“รักษาการเจ้าอาวาสวัดสุนันทวนาราม” พร้อมให้ตรวจสอบทรัพย์สินในวัด

กาญจนบุรี - รักษาการเจ้าอาวาสวัดสุนันทวนาราม สาขาวัดหนองป่าพง ที่ 117 เผยบรรยากาศภายในวัดเงียบสงบเป็นปกติ และพร้อมให้ตรวจสอบทรัพย์สินภายในวัด ส่วนทุนการศึกษาที่เคยมอบให้เด็กยังคงดำเนินการเหมือนเดิม

เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ (1 ก.ค.) พระอาจารย์หนูพรม สุชาโต รองเจ้าอาวาส รักษาการเจ้าอาวาสวัดสุนันทวนาราม อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี สาขาวัดหนองป่าพง ที่ 117 เปิดเผยว่า ปัจจุบันบรรยากาศภายในวัดก็เป็นไปตามปกติ มีความเงียบสงบร่มเย็นเหมือนทุกวันที่ผ่านมา พระก็ออกไปบิณฑบาตตามกิจของสงฆ์ทุกวัน ไม่มีเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม คนงานก็ทำงานตามหน้าที่ที่รับผิดชอบไป ถามว่าหลังจากอดีตพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก สึกจากการเป็นพระไปแล้ว ซึ่งท่านเองก็ได้ประกาศไปแล้วว่าท่านจะไปแต่งงานอยู่กินฉันสามีภรรยากับสีกาสุทธิรัตน์ มุตตามระ หรือ สีกาแอน ท่านก็ได้ประกาศด้วยตัวเองเพื่อให้ศิษยานุศิษย์ และชาวไทยทราบไปหมดแล้ว หวังว่าโยมทุกคนก็คงจะเข้าใจกันหมดแล้วเช่นกัน

“สำหรับเงินรายได้ที่ทางวัดมี ส่วนใหญ่แล้วได้มาจากการจำหน่ายเสื้อผ้าของที่ระลึก ส่วนจะมีรายได้วันละเท่าไหร่นั้นอาตมาไม่สามารถทราบได้ เนื่องจากอาตมาไม่เคยไปข้องเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว อีกทั้งทางวัดมีคณะกรรมการคอยดูแล และรับผิดชอบเป็นขั้นตอนทราบว่ามีทั้งหมด 4 คน รายได้ทั้งหมดคณะกรรมการวัดจะนำไปเข้าบัญชีของมูลนิธิมิยาโคตมี และบัญชีของทางวัดเอง โดย 1 เดือนจึงจะนำไปเข้าบัญชีครั้งหนึ่ง แต่จะมีจำนวนเท่าไหร่นั้นอาตมาไม่ทราบ”

ส่วนทางวัดเองก็มีค่าใช้จ่าย เช่น จ่ายค่าแรงให้แก่คนงานที่อยู่ภายในวัด แต่หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรี จะขอตรวจสอบทรัพย์สินของวัด ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร โดยช่วงเช้าที่ผ่านมา ก็มีเจ้าหน้าที่มาจากสำนักงานพระพุทธศาสนาเข้ามาสอบถามข้อมูลไปแล้ว

“ส่วนการที่อดีตพระอาจารย์มิตซูโอะ ได้นำภาพมาเผยแพร่ทางสื่อมวลชนอย่างต่อเนื่องนั้น อาตมาไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์ เพราะอาตมาคิดว่าเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่สามารถจะกระทำได้ เพราะท่านก็ได้สึกจากการเป็นพระไปแล้ว ในส่วนเด็กนักเรียนที่เรียนดีแต่ครอบครัวมีฐานะยากจน ทางมูลนิธิก็จะดำเนินการให้ความช่วยเหลือต่อไป ดังนั้น ผู้ปกครองไม่ต้องเป็นห่วง ทางมูลนิธิจะปฏบัติตามแนวทางที่อดีตพระอาจารย์มิตซูโอะ วางไว้อย่างเคร่งครัด”

ด้านนายสมชาติ ธีรสุวรรณจักร นายอำเภอไทรโยค จ.กาญจนบุรี กล่าวถึงกรณีที่มีการโพสต์ภาพการให้สัมภาษณ์ของอดีตพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก ลงในยูทิวบ์ และโพสต์ข้อความ และภาพเคลื่อนไหวของอดีตพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก กับสาวไฮโซ ลงในโซเชียล เน็ตเวิร์ก อย่างต่อเนื่องว่า ตนมองว่าอยากให้เรื่องของท่านกับหญิงสาวคนดังกล่าวจางหายไป และก็เงียบไปในที่สุด ซึ่งไม่ควรออกมาให้ข่าว หรือโพสต์รูปและข้อความอะไรอีกต่อไป รวมทั้งความเคลื่อนไหวใดๆ แล้ว และไม่ต้องนำออกมาเผยแพร่สู่สาธารณชนอีก เพื่อให้อดีตพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก และตัวผู้หญิงเองได้ใช้ชีวิตฆราวาสเหมือนปุถุชนทั่วไปตามที่ทั้งสองต้องการ ซึ่งหากอดีตพระอาจารย์มิซูโอะ จะเผยแพร่ธรรมะในรูปแบบของการเป็นฆราวาส การสอนนั่งสมาธิ วิปัสนากรรมฐาน ก็สามารถดำเนินการอย่างที่ท่านตั้งใจไว้ได้

สำหรับการดำเนินงานของมูลนิธิมายาโคตมี ก็อยากให้ทางมูลนิธิฯ สานต่องานด้านต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องทุนการศึกษาของเด็กเรียนดี แต่ยากจน ซึ่งอดีตพระอาจารย์ได้วางแนวทางช่วยเหลือเด็กนักเรียนในพื้นที่ อ.ไทรโยค มาอย่างต่อเนื่อง โดยมีการแจกทุกการศึกษาประจำทุกปี รวมทั้งกิจการที่เป็นสาธารณะเพื่อสังคม ท่านก็ดูแลมาโดยตลอด นอกจากนี้ ยังให้การสนับสนุนเกี่ยวกับการป้องกันปัญหายาเสพติดเพื่อไม่ให้มีการระบาดในพื้นที่ และอีกหลายๆ ด้านที่ท่านให้การสนับสนุนมาอย่างต่อเนื่อง ฉะนั้นการที่อดีตพระอาจารย์ได้ลาสิกขาไป ทางมูลนิธิฯ ก็น่าจะดำเนินการตามวัตถุประสงค์เดิมที่อดีตพระอาจารย์ได้วางไว้ เพื่อประโยขน์ของสังคม และชุมชนต่อไป

“เมื่อท่านลาสิกขาไปแล้วก็อยากให้เป็นเรื่องของชีวิตฆราวาส แต่ขณะที่ท่านอยู่ในสมณเพศ สิ่งที่ท่านได้สั่งสอนมาเป็นคำสอนที่ดีมาก รวมทั้งคำสอนเกี่ยวกับหลักธรรมก็ดีมากเช่นกัน ซึ่งท่านได้เขียนหนังสือธรรมะไว้มากมาย และยังนำมาใช้ประโยชน์ในการวางแนวทางในการใช้ชีวิตได้เป็นอย่างดี”

ด้านนายฉัตรชัย ชูเชื้อ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมา ตนพร้อมเจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปที่วัดสุนันทวนาราม เพื่อกราบนมัสการ พระอาจารย์หนูพรม สุชาโต รองเจ้าอาวาส รักษาการเจ้าอาวาส เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง และหลังจากทราบข้อมูลก็พบว่า อดีตพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก ก่อนลาสิกขานั้นไม่เคยมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องทรัพย์สินภายในวัด หรือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเงินของมูลนิธิฯ แต่อย่างใด เพราะทรัพย์สินของวัดเอง รวมทั้งทรัพย์สินของมูลนิธิมิยา โคตมี ต่างก็มีคณะกรรมการคอยเป็นผู้ดูแลและรักษาผลประโยชน์อย่างเป็นระบบ

ดังนั้น สำนักงานพระพุทธศาสนาจึงไม่เข้าไปตรวจสอบทรัพย์ของทางวัด และให้คณะกรรมการวัดดำเนินการไปตามปกติ