ลำปาง - ผู้ต้องหาซุกปืนเข้าเรือนจำยังไม่ยอมปริปากให้ข้อมูลเพิ่ม ยันให้การในชั้นศาลเท่านั้น พบต้นสังกัดอยู่ สนง.คุมประพฤติส่งมาตรวจพิสูจน์สารเสพติดในคุก ตำรวจเชื่อทำคนเดียวไม่ได้ ต้องมีคนอื่นร่วมมือด้วย
วันนี้ (5 มิ.ย.) พ.ต.อ.อุดม พรหมสุรินทร์ รอง ผบก.ภ.จว.ลำปาง กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีจับกุมตัว นายเอกลักษณ์ ผดุงเทศ อายุ 30 ปี เจ้าหน้าที่ควบคุมตรวจพิสูจน์ เรือนจำกลางลำปาง หลังลักลอบนำอาวุธปืนขนาด .32 พร้อมกระสุนเต็มรังเพลิง เข้าไปภายในแดนกักขังชายเพื่อจะส่งให้แก่ผู้ต้องขังใช้แหกคุก และขยายผลจนสามารถตรวจยึดของกลางได้ทั้งยาบ้า ยาไอซ์ โทรศัพท์มือถือ ซิมการ์ด แบตเตอรี่ เงินสดกว่า 3 แสนบาท ว่า ตำรวจได้ควบคุมตัวไปสอบสวนที่ สภ.เมือง แต่จนถึงขณะนี้นายเอกลักษณ์ยังไม่ยอมให้การที่จะเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี หรือเพื่อนำไปขยายผลต่อได้ ยืนยันเพียงว่าจะไปให้การในชั้นศาลเท่านั้น
ขณะนี้ตำรวจได้แต่เกลี้ยกล่อมให้ผู้ต้องหายอมพูด และยอมให้การ เพื่อนำข้อมูลไปขยายผลต่อ เพราะเชื่อว่าผู้ต้องหาก่อเหตุมาหลายครั้ง และไม่ได้ลงมือทำคนเดียว จะต้องมีผู้รู้เห็นเป็นใจ ทั้งในการนำอาวุธปืน และสิ่งของต้องห้ามอีกหลายรายการเข้าเรือนจำ โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือที่มีการตรวจยึดได้มาตลอด
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เรือนจำกลางลำปางได้ประสานให้ตำรวจชุดสืบสวนนอกเครื่องแบบ ติดตามพฤติกรรมผู้ต้องหารายนี้มานานแล้ว จึงทำให้ทราบว่า นายเอกลักษณ์ ระมัดระวังตนเองมาก แต่เจ้าหน้าที่ก็มั่นใจว่า นายเอกลักษณ์ อยู่ในขบวนการค้ายาเสพติดด้วย และจากการก่อเหตุขึ้นภายในเรือนจำกลางลำปางครั้งนี้ เชื่อว่าอาจจะเป็นผู้เชื่อมโยงเครือข่ายค้ายาเสพติด ทั้งใน-นอกเรือนจำ
“เงินสดที่ขยายผลตรวจค้นได้ คาดว่าจะเป็นเงินที่ได้จากการกระทำผิด และใช้ซื้อยาเสพติดมาหมุนเวียนเพื่อจำหน่าย โดยเฉพาะแอบนำเข้าไปภายในเรือนจำมานาน ตั้งแต่นายเอกลักษณ์เข้ามาทำงาน 4-5 ปีที่ผ่านมา”
แหล่งข่าวในเรือนจำกลางลำปาง ระบุว่า นายเอกลักษณ์ เป็นเจ้าหน้าที่ 1 ใน 7 คนของสำนักงานคุมประพฤติจังหวัด ที่ส่งเข้ามาทำงานในเรือนจำกลางลำปาง โดยทำหน้าที่ตรวจพิสูจน์สารเสพติดผู้ต้องหา ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวมาฝากขังก่อนขึ้นศาล ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับผู้ต้องขังในเรือนจำแต่อย่างใด
ที่ผ่านมา ทางเรือนจำได้เปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่ของเรือนจำ นำเสื้อผ้าส่วนตัวที่ซักแล้วเข้ามาให้นักโทษรีด เพื่อให้มีรายได้ แต่ทุกครั้งจะมีการตรวจสอบอย่างละเอียด โดยให้นำมาไว้บริเวณประตู ให้เจ้าหน้าที่เข้าเวรกลางวัน 3 คน กลางคืน 1 คน ตรวจสอบก่อนนำเข้าไป แต่ที่ผ่านมา ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย จนกระทั่งตรวจพบอาวุธปืนในลังเสื้อผ้าของนายเอกลักษณ์ ครั้งนี้ ซึ่งยังไม่แน่ใจว่าจะเจตนา หรือลืมไว้จนถูกจับได้ และเมื่อขยายผลก็พบของกลางจำนวนมาก
ล่าสุด ผู้บัญชาการเรือนจำ ได้สั่งให้มีการเข้มงวดตรวจค้นทั้งเจ้าหน้าที่ และบุคคลทั่วไป และได้ตรวจสอบเชิงลึกกับเจ้าหน้าที่บางรายเพิ่มเติม เพราะเชื่อว่าจะต้องมีเจ้าหน้าที่คนอื่นร่วมขบวนการด้วย เนื่องจากผู้ต้องหาไม่สามารถขนสิ่งของเข้าไปภายในได้ นอกจากเจ้าหน้าที่ซึ่งสามารถเข้าออกได้เท่านั้น