ร้อยเอ็ด - ดีเอสไอลงพื้นที่ร้อยเอ็ดตรวจสอบรถยนต์ที่สมีคำมอบให้คณะสงฆ์ในเขต จ.ร้อยเอ็ด 3 คัน เผยพบแค่รถเจ้าคณะภาค 10 แต่อีก 2 คันไม่พบ ระบุถูกนำไปงาน ดีเอสไอเผยไม่ได้ยึดรถแต่ต้องการตรวจสอบข้อมูลรถ หากมีคำสั่งยึดจะทำได้ง่ายขึ้น
วันนี้ (17 ก.ค.) ที่วัดบึงพระลานชัย พระอารามหลวง อำเภอเมืองร้อยเอ็ด นายอังศุเกติ์ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กรมสอบสวนคดีพิเศษ เดินทางไปเข้าพบพระธรรมฐิติญาณ เจ้าคณะภาค 10 (ธรรมยุต) ซึ่งดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบึงพลาญชัย
ทั้งนี้ เพื่อขอตรวจสอบหลักฐานการครอบครองรถยนต์เก๋งโตโยต้า คัมรี่ ทะเบียน 5578 ร้อยเอ็ด ที่พระธรรมฐิติญาณ ได้รับมอบจากพระเณรคำเป็นของขวัญวันเกิดเมื่อปี 2553 แต่ไม่พบพระธรรมฐิติญาณ มีนายศิริทัตศ์ ลาวะลี ลูกศิษย์คนใกล้ชิดออกมาชี้แจงว่า พระธรรมฐิติญาณติดกิจนิมนต์งานพระราชทานเพลิงศพที่บ้านเหล่าล้อ ต.เหล่าล้อ อ.ศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด และได้นำตรวจการคงสภาพของรถ ซึ่งพบว่ารถยนต์ยังคงสภาพการใช้งานได้เป็นปกติ
จากนั้นเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเดินทางต่อไปที่มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย เพื่อที่จะขอเข้าพบ นายสุนทร อาจภิรมย์ ผช.คณบดีผู้บริหารมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย เพื่อตรวจสอบสภาพรถตู้โตโยต้า คอมมอลเรล ที่ได้รับมอบจากสมีคำ แต่ไม่พบรถคันดังกล่าว เนื่องจากถูกนำไปใช้งานนอกสถานที่
หลังจากนั้นได้เดินทางต่อไปตรวจสอบยังวัดมิ่งเมือง อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งสมีคำได้มอบรถเก๋งโตโยต้า คัมรี่อีกคันแก่พระราชปริยัติวิมล เจ้าคณะจังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อใช้ในกิจของสงฆ์ สายมหานิกาย แต่ก็ไม่พบรถคันดังกล่าว โดยได้รับการยืนยันว่ารถคันดังกล่าวยังคงสภาพดี และใช้งานอยู่ในวัดตามปกติ และเจ้าคณะจังหวัดได้นำไปใช้ในกิจนิมนต์นอกพื้นที่เช่นกัน และขอให้มาตรวจสอบในภายหลัง
นายอังศุเกติ์ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวถึงจุดประสงค์การตรวจสอบรถยนต์ว่าไม่ได้มายึดรถ แต่มาตรวจสอบความคงอยู่ และการคงสภาพของรถที่อดีตเณรคำมอบให้วัดและสถานที่ต่างๆ ทั้งหมด ซึ่งจังหวัดร้อยเอ็ดมีรถเก๋ง 2 คัน และรถตู้ 1 คัน และพร้อมกับบันทึกรายละเอียดของการได้มา
การไม่พบรถทั้งหมด และไม่พบคนที่ครอบครองรถ เช่นการไม่ได้พบเจ้าคณะภาค 10 ที่ครอบครองรถก็จะไม่ตามไปพบในงานศพที่อาจจะก่อให้เกิดความตื่นตระหนกและเอิกเกริก เกิดความไม่เหมาะสมขึ้นได้ ซึ่งจะมีการย้อนกลับมาตรวจสอบในภายหลัง เพื่อรวบรวมข้อมูลนำไปสู่การพิจารณาดำเนินการต่อไป
ส่วนการตรวจสอบครั้งนี้อาจจะนำไปสู่กระบวนการยึดรถหรือไม่นั้นเป็นเรื่องที่ทางดีเอสไอ จะพิจารณาตามข้อมูลหลักฐานที่เกี่ยวข้องว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ซึ่งหลังจากตรวจสอบรถยนต์ที่จังหวัดร้อยเอ็ดแล้วจะเดินทางเข้าตรวจสอบบันทึกรถยนต์ที่อดีตเณรคำมอบให้สงฆ์ในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี และ จ.ศรีสะเกษต่อไป