสามัคคี ในสมัยก่อนเวลาลงแขกดำนา หรือเกี่ยวข้าวชาวบ้านจะไปช่วยกันโดยต้องจ่ายค่าแรงผลัดเปลี่ยนช่วยเหลือกันด้วยความมีน้ำใจ เรียกว่าเอาแรงกันไม่ต้องจ่ายเงินจนพื้นที่นาเสร็จหมดทุกคน”
พ.ต.ท.นพชัย เสมอจิตต์ สารวัตรฝ่ายป้องกันและปราบปราม สภ.เมืองราชบุรี หัวหน้าชุดมวลชนสัมพันธ์ กล่าวว่า ได้รับมอบนโยบายจาก พ.ต.อ.อนิน ศรีสรรพางค์ ผกก.สภ.เมืองราชบุรี วันนี้ได้จัดมีกิจกรรมของชุมชนเข้มแข็งย้อนอดีตการทำนาด้วยการใช้วัวไถนา ดำนาแบบสมัยโบราณ โดยร่วมกับสถานีตำรวจภูธรเมืองราชบุรี อบต.เกาะพลับพลา กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และโรงเรียนวัดห้วยตะแคงพรประชานุกูล และโรงเรียนวัดเกาะลอย ร่วมกันจัดประเพณีทำนาแบบดั้งเดิมขึ้นย้อนในสมัยเก่ารุ่นปู่ ย่า ตา ยายที่เคยทำมา เพื่อให้คนในชุมชนเข้มแข็งมีความสุข
“ตอนเที่ยงพักกินข้าว พอบ่ายก็เริ่มลงแขกช่วยกันอีกจนเสร็จ มีกิจกรรมตอนเย็นด้วยความสนุกสนาน เป็นโครงการนำร่องแห่งแรกของสถานีตำรวจที่ได้มีแนวคิดทำเพื่อเสริมสร้างความสามัคคีไม่เอาเปรียบ เสียสละมีการร่วมมือร่วมแรงใจทำกิจกรรมร่วมกัน ซึ่งสิ่งสำคัญคือ ลดปัญหาอาชญากรรม ทำให้ชุมชนอบอุ่น ปัญหาต่างๆ จะลดน้อยลง นอกจากนี้ เด็กๆ และเยาวชนซึ่งต่อไปจะต้องเป็นอนาคตของชาติก็จะได้รู้จักประเพณีเก่าแก่ที่ควรสืบสาน และอนุรักษ์ไว้ให้ชนรุ่นหลังได้เรียนรู้อย่างมีคุณค่า”