เชียงราย - กลุ่มชาวบ้านชายแดนแม่สายรวมตัวขับไล่นายอำเภอพ้นพื้นที่ใน 7 วัน หลังจี้ตรวจสอบโครงการบ่อบำบัดน้ำเสีย 260 ล้านแล้วกลับไม่ยอมส่งเรื่องตามขั้นตอน พร้อมแฉแหลก “แม่สาย” วันนี้ บ่อนใหญ่-เล็ก แถมคาราโอเกะแฝงค้ากามผุดเกลื่อนเมือง
วันนี้ (6 ส.ค.) ชาวบ้านจากพื้นที่ ม.1 ม.2 ม.7 และ ม.10 ต.แม่สาย อ.แม่สาย จ.เชียงราย ประมาณ 300 คน นำโดยนายปรีชา ศรีเพชร อดีตปลัด อ.แม่สาย ได้รวมตัวกันบริเวณถนนพหลโยธินหน้าที่ว่าการ อ.แม่สาย เพื่อขับไล่นายสมชัย รุ่งสาคร นายอำเภอแม่สาย เนื่องจากตอบสนองกรณีชาวบ้านได้ยื่นหนังสือขอให้ตรวจสอบโครงการบ่อบำบัดน้ำเสียมูลค่าประมาณ 260 ล้านบาท ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่จะสร้างขึ้นบริเวณชายแดนไทย-พม่า แต่ทางนายอำเภอไม่เสนอต่อจังหวัดตามขั้นตอน
โดยกลุ่มผู้ชุมนุมได้ปักหลักอยู่บนถนนหน้าประตูทางเข้าที่ว่าการอำเภอ และถือป้ายมีเนื้อหาต่อต้านโครงการ และยังมีป้ายกระดาษที่มีเนื้อหาระบุถึงสถานที่อบายมุขในพื้นที่ชายแดนด้าน อ.แม่สาย
นายปรีชากล่าวด้วยว่า เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 56 ที่ผ่านมา ตนและชาวบ้านเคยเข้ายื่นหนังสือต่อนายอำเภอแม่สายเพื่อแจ้งต่อทางอำเภอว่า เทศบาล ต.แม่สายได้พยายามขับเคลื่อนโครงการดังกล่าว แต่มีการทำประชาพิจารณ์โดยไม่ผ่านขั้นตอนทางกฎหมายรัฐธรรมนูญ คือไม่ได้จัดทำประชาพิจารณ์เพื่อรับฟังความเห็นของประชานชนอย่างทั่วถึง ทำให้ชาวบ้านไม่มีส่วนร่วม หรือรับรู้มาก่อน ดังนั้นจึงขอยื่นหนังสือผ่านอำเภอไปยังผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย โดยให้เวลา 30 วันจะไปฟังคำตอบ
แต่ปรากฏว่าช่วงที่ยื่นหนังสือไปแล้วตนได้พยายามติดต่อไปยังศาลากลางจังหวัดหลายครั้งก็ได้รับแจ้งว่าไม่ได้รับหนังสือจากทางอำเภอแม่สายเลย แสดงว่านายอำเภอคนนี้ไม่ได้สนใจความทุกข์ยากของประชาชน พวกตนจึงไม่อาจจะไว้วางใจได้อีกต่อไป
นายปรีชากล่าวอีกว่า นอกจากจะไม่สนใจต่อคำเรียกร้องของประชาชนดังกล่าวแล้ว ช่วงอยู่ในตำแหน่งยังมีอบายมุขมากมาย ไม่ว่าจะเป็นบ่อนขนาดใหญ่ 2 แห่งที่กางเต็นท์เล่นกันข้างถนนพื้นที่บ้านสันผักฮี้ ต.แม่สาย ภายในมีการพนันทุกอย่างครบถ้วน มีคนเล่นวันละ 100-200 คน ตั้งอยู่ห่างจากบ้านกำนันแค่ 200 เมตร และบ่อนป่ายาง ตั้งอยู่ข้างวัดป่ายาง มีผู้ลงทุนทั้งชายหญิงรวม 3 คน โดยมีข้าราชการรวมอยู่ด้วย ปัจจุบันกำลังก่อสร้างเป็นอาคารขนาดใหญ่ ทั้งยังไม่รวมบ่อนเล็กบ่อนน้อยที่มีอยู่ทั่วไป รวมทั้งมีบ่อนมะก่องถี่ ซึ่งเป็นการพนันตามชายแดนตั้งอยู่ใกล้สะพานข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 2 ด้วย
“เรื่องเหล่านี้นายอำเภอทราบเรื่องแล้วหรือไม่ นอกจากนี้ที่ใกล้บ้านของผมที่ชุมชนเกาะทรายยังมีการค้าโสเภณีในรูปแบบคาราโอเกะและนวด ซึ่งร้านเหล่านี้ไม่มีใบอนุญาต แต่ลักลอบขายบริการทางเพศทั้งวันทั้งคืน รวมทั้งตลอดแนวลำน้ำสายชายแดนไทย-พม่าก็มีการเปิดเป็นท่าเรือเถื่อนนับ 10 แห่งเรียงรายกันเพื่อขนทั้งคน สินค้า และยังมีท่ารถเถื่อนโดยเฉพาะอีกด้วย โดยท่าน้ำเหล่านี้เปิดตั้งแต่ 06.00-21.00 น.” นายปรีชากล่าว
นายปรีชายังกล่าวอีกว่า แม้แต่ลานหน้าที่ว่าการอำเภอ ซึ่งควรเป็นพื้นที่ที่เปิดให้ภาคประชาชนทั่วไปเข้ามาใช้ประโยชน์ ทั้งกลุ่มที่มาติดต่อราชการกับทางอำเภอ หรือชุมนุมเพื่อยื่นข้อเรียกร้องตามกฎหมาย แต่ทางอำเภอกลับนำพื้นที่ไปทำธุรกิจเปิดให้ขายสินค้า อ้างว่าเพื่อสนับสนุนโอทอป ทั้งๆ ที่ร้านค้าเหล่านี้มาจากกรุงเทพฯ หรือต่างจังหวัดทั้งนั้นไม่ใช่สินค้าโอทอปจากคนแม่สายหรือเชียงรายแต่อย่างใด
“สงสัยเหมือนกันว่างบประมาณที่ได้จากการเปิดให้ขายของหน้าที่ว่าการอำเภอ นำไปใช้อย่างไร ทั้งนี้ตนอยากถามว่ามีการรับเงินกันไปสัปดาห์ละ 300,000 บาทนั้นจริงหรือไม่ด้วย”
ต่อมานายวิวัฒน์ แจ้งสว่าง ปลัดอาวุโส อ.แม่สาย จ.เชียงราย ได้เข้ารับเรื่องจากชาวบ้านโดยระบุว่า นายอำเภอไปประชุมที่ศาลากลางจังหวัด พร้อมกับพยายามชี้แจงว่า หลังจากชาวบ้านยื่นหนังสือให้ทางอำเภอเมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 56 แล้วทางอำเภอได้ยื่นเรื่องให้ทางจังหวัด และจังหวัดได้ให้ทางเทศบาล ต.แม่สายชี้แจงข้อเท็จจริงอยู่ ขณะนี้กำลังรอทางจังหวัดแจ้งกลับมา
อย่างไรก็ตาม นายปรีชา และคณะไม่เชื่อในข้อมูลดังกล่าว พร้อมระบุว่าข้อเรียกร้องของชาวบ้านครบกำหนดระยะเวลา 30 วันหรือถึงวันที่ 16 ก.ค. 56 ที่ผ่านมา แต่เมื่อตนสอบถามทางจังหวัดก็ได้รับแจ้งว่าไม่ได้รับเรื่องจากอำเภอแต่อย่างใด พอรู้ว่าชาวบ้านจะออกมาเรียกร้องอีกครั้ง ทางอำเภอจึงรีบทำหนังสือย้อนหลังเมื่อวันที่ 17 ก.ค. 56 ที่ผ่านมานี้เอง จึงแสดงให้เห็นว่านายอำเภอไม่มีความจริงใจต่อข้อเรียกร้องของประชาชน
“ตอนนี้ผ่านมากว่า 50 วันแล้ว จึงขอให้นายอำเภอลาออกภายใน 7 วัน ไม่เช่นนั้นจะไปแจ้งความดำเนินคดีที่ สภ.แม่สาย หรืออาจจะพากันไปชุมนุมที่ศาลากลาง จ.เชียงรายต่อไป”
ก่อนการสลายการชุมนุม นายปรีชาได้เป็นตัวแทนชาวบ้านยื่นหนังสือให้นายวิวัฒน์ มีเนื้อหาว่า ชาวบ้านเคยยื่นหนังสือขอให้ทางอำเภอไปถึงจังหวัดให้ตรวจสอบโครงการก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียเทศบาล ต.แม่สาย แต่ไม่ได้รับคำตอบเพราะไม่มีการยื่นหนังสือไปให้ทางจังหวัดตามขั้นตอน
ดังนั้นจึงเห็นว่านายอำเภอแม่สายกระทำละเว้นต่อการปฏิบัติหน้าที่และขัดต่อนโยบายของรัฐบาล กรมการปกครอง จึงขอให้ทางผู้ว่าราชการ จ.เชียงรายมีคำสั่งย้ายลาออกจากพื้นที่ภายใน 7 วัน และดำเนินการสอบสวนวินัย จากนั้นจึงสลายตัวกลับทันที
