เลย - ปกครอง อ.เมือง จับกุมแก๊งปล่อยเงินกู้ดอกโหด สารภาพรับจ้างจากนายทุนตระเวนเก็บเงินต้น-ดอกเบี้ยรายวัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 17.30 น. วันนี้ (27 มิ.ย.) นายภูริวัจน์ โชตินพรัตน์ ปลัดอำเภอเมืองเลยหัวหน้ากลุ่มงานบริหารการปกครองได้จับกุม นายพรเกียรติ พิชัยช่วง อายุ 18 ปี อยู่บ้านเลขที่ 93 ม.5 ต.บ้านจั่น อ.เมือง จ.อุดรธานี และนายพัทธพล ก่นท้าว อายุ 18 ปี บ้านเลข 78 ม.7 ต.หนองวัวซอ อ.หนองวัวซอ จ.หนองบัวลำภู โดยกล่าวหาว่า ร่วมกันประกอบธุรกิจการเงินโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันให้บุคคลอื่นยืมเงินโดยคิดอัตราดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหมายกำหนด
เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองได้ทำการตรวจค้นในตัวทั้ง 2 คน พบ ธนบัตรฉบับละ 1,000 บาท จำนวน 2 ฉบับ สมุดเก็บเงิน บัญชีรายชื่อลูกค้าระบุสถานที่ลูกค้า และจำนวนเงิน พร้อมจักรยานยนต์ จำนวน 1 คัน คือ จักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ หมายเลขทะเบียน จขท 615 นครราชสีมา พร้อมหมวกกันน็อกสีขาว 2 ใบ
นายภูริวัจน์ โชตินพรัตน์ ปลัดอำเภอเมืองเลย หัวหน้ากลุ่มงานบริหารการปกครอง หัวหน้าชุดจับกุม เปิดเผยว่า ได้ออกลาดตระเวนเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในเขตพื้นที่ตำบลเสี้ยว ระหว่างทางถนนสายบ้านเสี้ยว-น้ำคิว พบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้าเวฟ 110 สีขาวแดง หมายเลขทะเบียน จขท 615 นครราชสีมา มีชายรูปร่างสันทัด จำนวน 2 คน สวมหมวกกันน็อกขับขี่มาตามถนน ท่าทางมีพิรุธจึงได้เรียกให้หยุด และขอทำการตรวจค้นเพื่อที่จะค้นหาสิ่งผิดกฎหมาย
ผลการตรวจค้นพบของกลาง ลำดับที่ 1, 2 และ 3 ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าสีน้ำตาลที่คาดอยู่เอวของผู้ต้องหาที่ 2 จากการสอบถามผู้ต้องหารับว่า เงินดังกล่าวได้มาจากการเก็บหนี้กู้ยืมจากลูกหนี้ซึ่งได้กู้ยืมมาจากนายนอย รายละเอียดปรากฏตามนามบัตรซึ่งตรวจพบในตัวผู้ถูกกล่าวหา และสอบถามว่าเงินจำนวนดังกล่าวได้เก็บหนี้มาจากลูกหนี้หลายราย รายละเอียดปรากฏตามบัญชีรายชื่อลูกหนี้ที่ต้องเก็บ โดยไปเก็บหนี้มาจากลูกหนี้รายนางสุธาวัลย์ ซึ่งอยู่บ้านแก่งแล่น อ.ภูเรือ จ.เลย เป็นเงิน จำนวน 750 บาท
สอบถามผู้ถูกกล่าวแล้วให้การว่าเงิน จำนวน 750 บาท ตามบันทึกรายชื่อลูกหนี้ เป็นลูกหนี้เงินกู้ในยอดเงิน จำนวน 15,000 บาท รายละเอียดปรากฏตามบันทึกยอดเงินกู้ โดยจะเก็บหนี้เงินกู้ดังกล่าว เป็นเวลา 24 วัน วันละ 750 บาท ทุกวันไปจึงหมดหนี้ โดยเงิน จำนวน 750 บาทนั้นรวมต้นเงิน และดอกเบี้ยอยู่ในยอดเงินจำนวนนั้นด้วย
ผู้ถูกกล่าวหาให้การว่า ตนได้รับผลตอบแทนเป็นเงินเดือนจากนายนอย เดือนละ 5,000 บาท และยังมีเปอร์เซ็นต์จากยอดเงินที่เก็บได้ในแต่ละวันจากนายนอยด้วย เจ้าพนักงานคำนวณดอกเบี้ยจากเงินต้น จำนวน 15,000 บาท แล้วพบว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้เรียกเก็บดอกเบี้ยจากผู้กู้ในอัตราร้อยละ 299 บาทต่อปี ซึ่งเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ ผิดพระราชบัญญัติการเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด
นอกจากนี้ ยังสอบถามได้ความว่า ลูกหนี้ตามบัญชีนั้นล้วนแต่เป็นหนี้เงินกู้ซึ่งมีผู้ให้กู้รายเดียวกันคือนายนอย โดยไม่ปรากฏว่า นายนอย ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจการให้กู้ยืมเงินจากทางราชการ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแต่ประการใด โดยที่ผู้ถูกกล่าวหามีส่วนได้เสียเป็นเปอร์เซ็นต์จากการเก็บเงินกู้จากลูกหนี้ในบัญชีรายชื่อดังกล่าว จึงได้แจ้งข้อหาเพิ่มเติมว่า ร่วมกันประกอบธุรกิจให้กู้ยืมเงินโดยไม่ได้รับอนุญาตอีกข้อกล่าวหาหนึ่ง