มุกดาหาร - เกิดเหตุสลด! ตาวัย 65 ปี พาญาติพี่น้อง 9 ชีวิตนั่งรถมาซื้อของพุ่งชน จยย.ที่จอดอยู่บนสันเขื่อนอ่างเก็บน้ำห้วยขี้เหล็กก่อนพุ่งลงไปในอ่างลึกกว่า 10 เมตร หลานที่นั่งมาด้วยหนีออกมาไม่ทัน เสียชีวิตคารถ 1 ศพ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 22.00 น. คืนที่ผ่านมา (8 ส.ค.) พ.ต.ท.วัชรวิตต์ ทับทิมไสย์ ร้อยเวร สภ.นิคมคำสร้อย จ.มุกดาหาร ได้รับแจ้งว่า มีรถยนต์ตกลงไปในอ่างเก็บน้ำห้วยขี้เหล็ก อ.นิคมคำสร้อย จ.มุกดาหาร มีเด็กติดอยู่ในรถด้วย จึงรีบรุดไปยังที่เกิดเหตุพร้อมหน่วยกู้ชีพโรงพยาบาลนิคมคำสร้อย และหน่วยกู้ภัยอีกหลายหน่วยระดมกำลังเข้าช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
เมื่อถึงที่เกิดเหตุบริเวณถนนบนสันเขื่อนดิน พบร่องรอยของรถยนต์พุ่งลงไปในน้ำที่มีความลึกกว่า 10 เมตร ชาวบ้านที่โดยสารมากับรถคันเกิดเหตุบอกต่อเจ้าหน้าที่ว่า ยังมีเด็กอีก 1 คน ที่ยังไม่สามารถช่วยออกมาได้ เจ้าหน้าที่ต้องดำน้ำลงไปคล้องลวดสลิงกับตัวรถ เพื่อลากขึ้นมาต้องใช้เวลาเกือบ 1 ชั่วโมง จึงสามารถกู้รถขึ้นมาได้ เป็นรถโตโยต้า วีโก้ 4 ประตู สีบรอนซ์ ทะเบียน กข 7902 มุกดาหาร
พบผู้เสียชีวิต 1 คน ทราบชื่อ ด.ญ.ระพีพร คล่องดี (น้องชมพู่) อายุ 5 ปี อยู่บ้านเลขที่ 18 ม.10 ต.นิคมคำสร้อย อ.นิคมคำสร้อย จ.มุกดาหาร เสียชีวิตที่บริเวณเบาะโดยสารด้านหลัง ส่วนคนขับและผู้โดยสารที่นั่งมาด้วยอีก 8 คน สามารถหนีเอาชีวิตรอดมาได้
สอบสวนคนขับทราบชื่อ คือ นายนาย วิ่งปัญญา อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 41/1 ม.10 ต.นิคมคำสร้อย ซึ่งเป็นตาแท้ๆ ของหนูน้อยผู้โชคร้าย รับสารภาพว่า ได้นำกลุ่มญาติพี่น้องรวมตนทั้งหมด 9 คน ขับรถเข้าตัวอำเภอเพื่อซื้อของ เมื่อมาถึงบริเวณสันเขื่อนของอ่าง ได้ชนกับรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ริมทางก่อนที่จะพุ่งลงน้ำ และจมอย่างรวดเร็ว ตนหนีออกมาทางกระจกด้านข้างคนขับรอดอย่างหวุดหวิด
ด้านนางจวง สุขสะอาด อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 18 ม.10 ต.นิคมคำสร้อย อ.นิคมคำสร้อย จ.มุกดาหาร ย่าแท้ๆ ของน้องชมพู่ เล่าว่า ตนพร้อมญาติ และน้องชมพู่ นั่งรถมาด้วยกันเมื่อมาถึงที่เกิดเหตุได้ยินเสียงเหมือนรถชนอะไรสักอย่างก่อนเสียหลักพุ่งลงอ่างเก็บน้ำอย่างรวดเร็ว ตนและน้องชมพู่ นั่งอยู่เบาะด้านหลังพยายามหนีเอาชีวิตรอด แต่น้ำเข้ามาในรถอย่างรวดเร็วมากทำให้ไม่สามารถช่วย น้องชมพู่ ออกมาได้
พ.ต.ท.วัชรวิตต์ ทับทิมไสย์ ร้อยเวรสถานีตำรวจภูธรนิคมคำสร้อย กล่าวว่า เบื้องต้นได้ตั้งข้อหานายนาย วิ่งปัญญา ในข้อหาขับประมาทจนทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ก่อนจะนำตัวไปตรวจแอลกอฮอล์ในเลือดว่ามีปริมาณเกินกฎหมายที่กำหนดหรือไม่ ก่อนมอบศพผู้เสียชีวิตให้แก่ญาตินำไปทำพิธีทางศาสนาต่อไป