ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ฉิบหายแล้วข้าวไทย! “อำมาตย์เต้น” แจงยอดตรวจสอบรับจำนำทั่วประเทศ สรุปข้าวหายเล็กน้อย ไม่ผิดปกติ ขณะของจริงในพื้นที่เจอทั้งข้าวล่องหน ข้าวเหนียวข้ามโขงรอสวมสิทธิ โรงสีหักหน้าพาณิชย์ ห้ามสื่อมวลชนสังเกตุการณ์ ข้าวขึ้นรา มอดกิน จนท.สักแต่ว่าตรวจเพราะแพ้ฝุ่น ซื้อใบประทวนไปกว้านหาข้าวเข้าโกดังรอการตรวจสอบ “ชาวนา” เตรียมกินเลือด หลัง “เอฟดีเอ” มะกัน สั่งกักข้าวไทยทุกท่าเรือ ผวาข้าวเน่า อัดสารเคมี มีมอด เชื้อรา ผู้ส่งออกเผยเตรียมหันซื้อเวียดนาม เขมรแทนแล้ว
วานนี้ (27 มิ.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ แถลงว่าการตรวจสอบปริมาณข้าวและคุณภาพข้าว ในโกดังและคลังกลางขององค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ยืนยันว่า ในพื้นที่ตำรวจนครบาลมีข้าวเกิน 39 กระสอบ ภาค 3 ที่ จ.ชัยภูมิ ดำเนินคดีแล้ว ภาค 4 ไม่ผิดปกติ ภาค 8 ข้าวเปลือก ข้าวสารเกินที่ จ.นครศรีธรรมราช โดยโรงสีพัฒนโสภณเจริญพานิช ปากพนัง เกินมา 668 ตัน และโรงสี ส.สมบูรณ์ ข้าวเปลือก 78 ตัน ข้าวสารเกิน 211 ตัน ขณะที่ยังตรวจสอบไม่เสร็จ คือ ภาค 1 เบื้องต้นพบข้าวสารเกิน 75 ตัน โรงสีแห่งหนึ่งใน จ.นนทบุรี เจ้าของกำลังพยายามแจกแจง ภาค 5 ที่ จ.เชียงราย ปะปนอาหารสัตว์ ข้าวอัดเม็ดด้อยคุณภาพ
ภาค 6 ข้าวหายที่ จ.เพชรบูรณ์ 5,600 ตัน จ.นครสวรรค์ 100 ตัน จ.อุทัยธานี 490 กระสอบ เกิน 1,500 กระสอบ ข้าวเปลือกเกิน 13,000 ตัน ข้าวสารเกิน 326 ตัน อย่างไรก็ตาม จากการตรวจแล้ว 80% พบผิดปกติไม่ถึง 1%
“เต้น” บอกไม่ผิดปกติ-ของจริงพบปัญหลายจุด
ทั้งนี้ แม้นายณัฐวุฒิ จะแถลงว่าจากการตรวจแล้ว 80% พบผิดปกติไม่ถึง 1% แต่การตรวจสอบข้าวในโกดังของโรงสีที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำ และคลังกลางของ อ.ต.ก. และ อคส.ในต่างจังหวัด กลับมีปัญหลายจุด โดยที่ จ.เชียงราย นายพงษ์ศักดิ์ วังเสมอ ผู้ว่าราชการจังหวัด พล.ต.ต.วันชัย สุวรรณศิริเขต ผบก.ภ.จว. นำคณะตรวจสอบโกดังโรงสีที พี เอ็น ไรซ์มิล จำกัด ต.ท่าข้าวเปลือก อ.แม่จัน พบแกลบอัดแท่ง ข้าวคุณภาพต่ำเหมือนข้าวเก่า บางส่วนมีราดำขึ้น มีมอดปะปน บางส่วนเป็นข้าวสีแดง เมื่อตรวจค้นภายในพบว่าแกลบอัดแท่งเก็บเอาไว้ในจุดที่ลึกที่สุดของโกดัง ถัดออกมาเป็นข้าวคุณภาพต่ำ ด้านหน้าเป็นข้าวขาวตามปกติ จึงเก็บตัวอย่างไว้เป็นหลักฐาน
โรงสีเชียงรายเจอแกลบอัดแท่ง-ข้าวคุณภาพต่ำ
นายณัฐพล พฤษถาพร เจ้าของโรงสี กล่าวว่า ข้าวรับจำนำยังอยู่ครบ 20,000 ตัน แต่แปรรูปเป็นข้าวสารแล้วประมาณ 10,000 ตัน ส่วนข้าวที่ไม่มีคุณภาพเป็นข้าวที่โรงสีทำการคัดแยกออกจากข้าวปกติ และไม่ใช่ข้าวโครงการรับจำนำ ส่วนแกลบอัดแท่งเป็นผลผลิตของทางโรงสี เพื่อจำหน่ายตามปกติ สาเหตุที่ไปอยู่ในโกดังเพราะเป็นช่วงฤดูฝน คนงานเกรงจะเสียหายจึงนำไปเก็บรวมกันไว้
ขณะที่นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า ตามหลักแล้ว ข้าวรับจำนำควรจะแยกออกจากข้าวทั่วไปที่อยู่ในกิจการของโรงสี ไม่ควรนำมาปะปนกัน ส่วนกรณีที่สืบทราบว่าอาจจะมีข้าวหายไปกว่า 1,000 ตันนั้น ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบข้าวในโรงสีแห่งนี้ใหม่ทั้งหมดโดยละเอียด
ทั้งนี้ โรงสีแห่งนี้มี 7 โกดัง เบื้องต้นนับได้เพียง 4 โกดัง คาดว่าจะต้องใช้เวลานับอีก 1 วัน หากไม่ครบตามจำนวนก็จะดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนกรณีที่พบข้าวด้อยคุณภาพ ต้องตรวจสอบว่าไปรวมกับข้าวที่รับจำนำหรือไม่
นรข.เชียงรายยึดข้าวเหนียวรอสวมสิทธิคาริมโขง
ขณะที่นายพงษ์ศักดิ์ นำคณะตรวจสอบโกดังข้าวนั้น น.ต.สมคิด พู่โต๊ะยา หัวหน้าหน่วยสถานีเรือเชียงของ หน่วยเรือรักษาควาามเรียบร้อยตามลำน้ำโขง (นรข.) เขตเชียงราย แถลงผลตรวจยึดข้าวสารเหนียวลักลอบนำเข้าผ่านลำน้ำโขง ชายแดนไทย-ลาว บ้านดอน ต.ริมโขง อ.เชียงของ โดยกลุ่มชายฉกรรจ์ประมาณ 10 คน กำลังลำเลียงกระสอบข้าวขึ้นจากเรือ เมื่อแสดงตัวขอตรวจสอบได้พาพากันหนีไป ทิ้งไว้เพียงกระสอบปุ๋ย จึงเข้าไปตรวจนับได้ 38 กระสอบ ภายในบรรจุข้าวสารเหนียว
เบื้องต้นคาดว่าน่าจะเป็นข้าวลักลอบนำเข้ามาสวมสิทธิเข้าโครงการจำนำฝั่งไทย เพราะได้ราคาดีกว่าในตลาด จึงนำส่ง สภ.เชียงของ ดำเนินการตามกฎหมาย
นายศรชัย สร้อยพงษ์พราย นายด่านศุลกากรเชียงของ กล่าวว่า หลังจากมีโครงการรับจำนำข้าว มีการลักลอบนำเข้าข้าวมากขึ้น โดยช่วง 3 เดือนที่ผ่านมามีความพยายาม 3-4 ครั้งแล้ว
“แปดริ้ว” พิรุธอื้อ ห้ามสื่อเข้า หายร่วม 9 พันกระสอบ
ที่ จ.ฉะเชิงเทรา การตรวจสอบคลังกลางเก็บข้าวสารขององค์การคลังสินค้า (อคส.) ที่เช่าคลังสินค้าของนายดนุพล เก่งการพานิช เลขที่ 38/3 หมู่ 7 ต.คลองอุดมชลจร อ.เมือง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และผู้ดูแลคลังข้าวไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปสังเกตการณ์ อ้างว่าต้องมีหนังสืออนุญาตจากหัวหน้าคลังกลาง หรือหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องมาแสดง หากไม่มีจะไม่ให้เข้าไปยังภายในเด็ดขาด ทั้งที่ นายณัฐวุฒิ เชื้อเชิญผ่านทางสื่อว่าให้สื่อมวลชนทั่วประเทศเข้าร่วมตรวจสอบทุกแห่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คลังกลาง อคส.แห่งนี้ เป็นคลังเก็บสินค้าประเภทอื่น ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการจัดเก็บข้าวสารที่ต้องเรียงซ้อนสูงถึง 30 ชั้น จึงทำให้พื้นของโกดังทรุดตัว และมีข้าวได้รับความเสียหายมาแล้ว โดยก่อนหน้านี้ นายบุญเลิศ ไพรินทร์ ส.ส.เขต 1 ฉะเชิงเทรา พรรคประชาธิปัตย์ เคยเข้าไปตรวจสอบพบการทรุดตัวจนกระสอบข้าวสารจมลงบนพื้นของโกดังที่ยุบตัวลงไป กองข้าวล้มถึง 4 กอง จาก 10 กอง เสียหายรวม 77,760 กระสอบ
ส่วนที่โกดังกลาง อ.ต.ก. ถนนฉะเชิงเทรา-กบินทร์บุรี กม. 39 อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา มีข้าวเหลืออยู่ในโกดัง 97,463 กระสอบ ผิดจากยอดเดิมเมื่อครั้งที่นายเริงศักดิ์ มหาวินิจฉัยมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา มาตรวจสอบ และได้รับรายงานการตรวจนับเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน ว่ามีข้าว 106,398 กระสอบ เท่ากับมีข้าวหายไป 8,935 กระสอบ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเกิดเรื่องอื้อฉาวที่ปล่อยให้มีมอดเข้ามากัดกินเมล็ดข้าว พร้อมถ่ายมูลที่ด้านนอกกระสอบจนส่งกลิ่นเหม็นหืนโชยไปไกล
ด้านเซอร์เวเยอร์แจ้งต่อคณะว่า ข้าวที่หายไปได้ขายไปแล้วแต่ไม่ทราบว่าขายใคร เพราะมีรถบรรทุกถือตั๋วรับข้าวมารับไป และยังไม่แจ้งตัดบัญชีกลับมา
“สระแก้ว” ตั้งด่านสกัดข้าวเพื่อนบ้านแห่เข้าไทย
จ.สระแก้ว พ.ต.อ.ไพบูรณ์ วังทะพันธ์ รอง ผบก.ภ.จว.สระแก้ว ตรวจสอบโกดังบริษัท ชมตะวัน อินเตอร์เทรด จำกัด ต.หนองสังข์ อ.อรัญประเทศ ปรากฏว่า พบปลายข้าว A เลิศ เกือบ 5 หมื่นกระสอบ ซึ่ง น.ส.เทวัณ นักเป่า หัวหน้า อ.ต.ก. ชี้แจงว่า ปลายข้าว 49,134 กระสอบนั้น อ.ต.ก.ได้รับจากโรงสี 3 จังหวัด คือ สระแก้ว ปราจีนบุรี และฉะเชิงเทรา ส่วนที่เห็นมีมากเพราะรัฐบาลไม่ให้ปลายข้าวแก่โรงสี โรงสีได้เพียงรำข้าว และแกลบเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายยังคลางแคลงใจ เพราะปลายข้าวดังกล่าวเป็นชนิดเดียวกับที่มีการจับกุมได้บ่อยครั้ง จากการลักลอบนำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน อีกทั้งประเทศเวียดนาม พยายามผลักดันปลายข้าวชนิดนี้เข้ามาขายในตลาดมืดของไทยตามแนวชายแดนจำนวนมาก
ด้านนายวรพันธุ์ สุวัณณุสส์ ปลัดจังหวัดสระแก้ว กล่าวว่า จังหวัดได้สนธิกำลังฝ่ายปกครอง ตำรวจท้องที่ ตำรวจตระเวนชายแดน 124 ขนส่งจังหวัด แขวงการทางจังหวัด ตั้งจุดสกัดที่ ต.โคคลาน อ.ตาพระยา ตรวจค้นรถที่ผ่านเข้า-ออกอย่างเข้มงวด โดยเน้นรถบรรทุกขนาดใหญ่ เพื่อป้องกันกลุ่มผู้ไม่หวังดีฉวยโอกาสลักลอบขนข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาปลอมปนเพื่อสวมสิทธิโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งจะสร้างความเสียหายให้ประเทศ
จ.กาฬสินธุ์ นายสุวิทย์ สุบงกฎ ผู้ว่าราชการจังหวัด นำคณะตรวจสอบโกงดังกลางของ อคส. ซึ่งเช่าคลังสินค้ากลางของสหกรณ์การเกษตรกมลาไสย จำกัด เก็บข้าวสาร 5,084 ตัน และโรงสีไฟกาฬสินธุ์รุ่งเรือง 3 ข้าวเปลือกนาปรัง 16,114 ตัน และโรงสีไทยเกษตร อ.ยางตลาด 10,509 ตัน และจุดรับจำนำในเขต อ.กุฉินารายณ์ ผลการตรวจสอบพบว่ามีมอดข้าวจำนวนมากกัดกินข้าวสาร
“พัทลุง” ฉาวซื้อใบประทวนชาวนาขนข้าวเข้ารอตรวจ
จ.พัทลุง นายวิญญู ทองสกุล ผู้ว่าราชการจังหวัด นำคณะตรวจสอบโรงสี 15 โรง โกดัง 10 แห่ง พบว่า มีข้าวครบตามจำนวนที่แจ้งไว้ แต่มีข้อพิรุธหลายอย่าง เช่น โรงสีไม่มีสถานที่จัดเก็บเพียงพอ วางตากแดดตากฝน ใช้เพียงผ้าใบคลุมเท่านั้น ข้าวสารมีมอดและราขึ้นจำนวนมาก ขณะที่กล้องวงจรปิดก็เสีย
ขณะที่ชุดสืบสวนตำรวจระบุว่า พบโรงสีบางแห่งเพิ่งนำข้าวเปลือกใหม่เข้ามาเก็บช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อทดแทนข้าวเปลือกที่แอบสีขายให้นายทุนไปก่อน แล้วกว้านชื้อข้าวใหม่ในส่วนที่ขาดหาย โดยขอชื้อใบประทวนจากชาวนารายละ 2,000 บาท แต่คณะอนุกรรมการตรวจสอบระดับจังหวัด ไม่มีข้อมูลรายงานให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทราบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่การตรวจสอบข้าวของพาณิชย์จังหวัด และการค้าภายในจังหวัด เพียงแค่ขอดูใบประกอบรายการจำนำว่าตรงกับต้นขั้วที่เจ้าหน้าที่ถือหรือไม่ ไม่ได้ตรวจสอบกองข้าว กระสอบข้าวเปลือก และข้าวสาร เพราะเจ้าหน้าที่บางคนแพ้ฝุ่น จึงใช้เวลา 15-20 นาทีก็กลับ พร้อมรายงานว่าไม่พบสิ่งผิดปกติ ขณะที่เจ้าหน้าที่ยังระบุอีกว่า บางโรงสีที่ข้าวหายไป 5-10 กระสอบ ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะมีการขนถ่ายข้าวเข้า-ออกทุกวัน
“เอฟดีเอ” อเมริกาเสียวสั่งกักทุกท่าเรือรอตรวจสอบ
อย่างไรก็ตาม ขณะที่รัฐบาลไทยสั่งตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวในโกดัง คลังกลางของ อคส.และ อ.ต.ก. หลังสื่อนำเสนอข่าว “ข้าวเน่า” และมี “มอด” กัดกินเมล็ดข้าว จนเป็นที่มาของข่าวการ “รมยา” ฆ่ามอด ล่าสุด สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือเอฟเอดี (Food&Drug Administration : FDA) ของสหรัฐอเมริกา มีคำสั่งให้ท่าเรือ และผู้นำเข้าทุกรายกักกันข้าวที่นำเข้าจากประเทศไทยทุกตู้คอนเทนเนอร์ เนื่องจากข่าวข้าวในโครงการรับจำนำของรัฐบาลไทยที่เก็บไว้ในโกดัง หรือคลังกลาง มีการใช้สารเคมีรมควันในปริมาณมาก สุ่มเสี่ยงต่อสุขภาพ บางแห่งมีมอด มีเชื้อรา ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค จึงให้กักกันไว้เพื่อตรวจสอบก่อน
แหล่งข่าวจากวงการผู้ส่งออกข้าว กล่าวว่า การตื่นตัวของเอฟดีเอครั้งนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ เพราะ 20-30 ปีที่ผ่านมา ข้าวจากไทยไม่เคยถูกตรวจสอบคุณภาพเช่นนี้ แต่ตั้งแต่ต้นสัปดาห์นี้ มีคำสั่งแจ้งเตือน และตามมาด้วยให้ท่าเรือทุกท่าเรือ เช่น นิวยอร์ก ชิคาโก ต้องกักกันข้าวไทยทุกตู้คอนเทนเนอร์เพื่อสุ่มตรวจ หากพบว่ามีปัญหาสารเคมี มอด หรือเชื้อราของบริษัทใด 5 ครั้ง เอฟดีเอจะให้ผู้นำเข้ารายนั้นปฏิเสธการนำเข้าข้าวจากไทย
“ระเบียบของเอฟดีเอสหรัฐฯ เข้มงวดมาก พอมีข่าวก็ตื่นตัว เกรงคนของเขาจะได้รับอันตราย จึงต้องกักไว้ก่อน ตอนนี้ทุกพอร์ตทุกบริษัทโดนหมด ผู้นำเข้าก็เริ่มหวั่นการตรวจของเอฟดีเอจะทำให้มีปัญหาตามมาอีกมา เพราะนอกจากต้องเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายกว่า 1,000 เหรียญสหรัญต่อดู้คอนเทนเนอร์แล้ว หากสุ่มตรวจพบ 5 ครั้งว่าผิดปกติ จะต้องถูกห้ามนำเข้าข้าวจากไทยเลย”
ซึ่งคำสั่งของเอฟดีเอ กำลังทำให้ผู้นำเข้าข้าวจากไทยกังวลใจมาก เพราะเกรงว่าจะได้รับความเสียหายเป็นวงกว้าง เนื่องจากแค่การกักกันรอการตรวจสอบ อาจทำให้ผู้บริโภค หรือลูกค้าไม่มั่นใจ และอาจทำให้ผู้นำเข้าหลายรายหันไปนำเข้าข้าวจากคู่แข่งของไทย เช่น เวียดนาม และกัมพูชา
ทั้งนี้ จากข้อมูลของกรมการค้าต่างประเทศ พบว่า ช่วง 5 เดือนของปี 2556 ไทยส่งออกข้าว 2.5 ล้านตัน มูลค่า 1,794 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 52,988 ล้านบาท ราคาส่งออกเฉลี่ยตันละ 715 เหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ปริมาณ และมูลค่าส่งออกลดลง 14.7% และ 8.9% ตามลำดับ ขณะที่เป้าหมายการส่งออกข้าวปี 2556 กระทรวงพาณิชย์ตั้งไว้ที่ 8.5 ล้านตัน มูลค่า 5,700 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยลูกค้ารายใหญ่ คือ สหรัฐอเมริกา
ขณะเดียวกัน สถิติการส่งออกข้าวไทยไปสหรัฐอเมริกาช่วง 4 เดือนของปี 2556 (ม.ค.-เม.ย.) มีปริมาณ 130,178 ตัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2555 ที่ส่งออกได้ 106,427 ตัน หรือเพิ่มขึ้น 22.32% โดยข้าวที่ส่งออกส่วนใหญ่เป็นข้าวหอมมะลิ และข้าวหอมมะลิอินทรีย์ เนื่องจากตลาดสหรัฐอเมริกาเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อ และผู้บริโภคให้ความสำคัญต่อสุขภาพ