ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ตำรวจปราบยาเสพติดตามไล่ล่าแก๊งขนยาที่ อ.แม่อาย หลังสาย “เพรียวพันธ์” แจ้งเครือข่ายค้ายาขนยาเสพติดลง กทม. แต่พอถึงจุดสกัดคนร้ายไหวตัวเผ่นหนีกระเจิงต้องเร่งติดตามอุตลุด สุดท้ายตามรวบได้ยกแก๊ง 6 คน พร้อมยึดยาบ้า 5 แสนกว่าเม็ด ก่อนขยายผลตามค้นบ้านหัวหน้ากลุ่มยึดยาบ้าเพิ่มอีก 4 พันเม็ด กับตามอายัดทรัพย์สินทั้งเครือข่ายอีกร่วม 9 ล้านบาท
วันนี้ (29 ส.ค.) ศูนย์สกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดพร้อมของกลางในพื้นที่อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยการขยายผลติดตามจับกุมเครือข่ายของกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดพร้อมของกลาง และการตรวจยึดอายัดทรัพย์สินของกลุ่มผู้ค้ายาเสพติด ในระหว่างวันที่ 27-28 ส.ค.ที่ผ่านมา
การจับกุมกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดในครั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้รวม 6 ราย ประกอบด้วย นางสาวพนิดา ถนอมรุ่งเรือง นายวิริยะ แซ่เกอ นายนคร ถนอมรุ่งเรือง นายกฤษกร แสนขวาง นายปรีชา แซ่หม่อ และนายวิชัย แซ่หม่อ ได้ที่บริเวณถนนท่าตอน-แม่จัน กิโลเมตรที่ 35 บ้านท่ามะแกง ตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 263 มัด รวมประมาณ 526,000 เม็ด รถกระบะยี่ห้อนิสสัน รุ่นนาวาร่า สีเทา หมายเลขทะเบียน ป้ายแดง ก 4947 เชียงใหม่ รถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีเทา หมายเลขทะเบียน ผพ 9132 เชียงใหม่ รถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีขาว หมายเลขทะเบียน กบ 5069 เชียงราย และของกลางอื่นๆ
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งประกอบด้วยตำรวจจากศูนย์สกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบังคับการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 5 สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจภูธรภาค 5 สถานีตำรวจภูธรอำเภอแม่อาย และกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 334 ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวของ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีว่าจะมีขบวนการลำเลียงยาเสพติดกลุ่มของนางพนิดา ถนอมรุ่งเรือง และนายวิริยะ แซ่กอ จะเดินทางไปรับยาเสพติดที่บ้านห้วยส้าน ตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อนำไปส่งให้ผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยจะใช้รถกระบะยี่ห้อนิสสัน รุ่นนาวาร่า สีเทา หมายเลขทะเบียน ป้ายแดง ก 4947 เชียงใหม่ และรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีเทา หมายเลขทะเบียน ผพ 9132 เชียงใหม่ เป็นพาหนะในการลำเลียงยาเสพติด จึงได้ติดตามสืบสวน
กระทั่งเมื่อวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบรถต้องสงสัยทั้ง 2 คันออกจากหมู่บ้านโปง ตำบลป่าไผ่ อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ มุ่งหน้าไปยังอำเภอแม่อาย จึงได้ติดตามสะกดรอย ต่อมาพบรถทั้ง 2 คันออกจากหมู่บ้านห้วยส้าน ตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย โดยมีรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีขาว หมายเลขทะเบียน กบ 5069 เชียงราย ขับนำทาง จึงได้ประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่อายทำการสกัดจับที่บริเวณหลัก กม.ที่ 35 บ้านท่ามะแกง
แต่เมื่อถึงจุดดังกล่าว รถทั้ง 3 คันได้เร่งเครื่องขับหลบหนี โดยเจ้าหน้าที่สามารถสกัดจับรถกระบะยี่ห้อนิสสัน รุ่นนาวาร่า สีเทา หมายเลขทะเบียน ป้ายแดง ก 4947 เชียงใหม่ไว้ได้ พร้อมตรวจยึดของกลางภายในรถซึ่งประกอบด้วยยาบ้าจำนวน 263 มัด บรรจุในกระสอบรวม 4 ใบ วางปะปนกับสินค้าทางการเกษตรในกระบะรถ ส่วนผู้ขับและผู้โดยสารคือนายวิริยะ แซ่กอ และนายนคร ถนอมรุ่งเรืองได้ทิ้งรถหลบหนีไป ภายหลังเจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมตัวนายวิริยะได้ภายในบริเวณหมู่บ้านท่ามะแกง ส่วนนายนครถูกจับกุมได้ที่จุดตรวจผาหงส์ สภ.ไชยปราการ หลังหลบหนีขึ้นรถโดยสารมุ่งหน้เข้าสู่จังหวัดเชียงใหม่
ขณะที่รถอีก 2 คันซึ่งหลบหนีการสกัดจับของเจ้าหน้าที่นั้น ได้ขับหลบหนีโดยใช้เส้นทางตามถนนในเขตตำบลแม่นาวาง อำเภอแม่อาย จนกระทั่งถึงบริเวณสวนส้มก่อนถึงบ้านหนองบัวงาม ตำบลแม่นาวาง ทั้งหมดได้จอดรถและวิ่งหลบหนีไป เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ออกติดตามตัว กระทั่งสามารถจับกุมนางพนิดา นายกฤษกร นายวิชัย และนายปรีชา ได้ที่บริเวณสวนส้มดังกล่าว ก่อนจะควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดมาดำเนินคดี
ขณะเดียวกัน ภายหลังการจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 6 ราย เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้ทำการติดตามขยายผล โดยได้เข้าตรวจค้นบ้านพักเลขที่ 55 หมู่ 6 บ้านโปง ตำบลป่าไผ่ อำเภอสันทราย ซึ่งเป็นของนางพนิดา ภายในบ้านซึ่งมีนายสมเพชร ถนอมรุ่งเรือง น้องชายนางพนิดาเป็นผู้ดูแล พบยาบ้าจำนวน 2 มัด รวมประมาณ 4,000 เม็ด และเฮโรอีนอีกประมาณ 1 กรัม ซุกซ่อนในบ้านหลังดังกล่าว จึงตรวจยึดของกลางทั้งหมดพร้อมทั้งจับกุมนายสมเพชรเพื่อดำเนินคดีในอีกข้อหาหนึ่ง
พร้อมกันนี้ยังได้ทำการขยายผลตรวจยึดและอายัดทรัพย์สินของนางพนิดา และนายวิริยะ ประกอบด้วยเงินสดจำนวน 100,000 บาท ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง พื้นที่ประมาณ 4 ไร่ รถยนต์ 3 คัน รถจักรยานยนต์ 2 คัน และทรัพย์สินอื่นๆ รวมมูลค่าประมาณ 8,000,000 บาท และตรวจยึดรถของนายวิชัยอีก 1 คัน ราคาประมาณ 400,000 บาท เพื่อดำเนินการตาม พ.ร.บ.มาตรการฯ ต่อไป
