ดีเอสไอบุกช่วยสาวชาวพม่าถูกบังคับขายบริการทางเพศ 12 ราย ที่ จ.พังงา และภูเก็ต จากการประสานของสมาคมชาวพม่าในประเทศไทย ผู้เสียหายระบุถูกบังคับให้ขายบริการทางเพศทุกวันแม้ในช่วงที่มีประจำเดือนก็ไม่ให้หยุดทำงาน
วันนี้ (17 ก.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ รองอธิบดีดีเอสไอ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผบ.สำนักคดีพิเศษภาค ร่วมแถลงข่าวกรณีการช่วยเหลือหญิงสาวชาวพม่าถูกบังคับขายบริการทางเพศ 12 ราย ที่ จ.พังงา และ จ.ภูเก็ต
สืบเนื่องจากอธิบดีดีเอสไอมอบหมายให้ พ.ต.ท.คมวิชช์ พัฒนรัฐ ผอ.ส่วนป้องกันและปราบปราม 1 ศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ ลงพื้นที่ จ.พังงา หลังจากได้รับการประสานจากสมาคมชาวพม่าในประเทศไทย (Myanmar Association In Thailand หรือ MAT) ซึ่งให้ข้อมูลว่ามีผู้หญิงชาวพม่าหลายคน รวมทั้งมีเด็กต่ำกว่า 18 ปี ถูกบังคับกักขังให้ขายบริการทางเพศที่จังหวัดพังงา
จากการลงพื้นที่สืบสวนสอบสวนพบว่า ร้านใบเฟิร์น ตั้งอยู่หมู่ที่ 3 ต.คุระ อ.คุระบุรี จ.พังงา เป็นสถานขายบริการทางเพศ และมีการบังคับกักขังหญิงสาวชาวพม่าให้ขายบริการทางเพศจริง จึงสนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรคุระบุรี จ.พังงา เข้าช่วยเหลือผู้หญิงชาวพม่า จำนวน 8 คน มีอายุระหว่าง 16-29 ปี จากการสอบปากคำทั้งหมดให้การตรงกันว่าถูกบังคับให้ขายบริการทางเพศทุกวันแม้ในช่วงที่มีประจำเดือนก็ไม่ให้หยุดทำงาน หากไม่ยินยอมจะถูกทำร้าย และมีการกักขังผู้ที่หลบหนีแล้วจับตัวกลับมาได้พร้อมขู่ฆ่าถ้าจะหลบหนีอีก และอ้างว่าจะให้ค่าตอบแทนครั้งละ 150 บาท แต่ไม่ได้รับเงินจริงเพราะต้องถูกหักค่าใช้จ่ายในการพาเข้ามาจากประเทศพม่า และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ตามที่เจ้าของร้านจ่ายไปก่อน รวมทั้งยังยึดโทรศัพท์มือถือและหนังสือเดินทางไว้อีกด้วย ทั้งนี้ สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 1 คน และออกหมายจับผู้ต้องหาอีก 2 คนซึ่งเป็นตัวการสำคัญอยู่ระหว่างหลบหนี
นอกจากนี้ยังสืบสวนขยายผลจนทราบว่า ผู้ต้องหากลุ่มนี้ได้นำผู้หญิงชาวพม่าอีกจำนวน 4 คนไปบังคับขายบริการทางเพศที่ จ.ภูเก็ต จึงได้ประสานกับสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต ให้ทำการสืบสวนจนสามารถช่วยเหลือผู้หญิงชาวพม่าทั้ง 4 คนดังกล่าวไว้ได้ พร้อมจับกุมผู้ต้องหาในขบวนการเดียวกันได้เพิ่มเติมอีก 2 คน
อย่างไรก็ตาม จากการดำเนินการในครั้งนี้สามารถช่วยเหลือผู้เสียหายชาวพม่าได้ทั้งหมด 12 คนและมีผู้ต้องหาใน 2 คดีนี้ รวม 5 คน เป็นคนไทย 4 คน และคนลาว 1 คน
อธิบดีกล่าวว่า ตนได้ประชุมกำชับหน่วยงานต่างๆ ในสังกัด ให้ช่วยกันดำเนินการปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์ทั่วประเทศอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพราะเกิดผลกระทบต่อประเทศไทยในด้านต่างๆ เป็นอย่างมาก และรัฐบาลก็ให้ความสำคัญในปัญหานี้เป็นอย่างยิ่ง