นครปฐม - เผยเสือโคร่งวัดอ้อน้อย “หลวงปู่พุทธอิสระ” กัดผู้มาปฏิบัติธรรมอาการสาหัส หามส่งโรงพยาบาล “ผกก.กำแพงแสน” เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุพบเพียงคราบเลือดติดกรงเสือ แต่ไม่พบผู้บาดเจ็บ และไม่มีใครแจ้งความเอาผิด พร้อมพบในวัดมีเสือ 5 ตัว เป็นเสือโคร่งลายพาดกลอนขนาดใหญ่ น้ำหนักตัวละไม่ต่ำกว่า 200 กก. “หลวงปู่พุทธอิสระ” ยันเป็นเสือถูกต้องขออนุญาตจากกรมป่าไม้เรียบร้อยแล้ว ขณะที่รองอธิบดีกรมอุทยานฯ ลงพื้นที่ตรวจสอบเสือที่วัดอ้อน้อย หาสาเหตุหลังกัดผู้ปฏิบัติธรรมได้รับบาดเจ็บแล้ว ขณะที่เหยื่อปลอดภัยแล้ว
มีรายงานข่าวจาก จ.นครปฐม แจ้งว่า เมื่อวันที่ 7 ก.ค.ที่ผ่านมา พ.ต.อ.สมบัติ อ่อนสมบูรณ์ ผกก.สภ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ได้รับแจ้งว่ามีคนถูกเสือภายในวัดอ้อน้อยธรรมอิสระ หมู่ 11 ต.ห้วยขวาง อ.กำแพงแสน กัดและขย้ำตามตัวหลายแห่งจนได้รับบาดเจ็บสาหัส และทางญาติๆ ได้นำส่งยังโรงพยาบาลสนามจันทร์ อ.เมืองนครปฐม จึงได้เดินทางไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุพบจุดเกิดเหตุเป็นกรงเหล็กล้อมรอบ ความสูงประมาณ 4 เมตร โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วนในเนื้อที่รวมประมาณ 30 X 30 เมตร โดยกรงใหญ่ภายในจะมีเสือลายพาดกลอนอยู่ 3 ตัว กรงเล็กมี 2 ตัว ซึ่งเสือแต่ละตัวมีขนาดใหญ่ หนักประมาณ 80 กก. อยู่ด้านหลังศาลาปฏิบัติธรรมกรรมฐาน (ลานโพธิ์) และพบจุดที่เกิดเหตุเป็นด้านหน้าของกรงเล็ก ที่มีเสืออยู่ 2 ตัว มีร่องรอยของเศษหญ้าสดวางอยู่บนก้นโอ่งน้ำมีรอยเลือดจำนวนหนึ่งติดเปื้อนอยู่ที่บริเวณข้างโอ่งน้ำ และบริเวณที่กรงเหล็ก
สำหรับผู้บาดเจ็บคือ น.ส.เบญจวรรณ แสงวิเชียร อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 13 โชคชัย 4 ซอย 46 แขวงและเขตลาดพร้าว กทม. มีบาดแผลเหวอะหวะที่ต้นแขนขวายาวจนถึงข้อมือ ซึ่งเป็นผู้มาปฏิบัติธรรมภายในวัดอ้อน้อยธรรมอิสระ ทั้งนี้ รายงานข่าวระบุว่า ผู้ได้รับบาดเจ็บมีอาการสาหัสมาก และถูกนำตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาล จ.สมุทรปราการ
หลังเกิดเหตุผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบยังวัดอ้อน้อย ซึ่งเป็นวัดของหลวงปู่พุทธอิสระ ภายในวัดมีชาวบ้านมาปฏิบัติธรรมอยู่ที่ศาลากันจำนวนมาก จากการสอบถามทราบว่า ที่วัดแห่งนี้เลี้ยงเสือไว้ จำนวน 5 ตัว อยู่ในลานโพธิ์ด้านหลังของวัด แต่ถูกขังในกรงขนาดใหญ่ ห้ามบุคคลภายนอกเข้าไปเด็ดขาด เบื้องต้นทางวัดยื่นยันว่ามีเอกสารการขออนุญาตอย่างถูกต้อง
พ.ต.อ.สมบัติ อ่อนสมบูรณ์ ผกก.สภ.กำแพงแสน จ.นครปฐม เปิดเผยถึงเรื่องนี้ว่า หลังจากทราบเรื่องว่ามีเสือกัดคนก็ได้เดินทางมาที่วัดเพื่อขอพบกับเจ้าอาวาส และขอตรวจสอบเกี่ยวกับเอกสารหลักฐานต่างๆ ในการขออนุญาตเลี้ยงเสือว่ามีใบอนุญาตฝากเลี้ยงจากกรมป่าไม้หรือไม่ หลวงปู่พุทธอิสระ เจ้าอาวาส จึงให้เจ้าหน้าที่วัดพาตำรวจเข้าไปตรวจสอบ โดยมีสื่อมวลชนตามเข้าไปด้วยแต่ห้ามถ่ายภาพ
จากการตรวจสอบพบว่า มีเสือโคร่งลายพาดกลอนทั้งหมด 5 ตัว ขนาดใหญ่ น้ำหนักไม่ต่ำกว่า 200 กก. ถูกขังแยกอยู่ในกรงขนาดใหญ่ 3 กรง เนื้อที่กรง 3 คูณ 4 เมตร กรงละ 2 ตัว และกรงเดี่ยว 1 ตัว ในส่วนของกรงเดี่ยว มีคราบเลือดติดอยู่ที่เหล็กลูกกรง และเสืออยู่ในอาการกระวนกระวาย ทั้งนี้ จากการสอบถามเจ้าหน้าที่วัดทราบว่า หลวงปู่นำเสือมาเลี้ยงตั้งแต่ปี 2546 ส่วนจะขออนุญาตเลี้ยงหรือไม่ต้องถามหลวงปู่เอง
พ.ต.อ.สมบัติ เปิดเผยด้วยว่า จากการเข้าตรวจดูสถานที่พบแต่คราบเลือดติดลูกกรง แต่ไม่พบคนเจ็บ และไม่มีใครแจ้งความเอาผิด แต่เมื่อทราบเรื่องแล้วก็เดินทางมาตรวจสอบก่อนว่ามีใบอนุญาตครอบครองสัตว์ป่าต้องห้ามหรือไม่ หากไม่มีก็ต้องส่งเรื่องไปให้ผู้บังคับบัญชาทราบเพื่อดำเนินการ เพราะเลี้ยงเสือไว้อันตราย และเป็นที่ที่มีผู้คนพลุกพล่านซึ่งอยู่ในวัดด้วย ชาวบ้านเลี้ยงยังผิด หากวัดเลี้ยงไม่มีใบครอบครองก็ถือว่าผิดเช่นกัน
ด้านหลวงปู่พุทธอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อยกล่าวว่า ได้ขออนุญาตจากกรมป่าไม้มาเรียบร้อยแล้ว เป็นเสือถูกต้อง อย่างไรก็ตาม เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจขอตรวจสอบใบอนุญาตที่กรมป่าไม้ออกให้ หลวงปู่พุทธอิสระ กล่าวว่า ต้องค้นดูอยู่ในกุฏิที่พัก แต่ขณะนี้ติดภารกิจสอนปฏิบัติธรรมอยู่ไม่มีเวลาไปค้น แล้วจะนำมาแสดงให้เจ้าหน้าที่ดู ส่วนการดูแลรักษาคนเจ็บที่ถูกเสือกัดจะเป็นคนออกค่าใช้จ่ายในการรักษาให้ทั้งหมด
รองอธิบดีกรมอุทยานฯ ตรวจสอบเสือที่วัดอ้อน้อย
ผู้สื่อข่าวรายงานล่าสุดต่อมา เวลา 10.00 น. วันนี้ (8 ก.ค.) นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ์ รองอธิการบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์พืช นายนพดล ฮับแสน นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการพิเศษ ส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) พร้อมคณะลงพื้นที่วัดอ้อน้อย ต.ห้วยขวาง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม เพื่อตรวจสอบที่เกิดเหตุทางวัดดูแลเสืออย่างไร และเสือที่มีอยู่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ จากการตรวจสอบหลักฐานพบว่า เสือทั้ง 5 ตัว เลี้ยงมากว่า 10 ปี อยู่ในกรงเหล็กขนาดใหญ่ 2 กรง สูง 3 เมตร ด้านบนเปิดโล่ง รอบกรงมีโอ่งมังกรคว่ำไว้เป็นแถวยาวห่างออกจาก 6 แถว กันคนที่เดินผ่านไปมาไม่ให้เข้าไปใกล้กรงเสือ แต่ก็ไม่รู้ผู้ได้รับบาดเจ็บเข้าไปทำอะไร อาจจะต้องปีนขึ้นไปบนโอ่ง และยื่นมือเข้าไปเล่นกับเสือ จึงเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น
แต่เสือทั้งหมดได้จดทะเบียนประชากรเสือต่อทางราชการอย่างถูกต้อง ตามกฎกระทรวงเมื่อปี 2546 ที่ประกาศให้ผู้ที่มีสัตว์ป่าคุ้มครอง แจ้งการครอบครองต่อทางราชการ แต่การดูแลของทางวัด จากสภาพกรงอาจจะไม่ค่อยสมบูรณ์ หรือปลอดภัยนัก แต่มีการป้องกันในระดับหนึ่ง ห้ามบุคคลนอกเข้ามาในพื้นที่ มีป้ายประกาศชัดเจน และจากการพูดคุยกับทางวัดได้แสดงความประสงค์จะให้ทางราชการนำเสือทั้งหมดไปดูแล เพื่อให้เป็นไปตามธรรมชาติที่เหมาะสม คาดว่าภายในสัปดาห์นี้น่าจะดำเนินการเคลื่อนย้ายเสือได้แล้วเสร็จ
รองอธิการบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์พืช กล่าวเพิ่มเติม ในส่วนของวัดอื่นๆ จะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบ ติดตาม ดูแลเรื่องความปลอดภัย รวมถึงสวัสดิภาพของเสือ ควบคุมจำนวนประชากรของเสือ ส่วนเสือที่วัดหลวงตามหาบัว ซึ่งมีประชาชนถามถึงเป็นจำนวนมาก ต้องอธิบายให้ทราบก่อนว่า เป็นเสือที่ทางราชการฝากเลี้ยงไว้ มีเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง รวมถึงความปลอดภัย และประชากรเสือ
ทางด้านนายวิโรจน์ อุ่นทรัพย์ ผู้อำนวยการสำนักพุทธศาสนาประจำจังหวัดนครปฐม กล่าวว่า การเลี้ยงเสือในวัดนั้นไม่มีระเบียบ หรือข้อบังคับสำหรับพระภิกษุสงฆ์แต่อย่างใด และส่วนใหญ่ก็ไม่มีวัด หรือพระที่ไหนที่จะเลี้ยงกัน อีกทั้งเสือยังเป็นสัตว์สงวน ซึ่งผู้ที่จะเลี้ยงได้นั้นต้องได้รับอนุญาตจากกรมป่าเสียก่อน ส่วนที่วัดอ้อน้อยนี้ตนก็ไม่เคยทราบมาก่อนว่ามีการเลี้ยงเสือไว้ในวัดด้วย และยิ่งเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นกับลูกศิษย์ที่มาปฏิบัติธรรมตนรู้สึกตกใจมาก ส่วนจะมีความผิดหรือไม่นั้น ตนยังตอบไม่ได้ต้องดูว่าทางวัดได้รับอนุญาตให้เลี้ยงหรือเปล่า และมีใบอนุญาตจากกรมป่าไม้หรือไม่
มีรายงานข่าวจาก จ.นครปฐม แจ้งว่า เมื่อวันที่ 7 ก.ค.ที่ผ่านมา พ.ต.อ.สมบัติ อ่อนสมบูรณ์ ผกก.สภ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ได้รับแจ้งว่ามีคนถูกเสือภายในวัดอ้อน้อยธรรมอิสระ หมู่ 11 ต.ห้วยขวาง อ.กำแพงแสน กัดและขย้ำตามตัวหลายแห่งจนได้รับบาดเจ็บสาหัส และทางญาติๆ ได้นำส่งยังโรงพยาบาลสนามจันทร์ อ.เมืองนครปฐม จึงได้เดินทางไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุพบจุดเกิดเหตุเป็นกรงเหล็กล้อมรอบ ความสูงประมาณ 4 เมตร โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วนในเนื้อที่รวมประมาณ 30 X 30 เมตร โดยกรงใหญ่ภายในจะมีเสือลายพาดกลอนอยู่ 3 ตัว กรงเล็กมี 2 ตัว ซึ่งเสือแต่ละตัวมีขนาดใหญ่ หนักประมาณ 80 กก. อยู่ด้านหลังศาลาปฏิบัติธรรมกรรมฐาน (ลานโพธิ์) และพบจุดที่เกิดเหตุเป็นด้านหน้าของกรงเล็ก ที่มีเสืออยู่ 2 ตัว มีร่องรอยของเศษหญ้าสดวางอยู่บนก้นโอ่งน้ำมีรอยเลือดจำนวนหนึ่งติดเปื้อนอยู่ที่บริเวณข้างโอ่งน้ำ และบริเวณที่กรงเหล็ก
สำหรับผู้บาดเจ็บคือ น.ส.เบญจวรรณ แสงวิเชียร อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 13 โชคชัย 4 ซอย 46 แขวงและเขตลาดพร้าว กทม. มีบาดแผลเหวอะหวะที่ต้นแขนขวายาวจนถึงข้อมือ ซึ่งเป็นผู้มาปฏิบัติธรรมภายในวัดอ้อน้อยธรรมอิสระ ทั้งนี้ รายงานข่าวระบุว่า ผู้ได้รับบาดเจ็บมีอาการสาหัสมาก และถูกนำตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาล จ.สมุทรปราการ
หลังเกิดเหตุผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบยังวัดอ้อน้อย ซึ่งเป็นวัดของหลวงปู่พุทธอิสระ ภายในวัดมีชาวบ้านมาปฏิบัติธรรมอยู่ที่ศาลากันจำนวนมาก จากการสอบถามทราบว่า ที่วัดแห่งนี้เลี้ยงเสือไว้ จำนวน 5 ตัว อยู่ในลานโพธิ์ด้านหลังของวัด แต่ถูกขังในกรงขนาดใหญ่ ห้ามบุคคลภายนอกเข้าไปเด็ดขาด เบื้องต้นทางวัดยื่นยันว่ามีเอกสารการขออนุญาตอย่างถูกต้อง
พ.ต.อ.สมบัติ อ่อนสมบูรณ์ ผกก.สภ.กำแพงแสน จ.นครปฐม เปิดเผยถึงเรื่องนี้ว่า หลังจากทราบเรื่องว่ามีเสือกัดคนก็ได้เดินทางมาที่วัดเพื่อขอพบกับเจ้าอาวาส และขอตรวจสอบเกี่ยวกับเอกสารหลักฐานต่างๆ ในการขออนุญาตเลี้ยงเสือว่ามีใบอนุญาตฝากเลี้ยงจากกรมป่าไม้หรือไม่ หลวงปู่พุทธอิสระ เจ้าอาวาส จึงให้เจ้าหน้าที่วัดพาตำรวจเข้าไปตรวจสอบ โดยมีสื่อมวลชนตามเข้าไปด้วยแต่ห้ามถ่ายภาพ
จากการตรวจสอบพบว่า มีเสือโคร่งลายพาดกลอนทั้งหมด 5 ตัว ขนาดใหญ่ น้ำหนักไม่ต่ำกว่า 200 กก. ถูกขังแยกอยู่ในกรงขนาดใหญ่ 3 กรง เนื้อที่กรง 3 คูณ 4 เมตร กรงละ 2 ตัว และกรงเดี่ยว 1 ตัว ในส่วนของกรงเดี่ยว มีคราบเลือดติดอยู่ที่เหล็กลูกกรง และเสืออยู่ในอาการกระวนกระวาย ทั้งนี้ จากการสอบถามเจ้าหน้าที่วัดทราบว่า หลวงปู่นำเสือมาเลี้ยงตั้งแต่ปี 2546 ส่วนจะขออนุญาตเลี้ยงหรือไม่ต้องถามหลวงปู่เอง
พ.ต.อ.สมบัติ เปิดเผยด้วยว่า จากการเข้าตรวจดูสถานที่พบแต่คราบเลือดติดลูกกรง แต่ไม่พบคนเจ็บ และไม่มีใครแจ้งความเอาผิด แต่เมื่อทราบเรื่องแล้วก็เดินทางมาตรวจสอบก่อนว่ามีใบอนุญาตครอบครองสัตว์ป่าต้องห้ามหรือไม่ หากไม่มีก็ต้องส่งเรื่องไปให้ผู้บังคับบัญชาทราบเพื่อดำเนินการ เพราะเลี้ยงเสือไว้อันตราย และเป็นที่ที่มีผู้คนพลุกพล่านซึ่งอยู่ในวัดด้วย ชาวบ้านเลี้ยงยังผิด หากวัดเลี้ยงไม่มีใบครอบครองก็ถือว่าผิดเช่นกัน
ด้านหลวงปู่พุทธอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อยกล่าวว่า ได้ขออนุญาตจากกรมป่าไม้มาเรียบร้อยแล้ว เป็นเสือถูกต้อง อย่างไรก็ตาม เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจขอตรวจสอบใบอนุญาตที่กรมป่าไม้ออกให้ หลวงปู่พุทธอิสระ กล่าวว่า ต้องค้นดูอยู่ในกุฏิที่พัก แต่ขณะนี้ติดภารกิจสอนปฏิบัติธรรมอยู่ไม่มีเวลาไปค้น แล้วจะนำมาแสดงให้เจ้าหน้าที่ดู ส่วนการดูแลรักษาคนเจ็บที่ถูกเสือกัดจะเป็นคนออกค่าใช้จ่ายในการรักษาให้ทั้งหมด
รองอธิบดีกรมอุทยานฯ ตรวจสอบเสือที่วัดอ้อน้อย
ผู้สื่อข่าวรายงานล่าสุดต่อมา เวลา 10.00 น. วันนี้ (8 ก.ค.) นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ์ รองอธิการบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์พืช นายนพดล ฮับแสน นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการพิเศษ ส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) พร้อมคณะลงพื้นที่วัดอ้อน้อย ต.ห้วยขวาง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม เพื่อตรวจสอบที่เกิดเหตุทางวัดดูแลเสืออย่างไร และเสือที่มีอยู่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ จากการตรวจสอบหลักฐานพบว่า เสือทั้ง 5 ตัว เลี้ยงมากว่า 10 ปี อยู่ในกรงเหล็กขนาดใหญ่ 2 กรง สูง 3 เมตร ด้านบนเปิดโล่ง รอบกรงมีโอ่งมังกรคว่ำไว้เป็นแถวยาวห่างออกจาก 6 แถว กันคนที่เดินผ่านไปมาไม่ให้เข้าไปใกล้กรงเสือ แต่ก็ไม่รู้ผู้ได้รับบาดเจ็บเข้าไปทำอะไร อาจจะต้องปีนขึ้นไปบนโอ่ง และยื่นมือเข้าไปเล่นกับเสือ จึงเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น
แต่เสือทั้งหมดได้จดทะเบียนประชากรเสือต่อทางราชการอย่างถูกต้อง ตามกฎกระทรวงเมื่อปี 2546 ที่ประกาศให้ผู้ที่มีสัตว์ป่าคุ้มครอง แจ้งการครอบครองต่อทางราชการ แต่การดูแลของทางวัด จากสภาพกรงอาจจะไม่ค่อยสมบูรณ์ หรือปลอดภัยนัก แต่มีการป้องกันในระดับหนึ่ง ห้ามบุคคลนอกเข้ามาในพื้นที่ มีป้ายประกาศชัดเจน และจากการพูดคุยกับทางวัดได้แสดงความประสงค์จะให้ทางราชการนำเสือทั้งหมดไปดูแล เพื่อให้เป็นไปตามธรรมชาติที่เหมาะสม คาดว่าภายในสัปดาห์นี้น่าจะดำเนินการเคลื่อนย้ายเสือได้แล้วเสร็จ
รองอธิการบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์พืช กล่าวเพิ่มเติม ในส่วนของวัดอื่นๆ จะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบ ติดตาม ดูแลเรื่องความปลอดภัย รวมถึงสวัสดิภาพของเสือ ควบคุมจำนวนประชากรของเสือ ส่วนเสือที่วัดหลวงตามหาบัว ซึ่งมีประชาชนถามถึงเป็นจำนวนมาก ต้องอธิบายให้ทราบก่อนว่า เป็นเสือที่ทางราชการฝากเลี้ยงไว้ มีเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง รวมถึงความปลอดภัย และประชากรเสือ
ทางด้านนายวิโรจน์ อุ่นทรัพย์ ผู้อำนวยการสำนักพุทธศาสนาประจำจังหวัดนครปฐม กล่าวว่า การเลี้ยงเสือในวัดนั้นไม่มีระเบียบ หรือข้อบังคับสำหรับพระภิกษุสงฆ์แต่อย่างใด และส่วนใหญ่ก็ไม่มีวัด หรือพระที่ไหนที่จะเลี้ยงกัน อีกทั้งเสือยังเป็นสัตว์สงวน ซึ่งผู้ที่จะเลี้ยงได้นั้นต้องได้รับอนุญาตจากกรมป่าเสียก่อน ส่วนที่วัดอ้อน้อยนี้ตนก็ไม่เคยทราบมาก่อนว่ามีการเลี้ยงเสือไว้ในวัดด้วย และยิ่งเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นกับลูกศิษย์ที่มาปฏิบัติธรรมตนรู้สึกตกใจมาก ส่วนจะมีความผิดหรือไม่นั้น ตนยังตอบไม่ได้ต้องดูว่าทางวัดได้รับอนุญาตให้เลี้ยงหรือเปล่า และมีใบอนุญาตจากกรมป่าไม้หรือไม่
