อุบลราชธานี - เจ้าของร้านทองเยาวราช อุบลราชธานี เชื่อคนร้ายยังแอบซ่อนทองคำมูลค่ากว่า 7 ล้านบาทที่ชิงไปเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา แนะตำรวจสอบสวนเพิ่มเติมอย่าหลงกลคนร้าย พร้อมตั้งรางวัลให้ผู้นำทองที่หายมาคืนร้อยละ 10
จากกรณีนายศราวุธ กาศกุล หนุ่มสติเฟื่องควงปืนพกสั้นบุกจี้จับตัวเจ้าของร้านทองเยาวราชสาขาตลาดนิกรธานี ตรงข้ามห้างสรรพสินค้าบิ๊กซีสาขาอุบลราชธานี แล้วกวาดทองคำรูปพรรณหนักกว่า 2,400 บาท มูลค่ากว่า 48 ล้านบาท เมื่อเช้าวันที่ 28 ส.ค. และถูกเจ้าหน้าที่ตามจับตัวได้หลังก่อเหตุไม่ถึง 2 ชั่วโมง ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (4 ก.ย.) นายรุ่งโรจน์ กนกวรรณากร บุตรชายเจ้าของร้านทองเยาวราชที่เกิดเหตุเปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวหลังตรวจสอบรายละเอียดทองคำรูปพรรณที่นายศราวุธชิงไปน้ำหนัก 2,423 บาท มูลค่ากว่า 48 ล้านบาท และได้คืนมา 2,063 บาท จึงยังมีทองคำที่ตามไม่พบอีกกว่า 360 บาท คิดเป็นมูลค่าราว 7.2 ล้านบาท
โดยทองคำที่ยังไม่พบเป็นทองคำเก่าที่ลูกค้านำมาแลกเปลี่ยน และบางส่วนเป็นทองคำจำนำแล้วปล่อยให้ขาด ซึ่งทางร้านได้ใส่ถุงจัดแยกไว้เพื่อเตรียมส่งกลับไปให้ร้านทองเยาวราชสาขาใหญ่ที่กรุงเทพฯ หลอมใหม่ และคนร้ายได้นำใส่ลงในกล่องกระดาษแยกจากกระเป๋าสะพายที่คนร้ายเตรียมมา และกระเป๋าใส่คอมพิวเตอร์ที่คนร้ายเอาจากในร้าน หลังเปิดตู้เซฟแล้วพบมีทองมากกว่าที่คนร้ายคิดไว้
นายรุ่งโรจน์ตั้งข้อสังเกตการทำงานของเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนว่า ไม่มีการนำพยานแวดล้อมมาสอบสวนปากคำเพิ่มเติมตามที่คนร้ายให้การว่าได้นำทองรูปพรรณเก่าไปทิ้งลงในลำน้ำมูลน้อยบริเวณสะพานข้ามแม่น้ำบ้านท่าบ่อ ต.แจระแม อ.เมือง
ซึ่งคนร้ายระบุว่าระหว่างนำทองไปทิ้งลงในแม่น้ำ มีคนหาปลาอยู่ในบริเวณนั้นด้วย เพื่อยืนยันเห็นคนร้ายนำทองมาทิ้งจริงตามที่ให้การ เพราะหลังให้นักประดาน้ำลงงมหาทองตลอดทั้งวันเกิดเหตุ ก็ไม่พบทองจำนวนดังกล่าว
จึงสงสัยว่าคนร้ายอาจนำทองรูปพรรณที่ยังหาไม่พบไปซุกซ่อนไว้ที่ใดที่หนึ่ง เพราะระหว่างหลบหนีคนร้ายมีการฟังวิทยุสื่อสารของเจ้าหน้าที่ตลอด ทำให้รู้ว่ากำลังถูกไล่ติดตาม และทองที่หายไปทั้งหมดเป็นทองเก่ายากแก่การตรวจสอบสามารถนำไปขายแลกเปลี่ยนได้ง่าย คนร้ายจึงให้การเบี่ยงเบนว่ามีการนำทองมูลค่ากว่า 7 ล้านบาทไปทิ้งลงในแม่น้ำ เพื่อให้เจ้าหน้าที่หลงทางและตามไม่พบ
ดังนั้นจึงต้องการให้ชุดสืบสวนตรวจสอบเรื่องนี้ให้ละเอียดอีกครั้งเพื่อความกระจ่าง เพราะขณะนี้เหมือนเจ้าหน้าที่จะไม่สนใจติดตามหาทองที่ยังหายไปมาคืนให้ทั้งที่มีมูลค่ามหาศาล จึงตั้งรางวัลให้ผู้ที่สามารถแจ้งเบาะแสที่ซ่อนทองร้อยละ 10% ของมูลค่าทองคำที่ได้รับคืน
พร้อมทั้งไม่อยากให้คนร้ายได้รับการประกันตัว เนื่องจากครอบครัวของตนยังมีอาการผวาจากเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นาน
ด้าน พ.ต.อ.จุมพล สุวนาม ผกก.สภ.เมืองอุบลราชธานี กล่าวถึงการสืบหาทองคำที่ยังไม่พบและคนร้ายอ้างว่าโยนทิ้งลงไปในแม่น้ำ เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจพยายามสอบปากคำคนร้ายถึงความเป็นไปได้ตามที่คนร้ายให้การ และจากการสืบค้นการใช้โทรศัพท์ของคนร้ายในวันเกิดเหตุที่มีการโทรศัพท์หาใครบ้างเพื่อตรวจสอบความเคลื่อนไหวของคนใกล้ชิดก็ยังไม่พบความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ
และขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างตรวจสอบกล้องวงจรปิดในบริเวณจุดที่คนร้ายอ้างว่าขับรถนำกล่องใส่ทองไปโยนทิ้งน้ำ โดยในช่วงเวลาดังกล่าวมีรถคนร้ายวิ่งผ่านหรือไม่ เพื่อใช้เป็นประจักษ์พยานในการสอบสวนปากคำคนร้าย และจะได้เรียกพยานแวดล้อมที่เห็นมาให้ปากคำเพิ่มเติมด้วย
ขณะที่ พ.ต.ท.ปราโมทย์ ชื่นตา หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีดังกล่าว กล่าวว่า ญาติและทนายความนายศราวุธพยายามยื่นขอประกันตัว แต่พนักงานสอบสวนได้ยื่นร้องคัดค้านการประกันตัวต่อศาล เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ ประกอบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจยังต้องสืบหาทองคำที่สูญหายไปให้ได้กลับมาก่อน เกรงผู้ต้องหาจะไปข่มขู่พยานและผู้เสียหาย จึงคัดค้านการประกันตัวต่อศาลไว้แล้ว