ฉะเชิงเทรา - ประธานชมรมโรงสีแปดริ้ว เชื่อโครงการรับจำนำข้าวเจ๊งยับ แนะควรเลิกตั้งราคาเกินจริงทำตลาดเพี้ยน เผยราคาเหมาะสมควรอยู่ที่ตันละหมื่น
วันนี้ (13 มิ.ย.) นายสุทิน พรวงศ์ทอง อายุ 72 ปี ประธานชมรมโรงสีข้าว จ.ฉะเชิงเทรา เจ้าของโรงสีข้าวนาทอง พืชผล จำกัด ตั้งอยู่ เลขที่ 2/1 ม.5 ต.เสม็ดเหนือ อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวถึงโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลที่กำลังตกอยู่ในกระแสของการขาดความชัดเจนผ่านทางสื่อต่อผลสัมฤทธิ์ของโครงการว่า มีผลการขาดทุน หรือกำไร อย่างไรบ้างจากการดำเนินโครงการนี้
“ในความเห็นของตนนั้นเชื่อว่ารัฐบาลขาดทุนอย่างแน่นอน แต่ยังไม่ทราบว่าจะเป็นตัวเลขที่ชัดเจนเท่าใด เนื่องจากราคาข้าวในตลาดจริง และตลาดต่างประเทศมีการซื้อขายกันอยู่ในขณะนี้ เพียงตันละประมาณ 1 หมื่นบาท แต่ราคาที่รัฐบาลเปิดรับจำนำนั้นอยู่ที่ 1.5 หมื่นบาท ก็เห็นแล้วว่าขาดทุนเพราะส่วนต่างที่เกิดขึ้นนั้นมากถึง 5 พันบาท และเห็นควรที่จะต้องยกเลิกโครงการ หรือควรปรับลดราคารับจำนำใหม่ให้เหมาะสมกับตลาดจริงอยู่ที่ตันละ 1 หมื่นบาท ตามความเห็นของ นายประสิทธิ์ บุญเฉย นายกสมาคมชาวนาข้าวไทย โครงการจึงจะไปได้รอดในระยะยาว” นายสุทิน กล่าว
ขณะเดียวกัน จากการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวที่ผ่านมาของรัฐบาลนั้น ทำให้ตลาดการค้าข้าวถูกบิดเบือน และเป็นการทำลายตลาดเสรีในการค้าข้าว หรือทำให้ตลาดตายจนทำให้ผู้ประกอบการโรงสีในที่ดอน หรืออยู่ห่างไกลจากกลุ่มชาวนาผู้ผลิตข้าวนั้นขาดทุนย่อยยับ ไม่สามารถที่จะทำการค้าข้าวต่อไปได้ เนื่องจากไม่สามารถค้าขายแข่งกับรัฐบาลที่ให้ราคาสูงกว่าได้ จึงถือเป็นการผูกขาดการค้าข้าวของรัฐบาลชุดนี้ ที่ทำให้กลไกการค้าข้าวไม่เป็นไปตามตลาดการค้าจริงในต่างประเทศ โรงสีเหล่านี้จึงต้องหาทางรอดด้วยการเข้าร่วมโครงการของรัฐบาลเพื่อรับสีข้าวให้แก่โครงการรับจำนำนี้
นายสุทิน กล่าวต่อว่า ส่วนโรงสีที่อยู่ใกล้แหล่งผลิตข้าวนั้นแม้จะไม่เข้าร่วมโครงการเป็นโรงสีตามโครงการรับจำนำข้าว เขาก็สามารถอยู่ได้ เพราะรับซื้อข้าวเป็นเงินสดจากชาวนาที่ได้เงินเร็วกว่า และไม่ต้องจ้างรถบรรทุกขนย้ายไปหายังแหล่งรับจำนำถึงจะได้ราคาที่ต่ำกว่าราคารับจำนำลงมาบ้างก็ตาม
ขณะเดียวกัน การที่รัฐบาลให้ราคาข้าวสูงตามโครงการรับจำนำในช่วงที่ผ่านมานั้น ได้เคยมีเซลล์ที่ทำการค้าข้าวนำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน ได้นำตัวอย่างข้าวที่เชื่อว่าอาจจะมีขบวนการลักลอบแอบนำเข้ามา ออกมาเร่ขายให้แก่ทางโรงสีในราคาเพียงตันละ 1 หมื่นบาท แต่ทางโรงสีเห็นว่าไม่คุ้มค่ากับความเสี่ยงในการกระทำผิดกฎหมายจึงไม่ได้มีการรับซื้อเอาไว้