xs
xsm
sm
md
lg

กองปราบฯ พร้อม ปปง.ตรวจบ้านพ่อแม่มูลนิธิเณรคำ พบแต่ห้องนิรภัย กับเอกสารจำนวนหนึ่ง (ชมคลิป)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


อุบลราชธานี - กองปราบฯ นำหมายศาลเข้าตรวจค้นบ้านพ่อแม่เณรคำ รวมทั้งมูลนิธิฯ พบเพียงเอกสารเกี่ยวข้องกับคดี และห้องนิรภัยขนาดใหญ่ ซึ่งกองปราบฯ จะเริ่มหารายชื่อผู้บริจาครายใหญ่ รายเล็กมาให้ปากคำเพื่อดำเนินคดีฐานฉ้อโกงประชาชน ขณะที่พี่ชายโวยไม่เคยได้เงินช่วยเหลือจากเณรคำ

เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (9 ก.ค.) พ.ต.ท.สวิก นุชเจริญ พนักงานสอบสวนกองกำกับการ 3 กองบังคับการตำรวจปราบปราม และเจ้าหน้าที่จากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) นำหมายศาลจังหวัดอุบลราชธานี ลงวันที่ 9 ก.ค.เข้าตรวจค้นที่บ้านเลขที่ 999 หมู่ 10 บ้านทรายมูล ต.ทรายมูล อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นบ้านนายรัตน์ กับนางสุดใจ สุขผล บิดามารดาของพระวิรพล ฉัตติโก หรือหลวงปู่เณรคำ โดยมีนายชาญณรงค์ และนายจำนงค์ สมเทพ พี่ชายต่างพ่อพระวิรพลนำตรวจค้นอย่างละเอียดภายในบ้านชั้นเดียว เนื้อที่กว้างประมาณ 200 ตารางวา

ขณะเข้าตรวจค้นนางสุดใจนั่งดูการทำงานของเจ้าหน้าที่อยู่บริเวณห้องโถงที่ใช้เป็นห้องรับแขก ซึ่งมีเครื่องชุดรับแขกขนาดใหญ่อย่างดี 1 ชุด โดยจุดแรกที่เข้าตรวจค้นอยู่ทางปีกซ้ายของบ้านกว้างประมาณ 3 เมตร ยาวประมาณ 7 เมตร ซึ่งใช้เป็นห้องนอนของพระวิรพลเวลามาเยี่ยมบิดามารดา โดยด้านในเป็นที่ตั้งของโต๊ะหมู่บูชา ซึ่งในจุดนี้เจ้าหน้าที่พบเอกสารปึกใหญ่เก็บไว้ในกล่องกระดาษ จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน

ต่อจากนั้นได้เข้าตรวจทางปีกขวาของบ้าน ซึ่งจุดนี้มีขนาดเท่ากับห้องแรก และถูกตกแต่งเป็นห้องประชุมหรือห้องกินข้าวซึ่งไม่พบสิ่งของผิดปกติ จึงเข้าตรวจค้นบริเวณด้านหลังห้อง ซึ่งใช้เป็นที่พักของนายรัตน์ และนางสุดใจ ซึ่งก็ไม่พบความผิดปกติใดๆ

ส่วนบริเวณลานจอดรถ ซึ่งวันแรกมีรถยนต์เก๋ง รถยนต์กระบะ และรถมอเตอร์ไซค์ชอปเปอร์จอดอยู่รวม 4 คัน วันนี้เหลือเพียงรถกระบะคันเดียว

ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นที่ตั้งของมูลนิธิขันติธรรมซึ่งอยู่ติดกับตัวบ้าน โดยมีกำแพงปูนกั้น แต่มีประตูเปิดเข้าหากันได้ โดยอาคารดังกล่าวมีสิ่งปลูกสร้างเกือบเต็มพื้นที่สูง 3 ชั้น โดยชั้นล่างทำเป็นลานกว้างยกระดับขึ้นไปถึงชั้น 2 และ 3 โดยมีทางขึ้นทั้งบันไดด้านหน้าและลิฟต์ด้านข้าง ในตัวอาคารดังกล่าวทางด้านซ้ายมือมีการสร้างห้องนิรภัยกว้างประมาณ 3 คูณ 4 เมตร สูงประมาณ 2 เมตรครึ่ง ประตูทำด้วยเหล็กกล้าหนาราว 7 นิ้ว แต่ภายในไม่มีสิ่งของเก็บไว้เพราะอาคารยังสร้างไม่เสร็จ แต่ก็สร้างได้ราว 80% แล้ว

หลังเข้าตรวจค้นอาคารที่ตั้งมูลนิธิขันติธรรมได้เข้าตรวจบริเวณบ้านไม้ชั้นเดียวใต้ถุนสูงกว้างประมาณ 5 คูณ 8 เมตร ซึ่งเดิมเป็นบ้านที่อยู่อาศัยของนายรัตน์กับนางสุดใจ หลังสร้างบ้านใหม่บ้านหลังนี้ได้ถูกทิ้งร้างเอาไว้ และจากการตรวจค้นก็ไม่พบสิ่งปกติใดๆ อีก

พ.ต.ท.สวิกกล่าวถึงการเข้าตรวจค้นครั้งนี้ได้รับคำสั่งจาก พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. ซึ่งเป็นหัวหน้าชุดสอบสวนคดีนี้ ก็พบเอกสารที่เกี่ยวข้องกับรูปคดี แต่มีจำนวนไม่มากจึงเก็บมาตรวจสอบ นอกจากนี้ยังพบสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่มูลค่าหลายสิบล้านบาท เมื่อสอบถามทราบว่าสร้างอยู่ในที่ดินของนางสุดใจและพี่สาวของพระวิรพลที่เสียชีวิตไปแล้ว ส่วนรายละเอียดการก่อสร้างญาติระบุไม่ทราบเพราะพระวิรพลเป็นผู้ดำเนินการเองทั้งหมด และพบสิ่งผิดปกติคือ การสร้างห้องนิรภัยขนาดใหญ่ใต้อาคารมูลนิธิขันติธรรม เพราะปกติสถานที่ที่จะเป็นมูลนิธิหรือสถานปฏิบัติธรรมไม่น่าต้องมีการสร้างห้องนิรภัยขนาดใหญ่เช่นนี้ จึงยังไม่ทราบจุดประสงค์ของการก่อสร้างขึ้น

สำหรับการดำเนินการต่อของกองบังคับการตำรวจปราบปราม จะมีการสอบพยานและผู้เสียหายที่ถูกฉ้อโกง ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบรายชื่อผู้บริจาค และสอบปากคำผู้เสียหาย ซึ่งยังระบุจำนวนไม่ได้ เพราะต้องประสานให้เข้ามาให้ถ้อยคำเพื่อดำเนินคดีต่อพระวิรพล หรือหลวงปู่เณรคำฐานฉ้อโกงประชาชนตามที่ได้รับคำร้องทุกข์มา

ส่วนที่ไม่ได้เข้าตรวจสอบสำนักสงฆ์ขัตติบารมีสาขา 1 ซึ่งอยู่คนละฝั่งกับบ้านบิดามารดาพระวิรพล เพราะศาลต้องการให้พนักงานสอบสวนหารายละเอียดความเชื่อมโยงการครอบครองสิ่งปลูกสร้างให้ชัดเจนเป็นสิ่งปลูกสร้างของใคร เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อบุคคลภายนอก

ขณะที่นายชาญณรงค์ พี่ชายต่างบิดากับหลวงปู่เณรคำ กล่าวว่า ให้ผู้สื่อข่าวดูเอาเองว่ามีสิ่งของมีค่าอะไรซุกซ่อนไว้ในบ้านหรือไม่ พร้อมฝากไปถึงผู้ที่กล่าวหาให้ดูตัวเองไว้ด้วย ขณะนี้พี่น้องของหลวงปู่เณรคำได้รับความเดือดร้อนในการประกอบอาชีพ และไม่ได้ร่ำรวยเหมือนที่ถูกกล่าวหา ตนมีเพียงรถมอเตอร์ไซค์เก่าๆ ในธนาคารก็มีเงินฝากอยู่เพียง 500 บาท และไม่เคยได้รับเงินจากหลวงปู่เณรคำ นานๆ จะมาเยี่ยมพ่อแม่สักครั้ง ส่วนตัวเองไม่ได้เจอกับหลวงปู่มานานแล้วด้วย

รายงานข่าวเพิ่มเติมแจ้งว่า วันเดียวกันนี้ พระราชธรรมโกศล เจ้าคณะจังหวัดฝ่ายธรรมยุต ให้พระครูจิตวิสุทธิญาณคุณ เจ้าคณะอำเภอม่วงสามสิบ ออกหนังสือคำสั่งให้พระวิรพลพ้นสภาพจากความเป็นพระในสังกัดวัดพระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ อ.เมืองอุบลราชธานี และพ้นจากสังกัดคณะสงฆ์จังหวัดอุบลราชธานีอย่างเป็นทางการ ซึ่งพระวิรพลต้องหาวัดสังกัดใหม่โดยเร็วไม่เช่นนั้นจะสิ้นสภาพจากความเป็นพระ โดยมีกำหนดเวลาระยะไม่เกินวันเข้าพรรษานี้

“อย่างไรก็ตาม ก็พร้อมให้โอกาสเข้ามาชี้แจงข้อกล่าวหาได้ภายในวันที่ 12 ก.ค.ศกนี้ หากไม่มาพบถือว่าขัดคำสั่งของคณะสงฆ์ฝ่ายธรรมยุตด้วย”

คลิกเพื่อชมคลิป










กำลังโหลดความคิดเห็น