พิษณุโลก - ผู้บังคับการตำรวจภูธรเมืองสองแคว พร้อมรอง ผอ.กอ.รมน.-ป่าไม้ เปิดยุทธการ “ขอคืนผืนป่าให้แผ่นดิน ครั้งที่ 3” ลุยโค่นสวนยางพารานายทุนใต้ทิ้ง ก่อนปลูกป่าทดแทน เล็งจัดการนายทุนรุกป่า “ชาติตระการ-วัดโบสถ์” ต่อ เผยสกัดนายทุนซื้อที่ป่าได้ชะงัด
วันนี้ (23 ส.ค.) พล.ต.ต.พชร บุญญสิทธิ์ ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก พล.ต.บรรยงค์ สิรสุนทร รอง ผอ.กอ.รมน.จังหวัดพิษณุโลก นายอดิเรก อินใจ ผอ.ส่วนป้องกันและควบคุมไฟป่า สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 สาขาพิษณุโลก ร่วมกับ จนท.ป่าไม้ และตำรวจ เปิดยุทธการ “ขอคืนผืนป่าให้แผ่นดิน ครั้งที่ 3” บริเวณป่าลุ่มน้ำวังทองฝั่งขวา บ้านไพรงาม หมู่ 23 ต.บ้านกลาง อ.วังทอง จ.พิษณุโลก
ผบก.ภ.พิษณุโลก พร้อมด้วยรอง ผอ.กอ.รมน.ได้นำทีมใช้มีด และเครื่องเลื่อยโซ่ยนต์ตัดโค่นต้นยางที่กลุ่มนายทุนปลูกในพื้นที่ป่า จากนั้นให้เจ้าหน้าที่ตัดโค่นทั้งหมด จำนวน 96 ไร่ พร้อมกับปลูกต้นไม้คืนผืนป่าให้แผ่นดิน 1,500 ต้น บนเนื้อที่ 55 ไร่ ที่บ้านห้วยไผ่ หมู่ที่ 8 ต.วังนกแอ่น อ.วังทอง
พล.ต.ต.พชร กล่าวอีกว่า สำหรับผลปฏิบัติการขอคืนผืนป่าให้แผ่นดิน ทั้ง 3 ครั้ง สามารถหยุดการซื้อขายที่ดินได้เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ จากเดิมที่มีการซื้อขายที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิไร่ละ 2 หมื่นบาท ปัจจุบันแทบไม่มีราคา ถือว่าผลงานเป็นที่น่าพอใจ นายทุนไม่กล้าบุกรุกเพิ่ม
สำหรับแปลงที่ถูกตัดต้นยางพาราวันนี้ ทราบว่าเป็นของนายทุนใต้ซึ่งหนีกลับไปแล้ว ส่วนที่กระแสข่าวว่า เป็นลูกหลานนักการเมืองจากภาคใต้นั้น ยังอยู่ในระหว่างการสอบสวนอยู่ยังระบุชัดเจนไม่ได้ เพราะเขาให้ชาวบ้านออกหน้าเป็นเจ้าของที่ดินแทน แต่อย่างไรก็หนีไม่พ้นกฎหมายแน่นอน
“จริงๆ แล้วที่ดินแปลงนี้นายทุนใต้เตรียมนำเอกสาร น.ส.3 จากที่อื่นมาออกเป็นโฉนด แต่ตำรวจสืบทราบก่อน และใช้ ม.25 ตัดโค่นสวนยาง และปลูกป่าแทน นอกจากนี้ ป่าไม้ และตำรวจยังคงเตรียมบังคับใช้กฎหมายต่อไป เขตอำเภอชาติตระการ และวัดโบสถ์ เพื่อทวงคืนผืนป่าให้แผ่นดินต่อไป”
จากนั้น ผบก.ภ.พิษณุโลก และรอง ผอ.กอ.รมน.ได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์สำรวจพื้นที่เป้าหมาย พบมีการทำสวนยางพาราในผืนป่าอีกเป็นจำนวนมาก บางแปลงพบว่ากลางไร่ข้าวโพดมีไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ถูกโค่นล้ม สามารถมองเห็นทางอากาศได้อย่างชัดเจน
พล.ต.บรรยงค์ เปิดเผยว่า พบสวนยางพาราในผืนป่าจำนวนมาก เพราะปล่อยกันมานาน แต่กรณีไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ที่ถูกล้มกลางไร่ข้าวโพด ทำให้ จนท.ตรวจจับไม่เจอ เนื่องจากในฤดูฝนเส้นทางเข้าไปลำบาก และไม่สามารถมองเห็นทางพื้นราบ จึงทำให้มีการโค่นไม้ยืนต้นกลางแปลงไร่ข้าวโพด จากนั้นปีถัดไปจะปรับเปลี่ยนเป็นการปลูกยาพาราแทน
