ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - รอง ผบ.ตร.นำขบวนเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปูพรมตรวจธุรกิจรับส่งสินค้า-ลอจิสติกส์ทั่วเมืองเชียงใหม่ หลังพบคดียาเสพติดซุกซ่อนในสินค้าเพิ่มสูง แจงกลุ่มผู้ค้ายาหันมาใช้ระบบขนส่งสินค้าเป็นช่องทางขนของเพิ่ม ต้องเดินหน้าตรวจสอบเพื่อป้องปราม พร้อมแนะผู้ประกอบการเพิ่มความเข้มงวด-ตรวจสอบสินค้าและผู้ส่งก่อนให้บริการ
วันนี้ (6 มิ.ย.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด พล.ต.ต.ชำนาญ รวดเร็ว รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พร้อมคณะ นำกำลังตรวจสอบภายในอาคารรับส่งสินค้าของบริษัท นิ่มซี่เส็งขนส่ง 1998 จำกัด ถนนเชียงใหม่-ลำปาง ต.ฟ้าฮ่าม อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เพื่อตรวจสอบหายาเสพติดที่อาจมีการซุกซ่อน และนำส่งผ่านบริการรับส่งสินค้าของบริษัท
การเข้าตรวจสอบครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการตรวจสอบระบบขนส่งสินค้าและลอจิสติกส์ในเชียงใหม่ ซึ่งดำเนินการพร้อมกัน 28 จุด โดยมีตำรวจภูธร 4 มุมเมืองของเชียงใหม่และอำเภอปริมณฑล กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติด ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 5 และสำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ รวม 400 คน บูรณาการทำงานร่วมกัน โดยคณะของรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นอกจากตรวจสอบที่บริษัท นิ่มซี่เส็งขนส่ง 1998 จำกัด ยังจะตรวจสอบที่สถานีขนส่งอาเขตเชียงใหม่ ที่ทำการไปรษณีย์ตลาดคำเที่ยง และอาคารคลังสินค้า ท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่
ทั้งนี้ การตรวจสอบที่บริษัท นิ่มซี่เส็งขนส่ง 1998 จำกัด ตำรวจได้นำกำลังพร้อมกับสุนัขตำรวจเข้าตรวจสอบสินค้าที่อยู่ในอาคารรับส่งสินค้า รวมทั้งเปิดกล่องสินค้าหรือบรรจุภัณฑ์ต้องสงสัย ขณะเดียวกัน ทางบริษัทยังได้นำพนักงานมาตรวจหาสารเสพติดด้วย โดยการตรวจสอบไม่พบว่ามีสิ่งเสพติดซุกซ่อนในสินค้า รวมทั้งพนักงาน 38 รายไม่พบว่ามีสารเสพติดเช่นกัน
พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า สืบเนื่องจากตำรวจสามารถจับกุมยาเสพติดที่ใช้ขบวนการดังกล่าวเป็นช่องทางในการขนส่งยาเสพติดจากภาคเหนือเข้าไปยังกรุงเทพมหานครได้หลายครั้ง แต่ละครั้งได้ปริมาณยาเสพติดจำนวนมาก จึงต้องเพิ่มความเข้มงวดตรวจสอบ และกวดขันการดำเนินการของผู้ประกอบการ
เบื้องต้นได้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการให้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบสินค้าที่มาใช้บริการ โดยขอให้กำหนดวิธีการรับส่งสินค้าให้รัดกุม ให้มีการแจ้งที่อยู่ของผู้ส่งและผู้รับให้ชัดเจน รวมไปถึงประเภทสินค้าที่มาใช้บริการ ขณะเดียวกันยังขอให้ติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิดให้มากขึ้นเพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบ รวมทั้งแนะนำให้พนักงานสังเกตการรับสินค้าว่ามีความผิดปกติของผู้ใช้บริการหรือไม่ โดยตำรวจเข้าตรวจสอบในลักษณะนี้อีก แม้จะไม่พบยาเสพติด แต่การตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอจะกดดันให้กลุ่มผู้ค้าหรือลำเลียงยาเสพติดไม่กล้าใช้เส้นทางดังกล่าวขนส่งยาเสพติดอีก
นอกจากนี้ ปัจจุบันผู้ค้ายาเสพติดมีการใช้ช่องทางระบบไปรษณีย์ ระบบลอจิสติกส์ และการขนส่งสินค้ามากขึ้น ซึ่งจากสถิติในปีที่ผ่านมาจับกุมยาเสพติดที่อาศัยวิธีการดังกล่าวได้หลายสิบครั้ง และแต่ละครั้งได้ยานับล้านเม็ด ล่าสุดจับกุมการขนส่งโทรทัศน์จอแบน 3 เครื่อง ที่ใช้บริการของนิ่มซี่เส็งส่งของไปยังกรุงเทพมหานคร แต่ภายในโทรทัศน์บรรจุยาเสพติด
ทั้งนี้ วันเดียวกัน ตำรวจภูธรภาค 5 แถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางยาบ้า 44,000 เม็ด โดยสามารถจับกุมนายส่างทุน ไม่ทราบนามสกุล หรือ Mr. SAI SAN HTUN เชื้อชาติไทยใหญ่ สัญชาติพม่า ได้ที่ริมถนนวงแหวนรอบเมืองเชียงใหม่ ใกล้วัดป่าข่อย ต.สันผีเสื้อ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 4 มิถุนายนที่ผ่านมา หลังขยายผลจากการจับกุมผู้ต้องหาในคดียาเสพติด จนทราบว่านายส่างทุนเป็นผู้นำยาเสพติดมาจำหน่ายบริเวณดังกล่าว จึงได้ดักซุ่มจนจับกุมตัวได้พร้อมของกลางในตัวและที่บ้าน