หนองคาย - รองผู้บัญชาการตรวจคนเข้าเมือง ตรวจประเมินการให้บริการของตรวจคนเข้าเมืองหนองคายที่ได้รับคัดเลือกให้เข้ารับการประเมินตรวจคนเข้าเมืองดีเด่น พร้อมย้ำตรวจคนเข้าเมืองพร้อมทั้งบุคลากรและเทคโนโลยีสู่ประชาคมอาเซียน
วันนี้ (20 ส.ค.) ที่กองกำกับการตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย พล.ต.ต.ณัฐธร เพราะสุนทร รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้นำคณะกรรมการมาตรวจราชการตามโครงการพัฒนาศักยภาพของสถานีตำรวจ โรงพักเพื่อประชาชน ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และในการคัดเลือกตรวจคนเข้าเมืองจังหวัด ประเภทดีเด่น ในปีงบประมาณ 2556
โดยมี พ.ต.อ.ปิติ นิธินนทเศรษฐ์ ผกก.ตม.หนองคาย นำข้าราชการในสังกัดรับการตรวจประเมิน ซึ่งประกอบด้วยการตรวจประเมินตามโครงการวอล์กแรลลี่ ธรรมาภิบาล, ระบบฐานข้อมูลสนับสนุนงานป้องกันปราบปราม, งานขออยู่ต่อ และระบบการควบคุมการผ่านแดน
พล.ต.ต.ณัฐธร เพราะสุนทร รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กล่าวว่า ตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย และตรวจคนเข้าเมืองนครพนม ได้รับการคัดเลือกจากกองบังคับการในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งด่านตรวจคนเข้าเมืองหนองคายต้องแข่งกับด่านตรวจคนเข้าเมืองแม่สอด จ.ตาก โดยต้องประเมินเปรียบเทียบว่าทั้งตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย และตรวจคนเข้าเมืองแม่สอดนั้นมีโครงการริเริ่มสร้างสรรค์ใหม่ๆ ในการปฏิบัติหน้าที่บริการประชาชนและเตรียมพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียนมากน้อยเพียงใดเป็นหลักในการประเมิน นอกเหนือจากด้านอื่นๆ ที่กำหนดไว้ตามหลักเกณฑ์แล้ว
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย มีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรและเทคโนโลยีที่พร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558 แล้ว แต่ยังมีบางด่านที่ต้องเสริมบุคลากรให้เพียงพอ
นอกจากนี้ยังกล่าวถึงกรณีการลักลอบเข้าเมือง โดยเฉพาะกรณีของอดีตพระเณรคำ หรือ นายวิรพล สุขผล ที่มีกระแสข่าวว่าพักอาศัยอยู่ในประเทศลาว พล.ต.ต.ณัฐธรกล่าวว่า ยังไม่มีความชัดเจนว่าพระเณรคำอยู่ที่ลาวจริงหรือไม่ แต่เนื่องจากถูกยกเลิกพาสปอร์ต หากพระเณรคำต้องการเดินทางกลับมาจริงต้องยื่นเรื่องทำเอกสารทดแทนพาสปอร์ตต่อสถานทูตไทย ณ เวียงจันทน์ เจ้าหน้าที่ก็จะทราบโดยทันที แต่หากลักลอบหลบหนีเข้ามาโดยเฉพาะตลอดแนวแม่น้ำโขงด้านจังหวัดหนองคายที่มีความยาวถึง 210 กม. ก็เป็นเรื่องยากในการตรวจสอบ เพราะกำลังเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองหนองคายไม่ได้มีตลอดแนวน้ำโขง ต้องประสานความร่วมมือกับหน่วยงานข้างเคียงร่วมด้วย