“ภูเก็ต” ไข่มุกอันดามัน แหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลก ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาจำนวนมาก ซึ่งในปีนี้คาดว่าจะทะลุ 10 ล้านคน โดยตั้งแต่เดือนตุลาคม 2555-มิถุนายน 2556 มีผู้โดยสารต่างชาติผ่านสนามบินภูเก็ต จำนวน 8.2 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันกับปีที่ผ่านมาประมาณ 24% ขณะที่ปีที่แล้ว มีผู้โดยสารต่างชาติผ่านสนามบินภูเก็ต จำนวน 6.9 ล้านคน
เมื่อตัวเลขนักท่องเที่ยวขยับสูงขึ้นทุกๆ ปี ภูเก็ต จึงกลายเป็นขุมทรัพย์สำหรับนักลงทุนทั้งไทย และต่างชาติที่มองเห็นลู่ทาง และผลตอบแทนจากเม็ดเงินลงทุนด้านท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว รวมทั้งธุรกิจอื่นๆ
แต่ถ้าจะโฟกัสไปยังทุนต่างชาติที่เข้ามาทำธุรกิจด้านการท่องเที่ยวในภูเก็ตแบบผูกขาด ทำธุรกิจแบบครบวงจร ตั้งแต่ขายทัวร์จ่ายเงินกันมาจากต่างประเทศ รถรับ-ส่งนักท่องเที่ยว ร้านอาหาร สปา นวด บาร์ ร้านขายของที่ระลึก ไทม์แชร์ริ่ง โกยเงินเข้ากระเป๋าต่างชาติชนิดที่รายได้แทบจะไม่ตกถึงคนท้องถิ่น และคนไทยเลยนั้น เหมือนเป็น “มาเฟียทางธุรกิจ” ก็ว่าได้
ในปัจจุบัน ต่างชาติที่ทำธุรกิจทัวร์แบบครบวงจรในภูเก็ตมีอยู่หลายกลุ่มทัวร์ ไม่จะเป็นทัวร์รัสเซีย ทัวร์เกาหลี และทัวร์จีน ซึ่งเป็นทัวร์คุณภาพค่อนข้างต่ำ ที่แทบจะกลายเป็นทัวร์ศูนย์เหรียญ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า นักท่องเที่ยวทั้ง 3 กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่เข้ามาภูเก็ตติดอันดับต้นๆ โดยจีนเข้ามาสูงเป็นอันดับ 1 ตามมาด้วยรัสเซีย และเกาหลี และที่สำคัญ นักท่องเที่ยวทั้ง 3 กลุ่มนี้เข้ามาภูเก็ตในช่วงกรีนซีซัน (หน้าฝน) ซึ่งเป็นช่วงที่หมดฤดูกาลท่องเที่ยวสำหรับกลุ่มยุโรปแล้ว ทำให้การท่องเที่ยวของภูเก็ตคึกคักตลอดทั้งปี อัตราการเข้าพักโรงแรมเฉลี่ยเพิ่มสูงขึ้น แต่รายได้จากการท่องเที่ยวกลับไม่เพิ่มสูงขึ้นตามตัวเลขนักท่องเที่ยว
ที่ซ้ำร้ายไปกว่านั้น ผู้ประกอบการต่างชาติยังกีดกันการทำมาหากินของคนท้องถิ่น เปิดเคาน์เตอร์ทัวร์ขายตัดหน้า กีดกันไม่ให้นักท่องเที่ยวรัสเซียใช้บริการรถแท็กซี่ของคนในท้องถิ่น แม้แต่ซักรีดก็ยังเปิดกิจการแข่ง จนคนท้องถิ่นทนกับพฤติกรรมไม่ไหว ออกมาประท้วงขับไล่ให้พ้นพื้นที่ไปแล้วหลายจุด ที่หาดกะรน อ.เมืองภูเก็ต และบางเทา อ.ถลาง จนกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ต้องลงพื้นที่มาตรวจสอบไปรอบหนึ่งแล้วก่อนหน้านี้
เมื่อพูดถึง “รัสเซีย” นั้น ได้ขยายฐานการลงทุนด้านการท่องเที่ยวเข้ามาภูเก็ตที่เห็นชัดๆ เมื่อประมาณ 4-5 ปีนี้เอง ได้ย้ายฐานมาจากพัทยา หลังจากที่นักท่องเที่ยวรัสเซียเข้าพัทยาจนล้น และมีปัญหาความขัดแย้งในกลุ่มรัสเซียด้วยกันเอง ภูเก็ตจึงกลายเป็นขุมทรัพย์ที่ทำมาหากินแหล่งใหม่ของรัสเซีย
รัสเซียหอบเอาเงินทุนจากพัทยามาลงทุนที่ภูเก็ต แต่พฤติกรรมการลงทุนที่ภูเก็ตนั้นแตกต่างจากที่พัทยา โดยที่ภูเก็ตกลุ่มรัสเซียเข้ามาลงทุนแบบเงียบๆ อาศัยคนไทยเป็นใบเบิกทางทางธุรกิจ เพราะกลุ่มรัสเซียได้ประสบการณ์การลงทุนในเมืองไทยจากพัทยามาแล้ว
เมื่อรัสเซียขยายฐานการลงทุนจากพัทยามาภูเก็ต ใช้คนไทยเป็นนอมินี หรือแต่งงานจดทะเบียนสมรสกับหญิงไทย จากนั้นก็ขอจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทโดยมีคนรัสเซียร่วมถือหุ้น ในสัดส่วนตามที่กฎหมายกำหนดคนไทย 51% ต่างชาติ 49%
โดยการประกอบธุรกิจด้านต่างๆ ทั้ง บริษัททัวร์ เคาน์เตอร์ทัวร์ อสังหาริมทรัพย์ ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ต ผับ บาร์ รวมถึงไทม์แชร์ริ่ง คุกคามเข้าไปยังแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ ของภูเก็ตอย่างรวดเร็ว ตามตัวเลขนักท่องเที่ยวรัสเซียที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นอันดับ 2 ของภูเก็ตในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ เช่น ป่าตอง กมลา กะตะ กะรน เชิงทะเล และบางเทา ทำกันแบบครบวงจร ตั้งแต่นักท่องเที่ยวลงจากสนามบินจนกลับประเทศ เงินทองแทบจะไม่รั่วไหลในพื้นที่ หรือตกหล่นถึงคนท้องถิ่น และคนไทยเลย
จากการตรวจสอบไปยังสำนักงานพัฒนาธุริจและการค้าภูเก็ต พบว่า จนถึงขณะนี้มีนิติบุคคลที่จดทะเบียนเป็นบริษัท และห้างหุ้นส่วนจำกัด ที่มีคนรัสเซียถือหุ้นทั้งสิ้น 171 บริษัท แต่ที่ดำเนินกิจการอยู่ในขณะนี้น่าจะมีประมาณ 100 ราย
หลังจากมีบริษัททัวร์เกิดขึ้น ทั้งรายเล็ก และรายใหญ่ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ปัญหาที่ตาม คือ ทัวร์ศูนย์เหรียญ ขายทัวร์คุณภาพต่ำเหมือนกับทัวร์จีนที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ดำเนินการโดยบริษัททัวร์ยักษ์ใหญ่ของรัสเซีย ซึ่งขณะนี้มีบริษัททัวร์รัสเซียยักษ์ใหญ่อยู่ 3 บริษัท คือ บริษัท P บริษัท S และ บริษัท T (นามสมมติ) ซึ่งดำเนินการถูกต้องตามที่กฎหมายไทยกำหนด ขายทัวร์แบบเบ็ดเสร็จมาจากรัสเซีย เมื่อนักท่องเที่ยวมาถึงภูเก็ตก็ใช้บริการกิจการด้านการท่องเที่ยวในเครือของรัสเซียทั้งหมด เช่น ที่พักนั้นก็จะใช้ที่พักของคนรัสเซียที่ได้ลงทุนซื้อโรงแรมเล็กๆ ไว้ เช่น บริเวณในหาน ต.ราไวย์ อ.เมืองภูเก็ต รวมทั้งมีการเช่าบ้านในราคาที่สูงแล้วนำนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียเข้ามาพัก หาดป่าตอง เชิงทะเล หรือเช่าเหมาโรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ล่วงหน้าเป็นรายปี
ที่พักที่ทัวร์รัสเซียเข้าพักที่ป่าตองจะอยู่ในบริเวณถนนราชอุทิศ 200 ปี (ถนนสาย 2) และถนนผังเมืองสาย ก. (ถนนสาย 3) หรือไม่ก็ซื้อคอนโดมิเนียมแบบเหมาทั้งชั้น เพื่อให้นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เข้าพัก นำเที่ยวตามโปรแกรมมาทัวร์ที่บรรจุไว้ตามแหล่งท่องเที่ยวเหมือนทัวร์จีนคุณภาพต่ำ เช่น ไปแหลมพรหมเทพ ไปชมวิวบนเขารัง ไปพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ไปตามเกาะแก่งต่างๆ เป็นต้น ทานอาหารที่ร้านอาหารของรัสเซีย เช่นเดียวกับการซื้อของที่ระลึกก็จะมีร้านจำหน่ายของที่ระลึกของคนชาติเดียวกัน ที่กระจายอยู่ตามจุดต่างๆ ทั่วทั้งเกาะภูเก็ต ซึ่งรวมไปถึงบริษัททัวร์เล็กๆ ของรัสเซียก็จะขายในลักษณะเดียวกัน ทำให้นักท่องเที่ยวรัสเซียที่เดินทางมาแบบกรุ๊ปทัวร์ ผลประโยชน์ไม่ตกถึงคนภูเก็ตเลย เพราะรายได้จะจ่ายกันในต่างประเทศเสร็จเรียบร้อยมาแล้ว
แหล่งข่าวด้านอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตรายหนึ่ง ระบุว่า รัสเซียได้หนีจากพัทยาที่มีปัญหาเข้ามาภูเก็ตเมื่อประมาณปี 2550 เข้ามาลงทุนด้านอสังหาฯ และท่องเที่ยว ในลักษณะการร่วมลงทุนกับคนไทย แต่ในความเป็นจริงแล้ว อำนาจการบริหารและเงินลงทุนเป็นของคนรัสเซียทั้งนั้น คนไทยมีบทบาทเป็นเพียงพนักงานในบริษัทเท่านั้น โดยเข้ามาลงทุนด้านอสังหาฯ และท่องเที่ยว มีการซื้อโรงแรมขนาดเล็กๆ ในพื้นที่ในหาน ต.ราไวย์ ที่ป่าตอง ที่เชิงทะเล หรือไม่ก็เช่าบ้านคนไทยในระยะยาวในราคาที่ค่อนข้างสูงแล้วก็นำนักท่องเที่ยวมาใช้บริการ
ยึดหัวหาดบางเทากีดกันคนท้องถิ่น
ที่สำคัญกลุ่มรัสเซียจะเข้ามาเปิดเคาน์เตอร์ทัวร์ทั่วทุกหาดที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก เช่น ที่กะตะ กะรน มีมากว่า 10 แห่ง แต่เมื่อมีปัญหากับคนท้องถิ่นได้เลิกกิจการไปเหลือประมาณ 5 แห่ง เช่น ที่บริเวณสามแยกคลับเมด หน้าโรงแรมมารีนา เป็นต้น และที่ป่าตอง กระจายอยู่ตามจุดต่างๆ ไม่ต่ำกว่า 10 แห่งเช่นกัน รวมทั้งเดินเสนอขายให้แก่นักท่องเที่ยวรัสเซียโดยใช้ความได้เปรียบคนท้องถิ่นที่สามารถสื่อสารเป็นภาษารัสเซียได้นำเสนอขายทุกกิจกรรมที่อยู่ในเครือข่ายของรัสเซีย
พฤติกรรมดังกล่าวเป็นการขายทัวร์แข่งกับคนไทย สร้างความเดือดร้อนให้แก่คนท้องถิ่นที่เปิดเคาน์เตอร์ขายทัวร์อยู่แล้ว และกีดกันไม่ให้คนรัสเซียใช้บริการรถแท็กซี่ และรถตุ๊กตุ๊กของคนท้องถิ่น จนต้องรวมตัวกันออกมาประท้วงไปแล้วก่อนหน้านี้ ทั้งที่กะรน และบางเทา
แต่เมื่อมีการประท้วงจากคนในพื้นที่ และหน่วยงานราชการเข้ามาดูแลเข้มงวดขึ้น ก็ได้ปรับเปลี่ยนมาให้คนไทยออกหน้าขายแทน แต่เคาน์เตอร์ทัวร์ และกิจการต่างๆ ก็ยังคงเป็นของคนรัสเซียเหมือนเดิม เพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่จับกุม
เช่น ที่หาดบางเทา ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต แหล่งข่าวในพื้นที่บางเทารายหนึ่ง ระบุว่า รัสเซีย เริ่มเข้ามาทำธุรกิจในพื้นที่บางเทาอย่างเห็นชัดเจน หลังจากที่โรงแรมใหญ่แห่งหนึ่งในซอยอ่าวบางเทาหันไปทำตลาดรัสเซีย โดยจับมือกับบริษัทนำเที่ยวยักษ์ใหญ่รัสเซีย บริษัท P ส่งลูกค้าเข้ามาให้แก่โรงแรม และโรงแรมอื่นๆ ทำให้ตลาดรัสเซียคึกคักขึ้นมา
ทำให้กลุ่มคนรัสเชียกลุ่มหนึ่งมองเห็นลู่ทางการทำธุรกิจท่องเที่ยวกับคนรัสเซีย ทำธุรกิจที่รู้จักกันในนาม “ALEX TOUR” โดยมีชาวรัสเซียที่คนบริเวณซอยอ่าวบางเทาเรียกว่า “อเล็กซ์” เป็นหัวเรือใหญ่ เข้ามาขายทัวร์ส่งลูกทัวร์ให้แก่บริษัทนำเที่ยวของคนในพื้นที่ และใช้บริการทุกอย่างของคนพื้นที่ แต่เมื่อรัสเซียกลุ่มนี้มองช่องทางการท่องเที่ยวที่เติบโตขึ้น จึงได้ซื้อกิจการเคาน์เตอร์ทัวร์จากคนท้องถิ่นมาดำเนินการบางส่วน พร้อมทั้งเช่าอาคารในบริเวณซอยอ่าวบางเทาทำธุรกิจท่องเที่ยวแบบครบวงจร ตั้งแต่เคาน์เตอร์ทัวร์ รถรับส่ง ร้านอาหาร ซักรีด ร้านขายของที่ระลึก
แหล่งข่าวระบุอีกว่า หลังจากที่ “อเล็กซ์” ทำธุรกิจอยู่ในซอยอ่าวบางเทาได้ประมาณปีกว่า สร้างความไม่พอใจ และเดือดร้อนให้แก่กลุ่มคนในท้องถิ่นเป็นอันมาก เพราะ “อเล็กซ์” กินรวบทุกอย่าง ส่งแขกให้คนไทยเพียงแค่ 5% จนกิจการของคนท้องถิ่นแทบจะอยู่ไม่ได้ และยังสร้างความเข้าใจผิดให้แก่นักท่องเที่ยวชาวรัสเซียไม่ให้ใช้บริการรถรับจ้างของคนท้องถิ่นที่เปิดเป็นคิวอยู่ภายในซอย โดยอ้างว่า แท็กซี่ท้องถิ่นเป็นมาเฟีย หากใช้บริการจะไม่ปลอดภัย และไม่สามารถสื่อสารภาษารัสเซียได้ ทำให้กลุ่มแท็กซี่บางเทาไม่พอใจ รวมตัวกันประท้วงเรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐเข้ามาดำเนินการกับกิจการ Alex Tour อย่างเด็ดขาด พร้อมขับไล่ให้พ้นพื้นที่ จนในที่สุด Alex Tour ไม่สามารถที่จะอยู่ในซอยอ่าวบางเทาได้ ต้องทิ้งกิจการออกนอกพื้นที่ไป ประกอบกับช่วงนี้เป็นโลว์ซีซัน นักท่องเที่ยวรัสเซียเข้ามาน้อยทำให้กิจการ Alex Tour ต้องปิดไปโดยปริยาย
เหตุการณ์ในลักษณะนี้ได้เกิดขึ้นที่หาดกะรน อ.เมือง ด้วยเช่นกัน เพราะกลุ่มรัสเซียได้เปิดเคาน์เตอร์ทัวร์ขายตัดหน้าคนท้องถิ่น พร้อมกับแนะนำไม่ให้นักท่องเที่ยวรัสเซียใช้บริการรถตุ๊กตุ๊ก และแท็กซี่ของคนท้องถิ่นเช่นกัน จนทำให้กลุ่มตุ๊กตุ๊ก และแท็กซี่ ไม่พอใจรวมตัวปิดล้อมสถานีตำรวจกะรน เพื่อเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการจับกุมคนรัสเซียที่เปิดเคาน์เตอร์ขายทัวร์แย่งอาชีพของคนไทย ทางกลุ่มรัสเซีย จึงได้ปรับเปลี่ยนการให้บริการใหม่โดยการจ้างคนไทยมาทำหน้าที่ขายหน้าร้านแทน และมีคนรัสเซียประกบทำหน้าที่ล่ามเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบและการจับกุมของเจ้าหน้าที่ของรัฐ
ภูเก็ตจะปฏิเสธนักลงทุน และนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่ได้ จากความเนื้อหอมของภูเก็ตที่นักลงทุนต่างชาติจองที่จะเข้ามากอบโกยอยู่ตลอดเวลา และตราบเท่าที่เรายังมีความต้องการนักท่องเที่ยว ที่นำมาซึ่งรายได้จากการท่องเที่ยวปีละ 2 ล้านล้านบาทในปี 2558 ตามนโยบายของรัฐบาล สิ่งสำคัญ ภูเก็ต จะต้องทำให้นักลงทุนปฏิบัติตามที่กฎหมายไทยกำหนดอย่างเคร่งครัด และได้นักท่องเที่ยวคุณภาพเข้ามาเพิ่มมากขึ้น ไม่ใช่มานั่งภาคภูมิใจกับตัวเลขที่เพิ่มสูงขึ้นทุกๆปี แต่ไม่มีคุณภาพ ไม่มีกำลังซื้อ มีแต่จะเพิ่มปัญหาให้แก่เกาะภูเก็ต สวรรค์ของคนทั้งโลก
นี่เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของกลุ่มธุรกิจต่างชาติที่เข้ามาทำมาหากินแข่งขันกับคนไทย กอบโกยเงินทองกลับบ้าน ซึ่งยังมีอีก 2 กลุ่ม คือ เกาหลีกับจีน ที่อาศัยช่องโหว่ของกฎหมายเข้ามาเอี่ยวผลประโยชน์บนเกาะภูเก็ตด้วย
มารู้จัก “ทัวร์ศูนย์เหรียญ”
“ทัวร์ศูนย์เหรียญ” เป็นทัวร์ทำลายภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของไทยเป็นอย่างมาก ซึ่ง คำว่า “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” ไม่ใช่เรื่องใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้น แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมานานแล้ว โดยเริ่มจากทัวร์จีนในสมัยแรกๆ ที่เข้ามาเที่ยวในประเทศไทย หลังจากนั้น ทัวร์ศูนย์เหรียญได้ขยายไปยังนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นๆ
เดิม “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” มีที่มาจากการทำตลาดของบริษัทในต่างประเทศ ที่ขายทัวร์ราคาถูกให้แก่นักท่องเที่ยวในประเทศนั้นๆ หลังจากนั้น ก็ส่งนักท่องเที่ยวให้แก่บริษัททัวร์ในประเทศไทย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัททัวร์ของคนชาติเดียวกัน ซึ่งมีทั้งที่ต้องเสียเงินซื้อ หรือส่งมาแบบไม่ต้องเสียเงินซื้อ โดยมีการตกลงกันในเรื่องของโปรแกรมทัวร์ต่างๆ
บริษัททัวร์ในประเทศไทยจะต้องเป็นคนจ่ายค่าทัวร์ทั้งหมดให้แก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามา หลังจากได้ลูกทัวร์ หรือนักท่องเที่ยวมาจากต่างประเทศแล้ว บริษัททัวร์เหล่านี้ก็จะนำนักท่องเที่ยวมาขายต่อให้แก่ไกด์ ซึ่งอาจจะเป็นของบริษัททัวร์เอง หรือเป็นบริษัทอื่น โดยมีการขายเป็นหัว เมื่อไกด์ได้ลูกทัวร์ หรือนักท่องเที่ยวมาแล้วก็ต้องมาเปลี่ยน หรือแทรกโปรแกรมทัวร์พิเศษเข้าไปในโปรแกรมทัวร์ นอกเหนือจากแพกเกจที่เสนอขายลูกทัวร์ไว้ตั้งแต่ต้น โดยการนำลูกทัวร์ไปยังร้านอาหาร ร้านจำหน่ายของที่ระลึก ร้านโชว์งู และสถานที่เที่ยวที่ได้ “ค่าคอมมิชชัน” หรือ สถานที่ที่จ่ายค่าหัวให้แก่ไกด์ที่พานักท่องเที่ยวไป บางรายก็พาลูกทัวร์ไปชอปปิ้ง ร้านจิวเวลรี เพื่อให้ได้เงินที่เสียไปกลับมา