สะพัด “สมีคำ” ถอดจีวรแล้วขอเป็นคนมะกัน ขณะที่พระลูกศิษย์ปัดข่าวลือ

ศรีสะเกษ - สะพัด “สมีคำ” ถอดจีวร 3 วันแล้ว พร้อมยื่นขอเป็นคนอเมริกันไม่กลับไทย ขณะที่พระลูกศิษย์อดีตพระเณรคำปัดไม่มีข่าวลือดังกล่าวเกิดขึ้นที่วัดป่าขันติธรรม

วันนี้ (28 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีข่าวลือสะพัดตลอดทั้งวันว่า อดีตพระวิรพล ฉัตติโก หรือหลวงปู่เณรคำ ประธานสงฆ์วัดป่าขันติธรรม บ.ยาง ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ต่างประเทศ ได้ลาสิกขาแล้วเมื่อวันที่ 26 ก.ค.ที่ผ่านมาหรือ 3 วันที่แล้ว และกำลังยื่นขอเป็นพลเมืองของสหรัฐอเมริกา ไม่กลับประเทศไทย ซึ่งข่าวดังกล่าวได้สร้างความสับสนให้พระลูกศิษย์หลวงปู่เณรเป็นอย่างมาก

ล่าสุดเมื่อเวลา 20.30 น.วันเดียวกันนี้ (28 ก.ค.) พระวิโรจน์ อิรินทโม หรือพระปีโป้ ซึ่งเป็น 1 ใน 3 พระลูกศิษย์หลวงปู่เณรคำ ที่คณะสงฆ์จังหวัดศรีสะเกษคัดเลือกให้จำพรรษาอยู่ที่วัดป่าขันติธรรมหรือที่พักสงฆ์ขันติธรรมต่อไปโดยไม่ต้องย้ายกลับวัดต้นสังกัดเดิม เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า อาตมาจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าขันติธรรมตลอดเวลา และวันนี้ก็อยู่ที่วัดทั้งวันไม่พบเห็นมีข่าวลือดังกล่าวเกิดขึ้น พระลูกวัดป่าขันติธรรมที่ปัจจุบันจำพรรษาอยู่ด้วยกันทั้งหมด รวม 5 รูป คือ พระครูธรรมธรคำไข โสภาจาโร ประธานสงฆ์ที่พักสงฆ์ขันติธรรม พระแหลม หลวงพ่อยศ และพระบวชใหม่อีก 1 รูปก็อยู่กันเป็นปกติ ไม่ได้มีความสับสนวุ่นวายเกี่ยวกับข่าวลือการลาสิกขาบทของหลวงปู่เณรคำแต่อย่างใด

ส่วนที่บอกว่ากลุ่มลูกศิษย์หลวงปู่เณรคำที่จำพรรษาอยู่ในวัดป่าขันติธรรม ขึ้นไปรวมตัวกันที่บนชั้น 3 ของที่พักสงฆ์กุฏิหลังเขียว ที่เคยเป็นห้องพักส่วนตัวของอดีตพระเณรคำ เพื่อสอบถามหารือถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างเคร่งเครียดนั้น ยิ่งเป็นไปไม่ได้เพราะปัจจุบันกุฏิดังกล่าวถูกล็อกกุญแจปิดตายไว้หมดแล้ว ไม่มีใครสามารถขึ้นไปได้ และความเป็นจริงแล้วห้องพักส่วนตัวของหลวงปู่เณรคำนั้นอยู่ที่ชั้น 2 ไม่ใช่ชั้น 3 ซึ่งเป็นดาดฟ้าแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม ในเรื่องเดียวกันนี้ “คมชัดลึกออนไลน์” รายงานว่า พระครูธรรมธรคำไข ได้กล่าวระบุว่า ได้ยินข่าวเช่นกันว่าอดีตหลวงปู่เณรคำได้ลาสิกขาขาดจากการเป็นพระ 3 วันแล้ว ซึ่งตรงกับวันที่เจ้าหน้าที่ของบริษัทก้าวหน้ามีเดียนำพนักงานเจ้าหน้าที่มาขนข้าวของวัตถุมงคลที่พอจะมีราคาอยู่บ้างไปจากกองงานวัตถุมงคลจากที่พักสงฆ์ป่าขันติธรรม ซึ่งอาตมาได้เสนอต่อพระทุกรูปว่าให้อยู่ด้วยกันที่พักสงฆ์ป่าขันติธรรมนี้ เพราะเมื่อเรื่องราวต่างๆ จบอาตมาก็จะกลับวัดที่ อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ และเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษก็คงจะพิจารณาให้พระรูปใดรูปหนึ่งขึ้นมาดูแลที่พักสงฆ์แห่งนี้เพื่อจะได้เสนอจัดตั้งให้เป็นวัดต่อไป