ลำปาง - พบคนเด่น-คนดังเมืองลำปางได้ปริญญาดุษฎีบัณฑิต ม.สันติภาพโลกกว่า 20 คน รอง ผอ.รพ.ลำปาง อดีตคีย์แมนหลักในพื้นที่ยังเชื่อมีเจตนาดี แต่คนไทย-กฎหมายตามไม่ทัน เผยผู้บริหารมหาวิทยาลัยเคยวิ่งขอใบอนุญาตถึงลาวมาแล้ว แต่ไม่ได้
วันนี้ (9 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ลำปางว่า กรณีมหาวิทยาลัยสันติภาพโลกที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ระบุว่าเป็นมหาวิทยาลัยเถื่อน และกำลังถูกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตรวจสอบ โดยจะสอบปากคำผู้ได้รับปริญญาวันที่ 13 กรกฎาคมนี้ ปรากฏว่าใน จ.ลำปางมีคนเด่น คนดังของสังคมลำปาง ได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยดังกล่าวกว่า 20 คน โดยมีนายอธิษฐาน วงศ์ใหญ่ หรือลุงแดง รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร โรงพยาบาลลำปาง และผู้สื่อข่าวของหนังสือพิมพ์เบาะแส จ.ลำปาง เป็นผู้คัดเลือก
โดยก่อนที่จะมีการจัดพิธีมอบปริญญาดุษฎีบัณฑิต นายอธิษฐานได้จัดงานคอนเสิร์ตการกุศล โดยใช้ชื่อว่า “พิ้งค์แพนเตอร์ หัวใจไม่แพ้ เบาะแสพบประชาชน เพื่อสันติภาพโลก” ณ อาคารบุญชูตรีทอง โรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย ระดมเงินเข้ากองทุนหัวใจไม่แพ้ และช่วยเหลือน้องมิก เด็กที่ป่วยโรคหัวใจอยู่ด้านขวา เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2555 ซึ่งมีผู้หลักผู้ใหญ่และผู้ที่ชื่นชอบศิลปินพิ้งค์แพนเตอร์มาร่วมชมจำนวนมาก
แต่ระหว่างที่เล่นคอนเสิร์ต ผู้ดำเนินรายการได้มีการคั่นเวลาด้วยการเชิญ ดร.สวัสดิ์ บันเทิงสุข อธิการบดีมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก ขึ้นเล่าถึงที่มาที่ไปของมหาวิทยาลัย จากนั้นได้เชิญผู้หลักผู้ใหญ่ที่ไปในงาน อาทิ นายประโยชน์โชติกนันท์ นายชูยศ สุธารัตนชัยพร พ.ต.ท.สมบูรณ์ บูรณพิน นายชูศักดิ์ ภักวรางค์ นายนคร โยธาวงศ์ ขึ้นไปรับใบประกาศเกียรติคุณล่วงหน้า และให้ไปรับปริญญาจริงในเดือนกุมภาพันธ์ 2556 ที่สนามกอล์ฟกัสซัน จ.ลำพูน
นายอธิษฐานเล่าว่า ก่อนหน้านั้นเมื่อปลายปี 2555 คนที่ตนเองเคารพนับถือ และเป็นที่รู้จักในสังคมของเชียงใหม่ได้พา ดร.สวัสดิ์มาให้รู้จัก และได้พูดคุยกัน ซึ่งได้ฟังหลักการแล้วเห็นว่าเป็นสิ่งที่ดีเพราะตนเองก็ทำงานด้านช่วยเหลือสังคม และที่ผ่านมาได้ระดมทุนกว่า 94 ล้านบาทเข้าโรงพยาบาลลำปางเพื่อซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ รักษาผู้ป่วยโรคหัวใจ จึงเห็นว่าหากมหาวิทยาลัยสันติภาพโลกมีเจตนาดีและเล็งเห็นคุณงามความดีของผู้ที่เสียสละ และทำดีจริงก็เป็นเรื่องที่ดี
ซึ่งทางมหาวิทยาลัยสันติภาพโลกได้เสนอปริญญาดุษฎีบัณฑิตให้ตนด้วยเนื่องจากเห็นว่าได้ทำคุณประโยชน์ดังกล่าว แต่เนื่องจากกิจกรรมดังกล่าวมีผู้ที่เข้ามาช่วยเหลือจำนวนมาก จึงเส นอชื่อของผู้อำนวยการโรงพยาบาลลำปาง และผู้อำนวยการหนังสือพิมพ์เบาะแส เพื่อรับปริญญาดุษฎีบัณฑิตในรอบแรก โดยไปรับที่วัดห้วยป่าคั่ง จ.เชียงราย
หลังจากนั้นตน อธิการบดี และผู้อำนวยการหนังสือพิมพ์เบาะแส ได้หารือกันถึงการที่คัดเลือกผู้ที่เหมาะสม ที่จะมอบปริญญาห้ ซึ่งก็มีกว่า 20 คน แต่ระหว่างที่ถึงเวลามอบปริญญาในเดือนกุมภาพันธ์ 2556 ก็ทราบว่ามหาวิทยาลัยสันติภาพโลกยังขออนุญาตจัดตั้งไม่เรียบร้อย แต่ก็มีผู้ใหญ่หลายคนยืนยันว่าต้องเรียบร้อยก่อนที่จะมีการมอบปริญญาแน่นอน และยังมีการวิ่งเต้นไปขออนุญาตในประเทศลาว แต่ก็ไม่สำเร็จ ซึ่งไม่ทราบว่าเพราะอะไร
จนวันที่มีการมอบปริญญาเสร็จสิ้นได้มีการพูดคุยกันอีกครั้ง โดยตนขอให้ชะลอการมอบปริญญาออกไปเพื่อให้การขออนุญาตเรียบร้อยก่อน ขณะที่ผู้อำนวยการหนังสือพิมพ์เบาะแสขอให้ ดร.สวัสดิ์ขอโทษประชาชน ก่อนที่จะดำเนินงานต่อไป แต่ทดร.สวัสดิ์ บอกว่า ไม่เป็นไรเพราะทำถูกต้องแล้ว
ทั้งนี้ ส่วนตัวยังเชื่อว่าดร.สวัสดิ์ มีเจตนารมณ์ที่ดี เนื่องจากการมอบปริญญาดุษฎีบัณฑิตแก่ผู้ที่ทำคุณงามความดีก็เปรียบเสมือนการให้กำลังใจ และเห็นคุณค่าของคนดี ซึ่งผู้ที่ตนเองคัดเลือกในรอบแรกยอมรับว่าไม่ได้เข้มงวดอะไรเพราะต้องการประชาสัมพันธ์ในเบื้องต้นด้วย ดังนั้นจึงอาจจะมีทั้งคนที่สังคมยอมรับ และคนที่สังคมไม่ยอมรับ
แต่ทั้งนี้ ตนยอมรับว่าแนวคิดด้านการศึกษาของมหาวิทยาลัยสันติภาพโลกเป็นแนวคิดที่ดี แต่การดำเนินงานอาจจะเร็วเกินไป จนคนไทยและกฎหมายไทยตามไม่ทัน ยอมรับไม่ได้ ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนี้ก็อยากให้มีการพูดคุยหาทางออกร่วมกัน ส่วนตนคงต้องหยุดกิจกรรมไว้ก่อน หากทุกอย่างเรียบร้อย ก็พร้อมที่จะเข้าร่วมงานเหมือนเดิม เพราะชอบแนวคิด
นายชูยศ สุธารัตนชัยพร ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า การที่ได้รับเลือกให้ไปรับปริญญาในวันที่มีการจัดงานคอนเสิร์ตนั้น ไม่เคยรู้เรื่องมาก่อน และที่ไปร่วมงานก็เพราะต้องการไปฟังเพลงของศิลปินที่ชื่นชอบเท่านั้น เมื่อเชิญตนเองขึ้นไปรับมอบบนเวที ก็เห็นว่าเมื่อทางผู้ดำเนินงานให้เกียรติก็ขึ้นไปรับ แต่ไม่ได้คิดอะไร จนกระทั่งมีการนัดหมายให้ไปรับปริญญาที่ จ.ลำพูน โดยแจ้งว่าต้องมีค่าใช้จ่าย ซึ่งตอนแรกระบุว่าค่าครุย 6,000 บาท แต่ได้เพิ่มเป็น 15,000 บาทในภายหลัง ซึ่งไม่ได้ติดใจ แต่ติดธุระจึงไม่ได้ไปรับ
ขณะที่ พ.ต.ท.สมบูรณ์ บูรณพิน ให้สัมภาษ์ทางโทรศัพท์ ว่า ไม่ทราบเช่นกันว่าได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิต เมื่อเห็นว่าผู้จัดมีเจตนาดี และเห็นคุณค่าตนก็รับ แต่ไม่ได้คิดจะเอาไปทำอะไร ซึ่งการเดินทางไปรับปริญญาที่จ.ลำพูน เสียค่าใช้จ่ายไป 7,000 บาท
นายชูศักดิ์ ภักวรางค์ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า วันงานที่อาคารบุญชูตรีทอง ตนก็ไม่ทราบเรื่องเหมือนกับคนอื่น เมื่อถูกเชิญขึ้นไปรับก็ขึ้นไป และได้คุยกับนายอธิษฐานว่าเป็นเรื่องขำๆ ไม่ได้คิดอะไร เพราะค่าใช้จ่ายไม่มาก ซึ่งตนเองเสียค่าใช้จ่ายไปกว่า 20,000 บาท
ด้านนายนคร โยธาวงศ์ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า ตนไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายใดๆ การที่มีคนมามอบปริญญาเพื่อยกย่อง และเชิดชูว่าเป็นคนดีของสังคม ก็น่าจะเป็นสิ่งที่ดี ซึ่งปริญญาดังกล่าวตนเองก็คงไม่ได้นำไปใช้เพื่อหาประโยชน์ใดๆ อยู่แล้ว แต่เป็นเพียงความยินดีเท่านั้น
