xs
xsm
sm
md
lg

“DSI” ลุยตรวจรถหรูไฟไหม้ ชงเป็นคดีพิเศษไล่สอบทั้งระบบ ชี้หลบเลี่ยงทำรัฐสูญภาษี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จนท. ดีเอสไอ ลงพื้นที่รวบรวมข้อมูลพร้อมตรวจรถหรูไฟไหม้ปริศนา 6 คัน กว่า 100 ล้านบาท เพื่อชงเป็นคดีพิเศษดำเนินการตรวจสอบทั้งระบบ ที่สภ.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา วันนี้ ( 2 มิ.ย.)
ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - จนท.ดีเอสไอ ลงพื้นที่เก็บข้อมูลพร้อมตรวจรถหรูไฟไหม้ปริศนา 6 คัน กว่า 100 ล้าน เพื่อชงเป็นคดีพิเศษหวังไล่ตรวจสอบทั้งระบบ ชี้นำเข้ารถหรูหลบเลี่ยงจดทะเบียนไม่ถูกต้องอื้อทำรัฐเสียหาย สูญรายได้ภาษี ขณะ จนท.พิสูจน์หลักฐานกลาง รุดร่วมตรวจรถหรูกับศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 3 นครราชสีมา ละเอียดยิบเร่งหาข้อสรุป

วันนี้ (2 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีเกิดเหตุไฟไหม้รถหรูราคาแพงทั้ง ยี่ห้อ แลมบอร์กีนี เฟอร์รารี เบนท์ลีย์ และบีเอ็มดับเบิลยู เสียหาย 4 คัน จากทั้งหมด 6 คัน มูลค่านับ 100 ล้านบาท ขณะบรรทุกอยู่บนรถเทรลเลอร์ บน ถ.มิตรภาพ ต.ดงพญาเย็น อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ระหว่างลำเลียงไปส่งยัง จ.ศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมา ต่อมา เจ้าหน้าที่ศุลกากรได้อายัดรถยนต์ทั้งหมดไว้ตรวจสอบ รวมทั้งพบมีการตอกเลขตัวถังรถปิดทับของเดิมในบางคัน อีกทั้งการติดตั้งถังแก๊สของรถทั้ง 4 คัน ไม่มีการต่อระบบเข้าเครื่องยนต์ และจนถึงขณะนี้ยังไม่มีใครมาแสดงความเป็นเจ้าของรถยนต์หรูทั้ง 6 คันดังกล่าว

ล่าสุด วันนี้ (2 มิ.ย.) พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผู้บัญชาการสำนักปฏิบัติการคดีพิเศษภาค กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมเจ้าหน้าที่ดีเอสไออีกหลายนาย ได้เดินทางมาเข้าพบ พ.ต.อ.มาโนช เกิดขวัญ ผู้กำกับการ (ผกก.) สภ.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เพื่อขอข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับรถยนต์หรูทั้ง 6 คัน ที่เกิดเหตุไฟไหม้ พร้อมตรวจสอบรถหรูที่จอดไว้ในโรงจอดรถของ สภ.กลางดง และบางส่วนจอดอยู่กลางแจ้งบริเวณหน้า สภ.กลางดง เพราะไม่สามารถเคลื่อนย้ายเข้าไปเก็บได้ ส่วนอีก 2 คัน คือ รถเมอร์เซเดสเบนซ์ สีขาว และรถเบนท์ลีย์ สีดำ ที่ยังอยู่บนรถเทรลเลอร์ยังไม่ได้มีการตรวจสอบแต่อย่างใด

พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผู้บัญชาการสำนักปฏิบัติการคดีพิเศษภาค กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ดีเอสไอลงมาดูรายละเอียดของรถยนต์หรูทั้ง 6 คันว่าเป็นรถที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เพราะที่ผ่านมา ดีเอสไอได้ติดตามการนำเข้ารถหรูประเภทนำเข้าทั้งคัน และนำเข้าเป็นชิ้นส่วนมานานนับปี พบว่าไม่มีการนำมาดำเนินการตามขั้นตอน ทำให้รัฐเสียหาย คือไม่มีการเก็บภาษีที่ควรจะเป็น ทั้งภาษีศุลกากร ภาษีสรรพสามิต ภาษีของกรมการขนส่งทางบก

และยังทราบอีกว่า ได้มีการนำมาจดทะเบียนเป็นประเภทรถจดประกอบ คือ นำเข้ามาเป็นชิ้นส่วนแล้วก็นำรถที่นำเข้าทั้งคันมาสวมเลขตัวรถ แล้วนำออกไปจดทะเบียนตามเขตจังหวัดชานเมือง และจังหวัดต่างๆ ในภูมิภาค ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า มีการนำเข้ารถทั้งคันเป็นจำนวนมากแต่กลับพบว่าไม่นำไปดำเนินการตามขั้นตอน เรียกว่าเมื่อนำรถเข้ามาในประเทศแล้วรถหายไปไหน

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้น รถแลมบอร์กินี รุ่น กัลลาร์โด สีขาว ทะเบียนป้ายแดง ถ 3278 กทม.ที่มีการนำแผ่นอะลูมิเนียมตอกหมายเลขตัวรถใหม่มาปิดทับของเดิม โดยหมายเลขตัวรถใหม่คือ ZHWGE 12 T 98 LA 06056 ส่วนหมายเลขตัวรถเดิมที่ติดมากับรถคือ ZHWBE 37 S 07 LA 02560 ซึ่งหมายเลขของตัวรถเดิมเลขนี้ ตรงกับเอกสารที่ดีเอสไอติดตามอยู่ว่าเป็นรถแลมบอร์กินี สีขาว ที่มีบุคคลนำเข้ามาช่วงเดือนตุลาคม ปีที่ผ่านมา จำนวน 3 คัน แต่ยังไม่นำไปดำเนินการตามขั้นตอน กลับมาพบว่านำเลขตัวรถเลขอื่นมาปิดทับ

หลังจากได้ข้อมูลหลักฐานแล้วจะนำกลับไปรายงาน นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อพิจารณาว่าจะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ ซึ่งหากรับก็จะได้ดำเนินการไปทั้งระบบ ตั้งแต่การนำเข้าทั้งประเภทนำเข้าทั้งคัน และนำเข้าเป็นชิ้นส่วน แล้วนำไปจดทะเบียน และมีที่ใดบ้างที่ได้จดทะเบียนไปแล้ว ซึ่งทราบว่าจดทะเบียนไปแล้วเป็นจำนวนมาก หากรับเป็นคดีพิเศษก็ต้องตรวจสอบว่าที่ดำเนินการไปแล้วถูกต้องหรือไม่ ถ้าไม่ถูกมีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า วันเดียวกันนี้ (2 มิ.ย.) เจ้าหน้าที่จากพิสูจน์หลักฐานกลาง ได้เดินทางมาตรวจสอบรถหรูร่วมกับคณะเจ้าหน้าที่ของศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 3 นครราชสีมา ที่ตรวจสอบอยู่ก่อนแล้ว ทั้งนี้ เพื่อทำการตรวจสอบรถแต่ละคันอย่างละเอียดเพื่อเร่งหาข้อสรุปต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น