เชียงราย - เจ้าอาวาสวัดดังเชียงรายปฏิเสธข้อหาข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี และไม่เกิน 15 ปี รวมทั้งข้อหาพรากผู้เยาว์ หลังถูกผู้ปกครองเด็กหญิงแจ้งความดำเนินคดี แต่ขอย้ายวัดชั่วคราวตัดปัญหา
พระอธิการอลงกต ภทุทรเมธี อายุ 29 ปี เจ้าอาวาสวัดแม่แก้วใต้ ม.14 ต.แม่อ้อ อ.พาน จ.เชียงราย ที่ถูกผู้ปกครองเด็กหญิงนักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนแห่งหนึ่งในอำเภอพาน โดยกล่าวหาว่าได้ข่มขืนเด็กหญิงคนดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2553 หรือช่วงนั้นมีอายุเพียง 11 ขวบ กล่าวว่า เมื่อเรื่องเป็นคดีความไปแล้วก็ต้องว่ากันไปตามกระบวนการยุติธรรม
แต่ช่วงนี้จะไม่ขอจำวัดที่วัดแม่แก้วใต้ แต่จะไปจำวัดที่อื่นเป็นการชั่วคราวเพื่อตัดปัญหาต่างๆ ทั้งนี้ ยอมรับว่าเมื่อทราบว่าเป็นคดีก็รู้สึกตกใจอย่างมาก จึงได้ออกจากวัดไปชั่วคราวเพื่อไปปรึกษากับทางทนายความ โดยไม่ได้หลบหนี
รวมทั้งขอยืนยันว่าไม่ได้ปฏิบัติตนตามที่ถูกกล่าวหาเช่นนั้น แต่น่าจะมีการกลั่นแกล้งกันเกิดขึ้น เพราะภายในวัดเองก็เกิดการแบ่งแยกกัน จึงอยากให้กระบวนการกฎหมายเป็นผู้ตัดสินมากกว่า ส่วนญาติโยมก็ให้รับทราบความจากทุกฝ่ายโดยไม่ควรฟังความด้านเดียว
ด้านชาวบ้าน ซึ่งเป็นคณะศรัทธาวัดแม่แก้วใต้มีมติร่วมกันว่าจะให้กระบวนการทางกฎหมายพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเจ้าอาวาสวัด และชาวบ้านพร้อมให้ความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย เพราะผู้เสียหาย และพระอธิการอลงกตต่างก็ไปพบพนักงานสอบสวนกันหมดแล้ว รวมทั้งก็เป็นคนในหมู่บ้านเดียวกัน ส่วนเมื่อไม่มีเจ้าอาวาสอยู่ที่วัดก็ยังมีพระภิกษุอยู่อีก 1 รูป และสามเณรอีก 2 รูป รวมทั้งชาวบ้านก็จะผลัดเปลี่ยนกันเข้าไปช่วยดูแลวัดด้วย
พระอธิการอลงกต ภทุทรเมธี อายุ 29 ปี เจ้าอาวาสวัดแม่แก้วใต้ ม.14 ต.แม่อ้อ อ.พาน จ.เชียงราย ที่ถูกผู้ปกครองเด็กหญิงนักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนแห่งหนึ่งในอำเภอพาน โดยกล่าวหาว่าได้ข่มขืนเด็กหญิงคนดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2553 หรือช่วงนั้นมีอายุเพียง 11 ขวบ กล่าวว่า เมื่อเรื่องเป็นคดีความไปแล้วก็ต้องว่ากันไปตามกระบวนการยุติธรรม
แต่ช่วงนี้จะไม่ขอจำวัดที่วัดแม่แก้วใต้ แต่จะไปจำวัดที่อื่นเป็นการชั่วคราวเพื่อตัดปัญหาต่างๆ ทั้งนี้ ยอมรับว่าเมื่อทราบว่าเป็นคดีก็รู้สึกตกใจอย่างมาก จึงได้ออกจากวัดไปชั่วคราวเพื่อไปปรึกษากับทางทนายความ โดยไม่ได้หลบหนี
รวมทั้งขอยืนยันว่าไม่ได้ปฏิบัติตนตามที่ถูกกล่าวหาเช่นนั้น แต่น่าจะมีการกลั่นแกล้งกันเกิดขึ้น เพราะภายในวัดเองก็เกิดการแบ่งแยกกัน จึงอยากให้กระบวนการกฎหมายเป็นผู้ตัดสินมากกว่า ส่วนญาติโยมก็ให้รับทราบความจากทุกฝ่ายโดยไม่ควรฟังความด้านเดียว
ด้านชาวบ้าน ซึ่งเป็นคณะศรัทธาวัดแม่แก้วใต้มีมติร่วมกันว่าจะให้กระบวนการทางกฎหมายพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเจ้าอาวาสวัด และชาวบ้านพร้อมให้ความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย เพราะผู้เสียหาย และพระอธิการอลงกตต่างก็ไปพบพนักงานสอบสวนกันหมดแล้ว รวมทั้งก็เป็นคนในหมู่บ้านเดียวกัน ส่วนเมื่อไม่มีเจ้าอาวาสอยู่ที่วัดก็ยังมีพระภิกษุอยู่อีก 1 รูป และสามเณรอีก 2 รูป รวมทั้งชาวบ้านก็จะผลัดเปลี่ยนกันเข้าไปช่วยดูแลวัดด้วย
