อุบลราชธานี - เจ้าหน้าที่ดีเอสไอสอบเจ้าของร้านประดับยนต์จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งตกเป็นข่าวพัวพันสมีคำ โดยเปิดตัวเป็นเจ้าทุกข์แจ้งถูกสมีฉาวหลอกเงินไปเกือบ 8 ล้านบาท วอนขณะนี้ไม่ได้ทำมาหากิน เพราะตกเป็นจำเลยของสังคม ขณะเดียวกัน ดีเอสไอยังเข้าข้อหลักฐานการสั่งซื้อวัสดุก่อสร้างจากร้านค้าดัง เพื่อตรวจสอบเส้นทางการใช้จ่ายเงินที่ได้รับบริจาคผิดวัตถุประสงค์ ใช้ประกอบหลักฐานฉ้อโกงประชาชนด้วย
วันนี้ (22 ก.ค.) พ.ต.ท.พงศ์อิน อินทรขาว ผู้บัญชาการสำนักคดีความมั่นคงดีเอสไอ พร้อมพนักงานสอบสวนดีเอสไอ สอบปากคำนายศุภราช หรือเสี่ยกัง วิริยะสืบพงศ์ อายุ 46 ปี เจ้าของร้านแสงเจริญ ต.ในเมือง อ.เมืองอุบลราชธานี ซึ่งมีข่าวพัวพันเป็นผู้จัดหารถให้แก่ นายวิรพล สุขผล หรืออดีตพระเณรคำ โดยนายศุภราช นำสมุดเช็ค เอกสารทวงหนี้จากสำนักงานทนายความของบริษัทจำหน่ายรถเบนซ์จังหวัดอุบลราชธานี และมือถือที่มีข้อความติดต่อกับนายวิรพล มาแสดงให้ดีเอสไอดูประกอบเป็นหลักฐาน
โดยนายศุภราช เล่าว่า เริ่มรู้จักกับนายวิรพล เมื่อประมาณปี 2549 โดยนายวิรพล นำรถตู้ยี่ห้อโตโยต้าประกอบนอกจำรุ่นไม่ได้มาให้ติดตั้งเครื่องเสียงที่ร้าน หลังจากนั้นก็มีการติดต่อกับนายวิรพล หรือพระเณรคำมาโดยตลอด เพราะถือเป็นลูกค้ารายใหญ่ ซึ่งมักมาสั่งให้ตนจัดหารถยนต์ทั้งใหม่ และมือสองมอบให้บุคคลต่างๆ
โดยนายวิรพล จะจ่ายเงินค่ารถ ค่าเครื่องเสียง ค่าประดับยนต์แบบผ่อนเป็นงวดๆ ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่มีปัญหาติดขัดทางการเงิน กระทั่งเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2555 นายวิรพล มาขอยืมเงินตนจำนวน 5,040,000 บาท เพื่อจ่ายเป็นค่างวดรถเบนซ์ที่บริษัทจำหน่ายรถกำลังให้ทนายยื่นฟ้อง ด้วยความเชื่อถือ จึงออกเช็คสั่งจ่ายให้ไปจำนวน 10 ฉบับ
หลังจากนั้น ในวันที่ 7 ก.พ.2556 นายวิรพล ได้มาขอยืมเงินอีก 4,000,000 บาท โดยบอกจะนำเงินไปซื้อพลอย และมรกตมาประดับองค์พระแก้วมรกตที่นายวิรพล กำลังก่อสร้างที่สำนักสงฆ์ขันติธรรม อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ และนายวิรพล ให้ดอกเบี้ยร้อยละ 2 บาทต่อเดือน นัดชำระคืนภายในต้นเดือนมีนาคม
นอกจากนี้ ยังชวนให้ตนร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างอาคารครอบองค์พระแก้วมรกต จึงบริจาคเงินช่วยค่าทำเสาตัวอาคารไป 350,000 บาท หลังจากนั้น นายวิรพล ก็ไม่เคยติดต่อมาเลย จนถึงเดือนมีนาคมพยายามติดตามทวงถามเงินที่นายวิรพล ยืมไปทั้งหมด แต่นายวิรพล ก็อ้างยังต้องใช้จ่ายเงินซื้อพลอยมรกตมาติดองค์พระ จึงยังไม่มีเงินสดอยู่ในมือ
เมื่อตนทวงถามหนักเข้า วันที่ 7 มี.ค.นายวิรพล ได้โอนเงินมาให้จำนวน 291,000 บาท หลังจากนั้นก็ไม่เคยชำระเงินให้เลย จึงเริ่มรู้ตัวว่าถูกหลอก ได้ไปสั่งอายัดเช็คที่สั่งจ่ายเป็นค่างวดรถให้บริษัทรถเบนซ์ที่เหลืออยู่อีก 3 ใบไว้ กระทั่งเกิดเรื่องนายวิรพล ทำเรื่องฉาวไว้มากมาย
จึงรวบรวมหลักฐานการซื้อขายรถระหว่างนายศุภราช กับนายวิรพล ไปมอบให้ดีเอสไอ โดยยังไม่ประสงค์จะแสดงตัว เพราะไม่ต้องการเป็นข่าว เกรงกระทบกับธุรกิจที่ทำอยู่
กระทั่งเมื่อวันเสาร์ที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ปปง.มาตรวจค้น และสั่งอายัดรถของตนไว้ทั้ง 17 ค้น ซึ่งรถบางคันเป็นรถที่เพิ่งเช่าซื้อมาเมื่อ 2-3 เดือนก่อน และสาเหตุที่ตนมีรถจำนวนมา เพราะมีอาชีพขายรถมือสอง โดยเปิดขายผ่านทางเว็บไซต์ และขณะนี้กำลังทำโชว์รูมขายรถในตำบลขามใหญ่ อ.เมือง
เหตุที่ ปปง.สงสัยน่าจะมาจากตนยังไม่มีสถานที่โชว์รถ และในวันที่ ปปง.เข้าตรวจสอบตนก็นำหลักฐานเท่าที่หาได้มาแสดงต่อ ปปง.แล้ว แต่ก็ยังสั่งอายัดไว้อีก ทำให้ตน และครอบครัวรู้สึกเป็นทุกข์กับเรื่องที่เกิดขึ้น จึงเปิดตัวออกมาเป็นเจ้าทุกข์ดำเนินคดีต่อนายวิรพล ฐานฉ้อโกงเงินของตน
“ตอนแรกตั้งใจเพียงให้ข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ เพื่อใช้ติดตามจับตัวนายวิรพล แต่เมื่อ ปปง.เข้าตรวจค้นร้านจนทำให้ตนต้องตกเป็นจำเลยของสังคม ก็เลยตัดสินใจแสดงตัวออกมาเป็นเจ้าทุกข์เอง เพื่อให้สังคมเข้าใจ”
นอกจากนี้ จะนำเอกสารที่ได้รวบรวมไว้ทั้งหมด เดินทางเข้าไปให้เจ้าหน้าที่ ปปง.เพื่อชี้แจงที่ไปที่มาการทำธุรกรรมระหว่างร้านของตนกับนายวิรพล รวมทั้งเอกสารของรถที่ตนครอบครองไว้ทั้งหมด ไม่ได้เป็นรถของนายวิรพล แต่อย่างใด โดยตนได้ขอนัดเข้าชี้แจงในวันพุธสัปดาน์นี้ แต่เจ้าหน้าที่ ปปง.แจ้งว่ายังไม่สะดวกแล้วจะนัดมาในภายหลัง
ด้าน พ.ต.ท.พงศ์อิน อินทรขาว ผู้บัญชาการสำนักคดีความมั่นคงดีเอสไอ กล่าวว่า เบื้องต้นได้สอบปากคำนายศภราช ในฐานะเจ้าทุกข์ เพื่อใช้ประกอบหลักฐานการดำเนินคดีต่อนายวิรพล ทั้งข้อหาฉ้อโกง และฉ้อโกงประชาชน ซึ่งขณะนี้ดีเอสไอได้สอบปากคำเจ้าทุกข์ที่ยินยอมเปิดเผยตัวไว้ประมาณ 10 ราย ส่วนกรณีผู้หญิงที่มีส่วนพัวพันเกี่ยวข้องฉันชู้สาวกับนายวิรพล ก็ได้สอบไว้ทั้งหมดแล้ว
ต่อมา พ.ต.ท.พงศ์อิน ได้ไปที่ร้านจำหน่ายวัสดุก่อสร้างศิริมหาชัยอุบลราชธานี เพื่อสอบถามการสั่งซื้อวัสดุก่อสร้างของนายวิรพล ซื้อในชื่อใคร แล้วนำไปมอบให้ใคร ใช้ในการก่อสร้างสำนักสงฆ์ หรือใช้ในการสร้างสิ่งปลูกสร้างส่วนตัว เพื่อตรวจสอบเส้นทางการใช้จ่ายเงินของนายวิรพล ที่ผ่านมา
ซึ่ง น.ส.กนกวรรณ ยศวิจิตร ผู้จัดการฝ่ายขายศิริมหาชัยอุบลราชธานี ระบุว่า นายวิรพล หรืออดีตพระเณรคำ เคยมาสั่งซื้อวัสดุก่อสร้างเมื่อหลายปีมาแล้ว ทำให้จำรายละเอียดจำนวนสินค้า และจำนวนเงินไม่ได้ จึงขอเวลาอีก 1-2 วัน เพื่อค้นหาข้อมูลย้อนหลัง และจะนำไปมอบให้ดีเอสไอภายหลัง ต่อจากนั้น เจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้ติดต่อร้านอุบลวัสดุก่อสร้าง เพื่อค้นหาข้อมูลการสั่งซื้อของนายวิรพลด้วย