ศูนย์ข่าวศรีราชา - ตำรวจแปดริ้วยังมืดแปดด้าน หลัง 5 ชายฉกรรจ์แต่งกายคล้ายตำรวจนอกเครื่องแบบ อ้างเป็นชุด ปส.บุกเข้าตรวจค้นหายาเสพติดในบ้านเสี่ยเขียงหมู ก่อนจับตัวบุตรชายหญิงปิดตา มัดมือเท้า ฉกทองคำที่เก็บสะสมไว้เกือบ 100 บาท มูลค่ากว่า 1.5 ล้านบาทหนีลอยนวล
เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (28 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นายศุภวิชญ์ หัวใจ อายุ 17 ปี บุตรชายของนายสมยศ หัวใจ อายุ 50 ปี เสี่ยเขียงหมู และเนื้อไก่สด ย่านตลาดลาว ต.บางปะกง อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ว่า บิดา และนางศิริอำพร หัวใจ มารดาพร้อมน้องสาว น.ส.กมลชนก หัวใจ อายุ 15 ปี ได้ถูก พ.ต.อ.กษิภณ ศิริจันทร์ พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ หัวหน้างานสอบสวน สภ.บางปะกง เชิญตัวไปทำการสอบสวน
หลังเมื่อเวลาประมาณ 03.00 น. ที่ผ่านมา (28 มิ.ย.) ได้มีกลุ่มคนร้ายซึ่งเป็นชายฉกรรจ์ 5 คน แต่งกายคล้ายตำรวจนอกเครื่องแบบ ทำการตัดสลักกลอนประตูลูกบิดภายในบ้านพัก ซึ่งตั้งอยู่บริเวณหลังตลาดบูรพา เลขที่ 1/1231 ม.14 ต.บางวัว อ.บางปะกง และอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจปรามปรามยาเสพติด ซึ่งขณะเกิดเหตุมีเพียงตน และน้องสาวอยู่ภายในบ้าน เนื่องจากบิดา และมารดาออกไปขายเนื้อหมู และเนื้อไก่สด ยังที่ตลาดซึ่งอยู่ห่างจากบ้านพักประมาณ 8 กม. และจะกลับเข้าบ้านมาในตอนรุ่งเช้าเวลาประมาณ 08.00 น.
หลังจากกลุ่มชายฉกรรจ์บุกเข้ามา ได้ใช้อาวุธปืนซึ่งตนเห็นไม่ถนัดว่าเป็นปืนจริงหรือปลอม ทำการข่มขู่ให้หมอบก้มลงกับพื้น ก่อนที่คนร้ายจะใช้เทปกาวพันปิดตา และมัดมือมัดเท้าไพล่หลังติดกับน้องสาวให้หันหลังชนกัน ก่อนที่คนร้ายจะพากันบุกเข้าค้นหาทรัพย์สินภายในบ้าน และปล้นเอาทรัพย์สินมีค่าไป และยังทราบภายหลังว่าได้ปล้นทองคำที่มารดาเก็บซ่อนเอาไว้ภายในบ้านเกือบ 100 บาท ไปพร้อมกับกระเป๋าใส่เงินของบิดา ที่ยังไม่ทราบจำนวนทั้งหมด และได้พากันหลบหนีไป
ตนได้แอบเอาโทรศัพท์มือถือเครื่องขนาดเล็กที่ซุกซ่อนไว้ในกางเกงในก่อนถูกคนร้ายจับมัดแขนและขา เพื่อติดต่อไปมารดา ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมผู้ปกครองจะเดินทางกลับมาถึงบ้านที่เกิดเหตุ ในเวลา 04.00 น.วันเดียวกัน และยืนยันว่า สามารถจดจำใบหน้าคนร้ายได้อย่างชัดเจน ซึ่ง 1 ในคนร้ายมีรูปร่างท้วม ผิวคล้ำ สวมเสื้อแจ็กเกตคล้ายตำรวจสีดำ
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ตลอดทั้งวันเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกผู้เสียหายทั้ง 4 คน มาสอบสวนปากคำอย่างละเอียด โดยไม่ได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้ซักถาม แต่จากการสอบถามเพื่อนบ้านหลังเกิดเหตุทราบว่า ได้ยินเสียงคนหลายคนอยู่ภายในบ้านหลังนี้ช่วงเวลาที่เกิดเหตุ แต่เข้าใจว่าคนในบ้านยังคงทำงานอยู่เนื่องจากบ้านหลังดังกล่าวมักจะทำงานในช่วงดึก จึงมองว่าเป็นเรื่องปกติไป
จากการสังเกตสภาพบ้านพบว่า บ้านเกิดเหตุเป็นทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น ปลูกเรียงรายติดกัน และมีประตูรั้วปิดกั้นด้านหน้าอย่างแน่นหนา และภายในบ้านยังมีตู้แช่ และตู้เย็นแช่ของสดวางเรียงราย ซึ่งผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก 2 พี่น้องผู้เสียหายเพิ่มเติมว่า เนื่องจากทั้ง 2 ไม่ได้ปิดล็อกประตูเหล็ก และประตูรั้วอย่างแน่หนา จึงทำให้กลุ่มคนร้ายสามารถสลักกลอนลูกเลื่อนที่ปิดไว้จนเข้าถึงภายในได้ง่าย
ด้าน พ.ต.อ.วินัย จิตต์ปรุง รอง ผบก. ภ.จว.ฉะเชิงเทรา กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับรายงานว่า เหตุที่เกิดขึ้นนี้เป็นการก่อเหตุของคนร้ายทั่วไปที่ไม่ใช่ตำรวจแน่นอน แต่ผู้ก่อเหตุได้สวมถุงมือในการเข้ารื้อค้นทรัพย์สินภายในบ้าน จึงไม่พบลายนิ้วมือแฝง
ส่วนหลักฐานอื่นๆ จะต้องรอให้ตำรวจพื้นที่เขาทำงานก่อน และอาจติดตามภาพคนร้ายจากกล้องวงจรปิดในบริเวณใกล้ที่เกิดเหตุเพื่อนำมาตรวจสอบ แต่เบื้องต้นทราบว่ากล้องวงจรปิดบริเวณหน้าประตูป้อมยามทางเข้าหมู่บ้านถูกฟ้าใช้การไม่ได้ จึงยังต้องให้เจ้าหน้าที่หาหลักฐานในจุดอื่นๆ มาประกอบ ซึ่งทรัพย์สินที่คนร้ายได้ไป ทราบว่าเป็นทองคำรูปพรรณ ประมาณ 75 บาท พร้อมเครื่องประดับอีกจำนวนหนึ่ง รวมมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้านบาท