ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - สายตรวจป่าไม้ภาคเหนือเล็งลงพื้นที่ตรวจป่าสุโขทัยซ้ำ หลังเคยบุกตรวจยึด 2 ปีก่อนได้ไม้เถื่อนนับพันท่อน เผยขบวนการไม้เถื่อนมีทั้งเก็บส่วยไม้ 1.5 แสน/เดือน-ค่าปลูกยางในป่า 3-4 พันบาท/ไร่ หากินมาตั้งแต่ปี 51 ระบุมอดไม้ในป่าแม่มอกมีกว่า 30 กลุ่ม
หลังมีการนำเสนอข่าวเจ้าหน้าที่รัฐร่วมกับชาวบ้าน และนายทุนบุกรุกแผ้วถางป่าสงวนแห่งชาติที่ จ.สุโขทัย ประกอบด้วย ป่าแม่มอก-แม่ลำพัน ท้ายอ่างเก็บน้ำห้วยแม่กองค่าย หมู่ 10 ต.ตลิ่งชัน อ.บ้านด่านลานหอย, ป่าแม่พันลำ-แม่มอก บริเวณบ้านโซกเปือย หมู่ 7 ต.นาขุนไกร อ.ศรีสำโรง, ป่าแม่ท่าแพ-บ้านแม่ทุเลาใน หมู่ 9 ต.กลางดง อ.ทุ่งเสลี่ยม เสียหายรวมกว่า 20,000 ไร่นั้น
ล่าสุดวันนี้ (22 ส.ค.) เจ้าหน้าที่สังกัดกรมป่าไม้คนหนึ่งใน จ.สุโขทัยได้เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า การปกป้องผืนป่าสงวนแห่งชาตินั้นยังคงเป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะคนมีอำนาจรัฐเพิกเฉย และไม่เอาจริงในการจับกุมผู้กระทำผิด ซึ่งมีตั้งแต่ระดับชาวบ้านธรรมดา ผู้นำชุมชน นักการเมืองท้องถิ่น รวมไปถึงนายทุนจากภาคใต้ที่มากว้านซื้อ และบุกรุกเพื่อทำสวนยางพารา
เขาบอกอีกว่า ขบวนการหากินกับป่าสงวนฯ สุโขทัยมีตั้งแต่การเรียกเก็บส่วยไม้เถื่อนวันละ 5-6 เที่ยวคันรถ และการนำไม้แปรรูปเข้ามาในเขตสุโขทัย ก็จะมีการเรียกเก็บผลประโยชน์ 150,000 บาทต่อเดือน ส่วนกลุ่มนายทุนใต้ที่ปลูกยางพาราในเขตป่าสงวนแห่งชาติต้องจ่ายไร่ละ 3,000-4,000 บาท ซึ่งการแสวงหาผลประโยชน์ลักษณะนี้มีมาตั้งแต่ปี 2551 จนถึงปัจจุบัน ขณะที่แก๊งมอดไม้แปรรูปในป่าแม่มอกก็มีมากกว่า 30 กลุ่มด้วยกัน
แหล่งข่าวจากสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เปิดเผยว่า พื้นที่ท้ายอ่างเก็บน้ำห้วยแม่กองค่าย หมู่ 10 ต.ตลิ่งชัน อ.บ้านด่านลานหอย จ.สุโขทัย อยู่ในเขต ส.ป.ก.จริง แต่อยู่ในระหว่างรังวัด ตรวจสอบเพื่อกันพื้นที่คืนกรมป่าไม้ (รีเชฟ) เนื่องจากพื้นที่ไม่เหมาะสม ยืนยันยังไม่ได้ออกใบแข็ง หรือใบ ส.ป.ก.4-01 เนื่องจากยังเป็นพื้นที่มีปัญหา และไม่ได้เตรียมการออกเอกสารสิทธิ
ด้านแหล่งข่าวจากสายตรวจป่าไม้ภาคเหนือ กรมป่าไม้ เปิดเผยว่า ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่มอก-แม่ลำพัน เคยถูกจับและตรวจยึดเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ยึดไม้ท่อนนับพันท่อน บนเนื้อที่ประมาณ 200 ไร่ แต่ไม่ทราบว่ามีการบุกรุกแผ้วถางอีก ซึ่งคงต้องเข้าพื้นที่ไปตรวจสอบอีกครั้ง
“กรมป่าไม้ยึดพื้นที่ดังกล่าวแล้ว นายทุนหรือผู้บุกรุกใดก็ไม่ควรเข้าไป เพราะทราบดีว่า กรมป่าไม้ยึดไปแล้ว”
ส่วนกรณีฝังหลักเขตเป็นพื้นที่ปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) อยู่กลางป่าสงวนนั้น ช่วง 2 ปีที่ผ่านมาก็เห็นปรากฏอยู่ โดยมีขบวนการตัดไม้ และทำลายป่าด้วยการว่าจ้างกลุ่มชาวบ้านเข้าทำลายต้นไม้ขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยังมีขบวนการตัดหน้าดิน ลักษณะลักลอบขุดทรายไปขาย ถือว่าได้ทั้งเงินและทำลายผืนป่าขนาดใหญ่
หลังมีการนำเสนอข่าวเจ้าหน้าที่รัฐร่วมกับชาวบ้าน และนายทุนบุกรุกแผ้วถางป่าสงวนแห่งชาติที่ จ.สุโขทัย ประกอบด้วย ป่าแม่มอก-แม่ลำพัน ท้ายอ่างเก็บน้ำห้วยแม่กองค่าย หมู่ 10 ต.ตลิ่งชัน อ.บ้านด่านลานหอย, ป่าแม่พันลำ-แม่มอก บริเวณบ้านโซกเปือย หมู่ 7 ต.นาขุนไกร อ.ศรีสำโรง, ป่าแม่ท่าแพ-บ้านแม่ทุเลาใน หมู่ 9 ต.กลางดง อ.ทุ่งเสลี่ยม เสียหายรวมกว่า 20,000 ไร่นั้น
ล่าสุดวันนี้ (22 ส.ค.) เจ้าหน้าที่สังกัดกรมป่าไม้คนหนึ่งใน จ.สุโขทัยได้เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า การปกป้องผืนป่าสงวนแห่งชาตินั้นยังคงเป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะคนมีอำนาจรัฐเพิกเฉย และไม่เอาจริงในการจับกุมผู้กระทำผิด ซึ่งมีตั้งแต่ระดับชาวบ้านธรรมดา ผู้นำชุมชน นักการเมืองท้องถิ่น รวมไปถึงนายทุนจากภาคใต้ที่มากว้านซื้อ และบุกรุกเพื่อทำสวนยางพารา
เขาบอกอีกว่า ขบวนการหากินกับป่าสงวนฯ สุโขทัยมีตั้งแต่การเรียกเก็บส่วยไม้เถื่อนวันละ 5-6 เที่ยวคันรถ และการนำไม้แปรรูปเข้ามาในเขตสุโขทัย ก็จะมีการเรียกเก็บผลประโยชน์ 150,000 บาทต่อเดือน ส่วนกลุ่มนายทุนใต้ที่ปลูกยางพาราในเขตป่าสงวนแห่งชาติต้องจ่ายไร่ละ 3,000-4,000 บาท ซึ่งการแสวงหาผลประโยชน์ลักษณะนี้มีมาตั้งแต่ปี 2551 จนถึงปัจจุบัน ขณะที่แก๊งมอดไม้แปรรูปในป่าแม่มอกก็มีมากกว่า 30 กลุ่มด้วยกัน
แหล่งข่าวจากสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เปิดเผยว่า พื้นที่ท้ายอ่างเก็บน้ำห้วยแม่กองค่าย หมู่ 10 ต.ตลิ่งชัน อ.บ้านด่านลานหอย จ.สุโขทัย อยู่ในเขต ส.ป.ก.จริง แต่อยู่ในระหว่างรังวัด ตรวจสอบเพื่อกันพื้นที่คืนกรมป่าไม้ (รีเชฟ) เนื่องจากพื้นที่ไม่เหมาะสม ยืนยันยังไม่ได้ออกใบแข็ง หรือใบ ส.ป.ก.4-01 เนื่องจากยังเป็นพื้นที่มีปัญหา และไม่ได้เตรียมการออกเอกสารสิทธิ
ด้านแหล่งข่าวจากสายตรวจป่าไม้ภาคเหนือ กรมป่าไม้ เปิดเผยว่า ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่มอก-แม่ลำพัน เคยถูกจับและตรวจยึดเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ยึดไม้ท่อนนับพันท่อน บนเนื้อที่ประมาณ 200 ไร่ แต่ไม่ทราบว่ามีการบุกรุกแผ้วถางอีก ซึ่งคงต้องเข้าพื้นที่ไปตรวจสอบอีกครั้ง
“กรมป่าไม้ยึดพื้นที่ดังกล่าวแล้ว นายทุนหรือผู้บุกรุกใดก็ไม่ควรเข้าไป เพราะทราบดีว่า กรมป่าไม้ยึดไปแล้ว”
ส่วนกรณีฝังหลักเขตเป็นพื้นที่ปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) อยู่กลางป่าสงวนนั้น ช่วง 2 ปีที่ผ่านมาก็เห็นปรากฏอยู่ โดยมีขบวนการตัดไม้ และทำลายป่าด้วยการว่าจ้างกลุ่มชาวบ้านเข้าทำลายต้นไม้ขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยังมีขบวนการตัดหน้าดิน ลักษณะลักลอบขุดทรายไปขาย ถือว่าได้ทั้งเงินและทำลายผืนป่าขนาดใหญ่