ฉะเชิงเทรา - ตัวแทนเกษตรกรแปดริ้วโวย โรงสีในพื้นที่เต็มบ่อยก่อนชาวนาขนข้าวเข้าโครงกา ระบุมีชาวนานอกจังหวัดเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ก่อนชิงนำเข้าจำนำตัดหน้าจนข้าวล้นโควตา ค้าภายในแจงอ้างเป็นเฉพาะบางช่วง พร้อมเตรียมขยายจุดเปิดรับจำนำเพิ่มเติมนอกพื้นที่
วันนี้ (11 มิ.ย.) นายสุนทร แสงบุบ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 76/1 หมู่ 5 ต.เทพราช อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ตัวแทนเกษตรกรประจำจุดรับจำนำโรงสีข้าวเจริญทรัพย์ ตั้งอยู่ใกล้เคียงกับตลาดคลองสวน 100 ปี กล่าวว่า โรงสีดังกล่าวมักประสบปัญหาข้าวในโครงการรับจำนำเต็มล้นโควตาอยู่บ่อยครั้ง จนส่งผลกระทบต่อชาวนาในพื้นที่ที่ต้องจำใจฝากข้าวทิ้งไว้กับทางโรงสีเป็นเวลานาน จนกว่าปริมาณข้าวที่ล้นโควตาจะลดลง หรือองค์การคลังสินค้า (อคส.) สั่งให้สีแปรสภาพจึงจะเปิดรับจำนำข้าวต่อได้
ชาวนาที่ลงทุนทำนาข้าวนั้นมีต้นทุนการผลิตจากการกู้ยืมเงิน ต้องเสียเวลารอคอยนานหลายเดือน และยังจะต้องเสียดอกเบี้ยเงินกู้เพิ่มอีกหลายเดือน จนกว่าจะได้เงินมาใช้หนี้ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้โรงสีมีข้าวล้นปัญหามาจากชาวนาในจังหวัดข้างเคียงนำข้าวที่เก็บเกี่ยวได้ก่อนเข้ามาจำนำ โดยเฉพาะชาวนาจาก จ.สมุทรปราการ ที่มักเก็บเกี่ยวข้าวได้ก่อน เนื่องจากเป็นนาในที่ลุ่มกว่า ส่วนชาวนาในที่ดอน และน้ำมาทีหลัง จึงต้องลงมือทำนาภายหลัง และเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ช้ากว่า
ขณะที่ นายวีระ สบู่ดา อายุ 53 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ต.หัวสำโรง อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวแทนเกษตรกร อ.แปลงยาว ประจำจุดรับจำนำโรงสีข้าวชัยเสรี กล่าวว่า ที่โรงสีก็ประสบปัญหานี้เช่นเดียวกัน และหนักกว่าด้วย เนื่องจากโรงสีแห่งนี้ต้องรับข้าวที่มาจาก จ.ระยอง และ จ.ชลบุรี ทำให้ชาวนาในพื้นที่ไม่มีโรงสีจะนำข้าวไปเข้าโครงการ โดยโรงสีมักอ้างว่าข้าวที่รับจำนำไว้ยังไม่ได้ถูกสั่งสีแปรสภาพจึงเปิดรับใหม่ไม่ได้ จึงอยากฝากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้เกษตรกรในฉะเชิงเทราด้วย
โดยขอให้ทางโรงสีเปิดรับเฉพาะข้าวจากชาวนาในพื้นที่ก่อนเป็นลำดับแรก จากนั้นจึงค่อยพิจารณาให้ชาวนาต่างพื้นที่ ซึ่งก็มีปัญหาเช่นกัน เพราะตัวแทนเกษตรกรประจำจุดรับจำนำข้าวไม่สามารถตรวจสอบได้ว่า เป็นข้าวที่ชาวนาผลิตได้จริงหรือไม่ หรือมีที่มาจากแหล่งใด โดยเป็นแบบนี้มา 2 ปีแล้ว
นายบำรุง เจียรมาศ การค้าภายในจังหวัดฉะเชิงเทรา ในฐานะผู้ช่วยเลขานุการคณะอนุกรรมการข้าวระดับจังหวัด กล่าวว่า เป็นปัญหาเก่าที่ขณะนี้กำลังจะคลี่คลายลงแล้ว เนื่องจากคณะอนุกรรมการได้เตรียมเสนอให้โรงสีที่มีศักยภาพในการผลิต และการรับจำนำที่สูงกว่าทำการเปิดจุดรับจำนำแห่งใหม่เพิ่มเติมนอกพื้นที่ ใกล้เคียงกับแนวเขตรอยต่อจังหวัดที่เกิดปัญหา และให้โรงสีเพิ่มหลักทรัพย์ค้ำประกันขยายโควตารับจำนำข้าวเพิ่มเติม เพื่อรองรับโครงการที่เป็นนโยบายของรัฐบาลต่อไป
ปัจจุบันใน จ.ฉะเชิงเทรา มีโรงสีข้าวเข้าร่วมโครงการรับจำนำ 26 แห่ง มีจุดรับจำนำนอกพื้นที่ 2 แห่ง รวม 28 แห่ง ขณะที่ จ.ระยอง ไม่มีโรงสี หรือจุดรับจำนำข้าว ทำให้ต้องขนข้าวมาจำนำใน จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งมีพื้นที่ติดกัน ขณะเดียวกัน โรงสีที่เกิดปัญหาส่วนใหญ่เป็นโรงสีขนาดเล็ก หากชาวนามีความสะดวกที่จะย้ายข้าวเข้ามาจำนำในโรงสีขนาดใหญ่ที่ยังมีพื้นที่ว่างอีกหลายแห่งได้ก็จะไม่เกิดปัญหานี้
วันนี้ (11 มิ.ย.) นายสุนทร แสงบุบ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 76/1 หมู่ 5 ต.เทพราช อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ตัวแทนเกษตรกรประจำจุดรับจำนำโรงสีข้าวเจริญทรัพย์ ตั้งอยู่ใกล้เคียงกับตลาดคลองสวน 100 ปี กล่าวว่า โรงสีดังกล่าวมักประสบปัญหาข้าวในโครงการรับจำนำเต็มล้นโควตาอยู่บ่อยครั้ง จนส่งผลกระทบต่อชาวนาในพื้นที่ที่ต้องจำใจฝากข้าวทิ้งไว้กับทางโรงสีเป็นเวลานาน จนกว่าปริมาณข้าวที่ล้นโควตาจะลดลง หรือองค์การคลังสินค้า (อคส.) สั่งให้สีแปรสภาพจึงจะเปิดรับจำนำข้าวต่อได้
ชาวนาที่ลงทุนทำนาข้าวนั้นมีต้นทุนการผลิตจากการกู้ยืมเงิน ต้องเสียเวลารอคอยนานหลายเดือน และยังจะต้องเสียดอกเบี้ยเงินกู้เพิ่มอีกหลายเดือน จนกว่าจะได้เงินมาใช้หนี้ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้โรงสีมีข้าวล้นปัญหามาจากชาวนาในจังหวัดข้างเคียงนำข้าวที่เก็บเกี่ยวได้ก่อนเข้ามาจำนำ โดยเฉพาะชาวนาจาก จ.สมุทรปราการ ที่มักเก็บเกี่ยวข้าวได้ก่อน เนื่องจากเป็นนาในที่ลุ่มกว่า ส่วนชาวนาในที่ดอน และน้ำมาทีหลัง จึงต้องลงมือทำนาภายหลัง และเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ช้ากว่า
ขณะที่ นายวีระ สบู่ดา อายุ 53 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ต.หัวสำโรง อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวแทนเกษตรกร อ.แปลงยาว ประจำจุดรับจำนำโรงสีข้าวชัยเสรี กล่าวว่า ที่โรงสีก็ประสบปัญหานี้เช่นเดียวกัน และหนักกว่าด้วย เนื่องจากโรงสีแห่งนี้ต้องรับข้าวที่มาจาก จ.ระยอง และ จ.ชลบุรี ทำให้ชาวนาในพื้นที่ไม่มีโรงสีจะนำข้าวไปเข้าโครงการ โดยโรงสีมักอ้างว่าข้าวที่รับจำนำไว้ยังไม่ได้ถูกสั่งสีแปรสภาพจึงเปิดรับใหม่ไม่ได้ จึงอยากฝากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้เกษตรกรในฉะเชิงเทราด้วย
โดยขอให้ทางโรงสีเปิดรับเฉพาะข้าวจากชาวนาในพื้นที่ก่อนเป็นลำดับแรก จากนั้นจึงค่อยพิจารณาให้ชาวนาต่างพื้นที่ ซึ่งก็มีปัญหาเช่นกัน เพราะตัวแทนเกษตรกรประจำจุดรับจำนำข้าวไม่สามารถตรวจสอบได้ว่า เป็นข้าวที่ชาวนาผลิตได้จริงหรือไม่ หรือมีที่มาจากแหล่งใด โดยเป็นแบบนี้มา 2 ปีแล้ว
นายบำรุง เจียรมาศ การค้าภายในจังหวัดฉะเชิงเทรา ในฐานะผู้ช่วยเลขานุการคณะอนุกรรมการข้าวระดับจังหวัด กล่าวว่า เป็นปัญหาเก่าที่ขณะนี้กำลังจะคลี่คลายลงแล้ว เนื่องจากคณะอนุกรรมการได้เตรียมเสนอให้โรงสีที่มีศักยภาพในการผลิต และการรับจำนำที่สูงกว่าทำการเปิดจุดรับจำนำแห่งใหม่เพิ่มเติมนอกพื้นที่ ใกล้เคียงกับแนวเขตรอยต่อจังหวัดที่เกิดปัญหา และให้โรงสีเพิ่มหลักทรัพย์ค้ำประกันขยายโควตารับจำนำข้าวเพิ่มเติม เพื่อรองรับโครงการที่เป็นนโยบายของรัฐบาลต่อไป
ปัจจุบันใน จ.ฉะเชิงเทรา มีโรงสีข้าวเข้าร่วมโครงการรับจำนำ 26 แห่ง มีจุดรับจำนำนอกพื้นที่ 2 แห่ง รวม 28 แห่ง ขณะที่ จ.ระยอง ไม่มีโรงสี หรือจุดรับจำนำข้าว ทำให้ต้องขนข้าวมาจำนำใน จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งมีพื้นที่ติดกัน ขณะเดียวกัน โรงสีที่เกิดปัญหาส่วนใหญ่เป็นโรงสีขนาดเล็ก หากชาวนามีความสะดวกที่จะย้ายข้าวเข้ามาจำนำในโรงสีขนาดใหญ่ที่ยังมีพื้นที่ว่างอีกหลายแห่งได้ก็จะไม่เกิดปัญหานี้
