ศูนย์ข่าวศรีราชา - บีโอไอแหลมฉบัง สรุปตัวเลขการอนุมัติส่งเสริมการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมของพื้นที่ 8 จังหวัดภาคตะวันออก ช่วง 5 เดือนแรกของปี 2556 ที่มีเม็ดเงินลงทุนรวมกว่า 1.41 แสนล้านบาท พบว่า จังหวัดระยอง ยังครองแชมป์ทั้งในแง่จำนวนโครงการ และเม็ดเงินลงทุน รองลงมาคือ จังหวัดชลบุรี ปราจีนบุรี และฉะเชิงเทรา
ศูนย์เศรษฐกิจการลงทุนภาคที่ 4 (บีโอไอ แหลมฉบัง) ได้สรุปภาพรวมการลงทุนในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคตะวันออก ช่วง 5 เดือนแรกของปี 2556 (1 ม.ค.-31 พ.ค.) พบว่า มีจำนวนโครงการที่ได้รับอนุมัติการส่งเสริม ทั้งสิ้น 310 โครงการ และมีมูลค่าการลงทุนรวม 141,006 ล้านบาท ก่อให้เกิดการจ้างงานไม่น้อยกว่า 28,597 คน โดยจังหวัดที่มีจ ำนวนโครงการได้รับอนุมัติมากเป็นอันดับ 1 คือ จังหวัดระยอง ที่มีทั้งสิ้น 126 โครงการ หรือคิดเป็นร้อยละ 40.65 ของจำนวนโครงการทั้งหมดที่ได้รับการอนุมัติส่งเสริม และยังมีมูลค่าการลงทุนสูงสุด คือ 73,532.60 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 52.15 ของมูลค่าเงินลงทุนทั้งหมด
รองลงมาคือ จังหวัดชลบุรี มี 125 โครงการ หรือคิดเป็นร้อยละ 40.32 ของจำนวนโครงการทั้งหมด และมีมูลค่าการลงทุนรวม 42,505.60 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 30.14 ของมูลค่าการลงทุนในช่วง 5 เดือนแรกของปี
ทั้งนี้ จังหวัดปราจีนบุรี และฉะเชิงเทรา ยังเป็นพื้นที่ที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน และยังพบว่ามีการเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้นใน 2 พื้นที่รวมประมาณ 24,874.40 ล้านบาท แบ่งเป็นประเภทอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ อุตสาหกรรมด้านการบริการและสาธารณูปโภค เช่น กิจการเขตนิคมอุตสาหกรรม และกิจการ Flatted Factory เพื่อรองรับการย้ายฐานการลงทุน ศูนย์จัดหาจัดซื้อชิ้นส่วนและผลิตภัณฑ์ระหว่างประเทศ (International Procurement Office)
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในภาคตะวันออกช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าจะมีการขยายตัวในภาคอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ อุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และกิจการบริการและสาธารณูปโภค
ส่วนภาวะการลงทุนในภาคตะวันออก เฉพาะเดือนพฤษภาคม 2556 ศูนย์เศรษฐกิจการลงทุนภาคที่ 4 (บีโอไอแหลมฉบัง) สรุปว่า มีจำนวนโครงการที่ได้รับอนุมัติการส่งเสริมทั้งสิ้น 62 โครงการ มูลค่าการลงทุนรวม 31,812.90 ล้านบาท และมีการจ้างงาน 5,679 คน
จังหวัดระยอง ยังคงมีโครงการที่ได้รับอนุมัติมากเป็นอันดับ 1 คือ มีจำนวนทั้งสิ้น 26 โครงการ หรือคิดเป็นร้อยละ 41.94 ของจำนวนโครงการทั้งหมด และมีเม็ดเงินลงทุน 4,892.70 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 15.38 ของมูลค่าเงินลงทุนในเดือนพฤษภาคม
ส่วนอันดับ 2 ยังคงเป็นจังหวัดชลบุรี ที่มีจำนวน 23 โครงการ คิดเป็นร้อยละ 37.10 ของจำนวนโครงการทั้งหมด และมีเงินลงทุน 16,111.70 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 50.65
ขณะที่ประเภทกิจการที่มีการลงทุนมากเป็นอันดับ 1 คือ หมวดผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักรและอุปกรณ์ รองลงมาเป็นกิจการบริการและสาธารณูปโภค
ศูนย์เศรษฐกิจการลงทุนภาคที่ 4 (บีโอไอ แหลมฉบัง) ได้สรุปภาพรวมการลงทุนในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคตะวันออก ช่วง 5 เดือนแรกของปี 2556 (1 ม.ค.-31 พ.ค.) พบว่า มีจำนวนโครงการที่ได้รับอนุมัติการส่งเสริม ทั้งสิ้น 310 โครงการ และมีมูลค่าการลงทุนรวม 141,006 ล้านบาท ก่อให้เกิดการจ้างงานไม่น้อยกว่า 28,597 คน โดยจังหวัดที่มีจ ำนวนโครงการได้รับอนุมัติมากเป็นอันดับ 1 คือ จังหวัดระยอง ที่มีทั้งสิ้น 126 โครงการ หรือคิดเป็นร้อยละ 40.65 ของจำนวนโครงการทั้งหมดที่ได้รับการอนุมัติส่งเสริม และยังมีมูลค่าการลงทุนสูงสุด คือ 73,532.60 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 52.15 ของมูลค่าเงินลงทุนทั้งหมด
รองลงมาคือ จังหวัดชลบุรี มี 125 โครงการ หรือคิดเป็นร้อยละ 40.32 ของจำนวนโครงการทั้งหมด และมีมูลค่าการลงทุนรวม 42,505.60 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 30.14 ของมูลค่าการลงทุนในช่วง 5 เดือนแรกของปี
ทั้งนี้ จังหวัดปราจีนบุรี และฉะเชิงเทรา ยังเป็นพื้นที่ที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน และยังพบว่ามีการเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้นใน 2 พื้นที่รวมประมาณ 24,874.40 ล้านบาท แบ่งเป็นประเภทอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ อุตสาหกรรมด้านการบริการและสาธารณูปโภค เช่น กิจการเขตนิคมอุตสาหกรรม และกิจการ Flatted Factory เพื่อรองรับการย้ายฐานการลงทุน ศูนย์จัดหาจัดซื้อชิ้นส่วนและผลิตภัณฑ์ระหว่างประเทศ (International Procurement Office)
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในภาคตะวันออกช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าจะมีการขยายตัวในภาคอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ อุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และกิจการบริการและสาธารณูปโภค
ส่วนภาวะการลงทุนในภาคตะวันออก เฉพาะเดือนพฤษภาคม 2556 ศูนย์เศรษฐกิจการลงทุนภาคที่ 4 (บีโอไอแหลมฉบัง) สรุปว่า มีจำนวนโครงการที่ได้รับอนุมัติการส่งเสริมทั้งสิ้น 62 โครงการ มูลค่าการลงทุนรวม 31,812.90 ล้านบาท และมีการจ้างงาน 5,679 คน
จังหวัดระยอง ยังคงมีโครงการที่ได้รับอนุมัติมากเป็นอันดับ 1 คือ มีจำนวนทั้งสิ้น 26 โครงการ หรือคิดเป็นร้อยละ 41.94 ของจำนวนโครงการทั้งหมด และมีเม็ดเงินลงทุน 4,892.70 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 15.38 ของมูลค่าเงินลงทุนในเดือนพฤษภาคม
ส่วนอันดับ 2 ยังคงเป็นจังหวัดชลบุรี ที่มีจำนวน 23 โครงการ คิดเป็นร้อยละ 37.10 ของจำนวนโครงการทั้งหมด และมีเงินลงทุน 16,111.70 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 50.65
ขณะที่ประเภทกิจการที่มีการลงทุนมากเป็นอันดับ 1 คือ หมวดผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักรและอุปกรณ์ รองลงมาเป็นกิจการบริการและสาธารณูปโภค
