xs
xsm
sm
md
lg

สุดเซ็ง! เปิด จม.สุดรันทดสาวพริตตี้ ถูกแก๊งสีกากีอุ้มไปตรวจฉี่ ตร.จริงจัดการ ตร.ปลอมแล้ว!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวภูมิภาค - ตร.จริง! รองผู้การ จว.ชลบุรี รักษาการ ผกก.พัทยาเรียกประชุมด่วน จัดการผู้อ้างเป็น ตร.กับแขกขาวปากีสถาน คาดได้หลักฐานชัด มีกล้องวงจรปิดเมืองพัทยากับที่อื่นๆ อีก 2 ที่ ด้าน น.ส.ตรีทิพนิภา อดีตนักศึกษามหาวิทยาลัยดัง พร้อมแฟนหนุ่มชาวฝรั่งเศสไปพักพัทยา จนถูกแก๊งสีกากีบังคับจับตัวขึ้นรถคล้ายรถตำรวจไปตรวจฉี่ ท่ามกลางผู้เห็นเหตุการณ์หลายคน และการ์ดโรงแรม แต่ไม่มีใครเข้าช่วยเหลืออย่างไร้น้ำใจ สุดเซ็ง! ที่มาเที่ยวให้มีความสุข สุดท้ายต้องขึ้นโรงพักได้ใบแจ้งความเป็นประกาศนียบัตรแทนไว้ดูต่างหน้า เธอขอขอบคุณในน้ำใจพี่ๆ นักข่าวพื้นที่พัทยาทุกคน

นี้เป็นจดหมายที่เธอส่งมาให้ แต่เดิมตั้งใจจะเขียนส่งไปให้ นายกเมืองพัทยาเพื่อได้รับทราบ แต่เปลี่ยนใจส่งมาทีมข่าวแทน จดหมายส่อความรัดทดใจนัก...
 
“ดิฉัน น.ส.ตรีทิพยนิภา ไพบูลย์” ...อยู่บ้านเลขที่ 26/23 ม.16 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี 12120 ได้เข้ามาท่องเที่ยวในเมืองพัทยากับแฟนชาวต่างชาติวันที่ 27พค.2556 และได้เข้าพักที่โรงแรม พรีม่า เพลส พัทยาใต้ สาย3 ซอยกอไผ่ ห้อง 202 และในวันที่ 27 พ.ค.2556 เวลาประมาณ 22.02 น. (สี่ทุ่มกว่าๆ)ดิฉันได้เดินลงมาจากห้องพักเพื่อรอแฟนเพื่อไปทานข้าว ดิฉันได้ยืนรอแฟนอยู่ที่ลานจอดรถมอเตอร์ไซค์ของโรงแรม ซึ่งไม่ห่างจากประชาสัมพันธ์ ร้านค้า และถนนที่ดิฉันยืนอยู่ประมาณ 3 นาที เพื่อโทร.หาแฟนของดิฉัน ..

แต่ในขณะนั้นได้มีชาย 2 คน เดินเข้ามาหาดิฉัน ชายบุคคลแรกรูปร่างหน้าตาเหมือนชาวอาหรับ หรือแขกขาว (หรือพวกปากีสถาน) เขาได้จับแขนของฉัน และพูดกับดิฉันว่า “มาทำอะไรตรงนี้” ดิฉันตอบว่า “ดิฉันมารอแฟน จะไปกินข้าว” แล้วเขาก็พูดว่า “ไปขึ้นรถ” ดิฉันเริ่มกลัวเพราะด้วยความที่ดิฉันยืนอยู่คนเดียว และพวกเขาเป็นผู้ชาย ดิฉันได้แต่บอกว่า “ไม่ไปจะไปทำไม่ พวกพี่เป็นใคร อย่ามายุ่งกับหนู หนูรอแฟนของหนู อย่ามายุ่ง” และดิฉันก็เห็นชายเพิ่มขึ้นอีก 2คน

พวกเขาได้แต่บอกให้ดิฉันไปขึ้นรถ แต่ดิฉันไม่ไป พวกเขาเริ่มพูดจาโดยใช้ถ้อยคำ “มึง กู” กับดิฉัน ดิฉันเริ่มร้องไห้ และขอร้องให้พวกเขาไป และปล่อยดิฉัน และถามว่าพวกเขาเป็นใครมายุ่งกับดิฉันทำไม พวกเขาบอกว่าพวกเขาเป็นตำรวจ แต่ในเหตุการณ์นั้นดิฉันไม่สามารถคิดได้ว่าพวกเขาเป็นตำรวจจริงหรือไม่ เพราะทำไมพวกเขาถึงไม่แสดงบัตรข้าราชการ หมายค้น หมายจับ และพูดกับดิฉันด้วยถ้อยคำที่ว่า ต้องการความร่วมมือในการตรวจค้นสารเสพติด อาวุธ หรืออะไรก็แล้วแต่ไม่ใช่มาจับที่แขนของดิฉันแล้วบอกให้ดิฉันไปขึ้นรถ

หลังจากนั้นดิฉันเริ่มร้องไห้มากขึ้น และส่งเสียงดังเพียงเพราะต้องการให้ทุกคนรับรู้และช่วยเหลือดิฉัน ดิฉันได้วิ่งไปหลบที่มอเตอร์ไซค์เพื่อไม่ให้พวกเขาจับดิฉันได้ ดิฉันร้องตะโกนว่าช่วยด้วยมีคนจะข่มขืน ดังมาก และหลายรอบมาก มีผู้พักอาศัยที่โรงแรมลงมาดูดิฉัน แต่พวกเขาแค่ยืนดูดิฉันร้องไห้ และขอความช่วยเหลือ มิได้ทำการช่วยเหลือใดๆดิฉันทั้งสิ้น พวกเขายืนล้อมดิฉันประมาณ 4-5 คน พวกเขาขอดูบัตรประชาชนของดิฉันแต่ดิฉันไม่ให้ และดิฉันขอดูตราตำรวจของพวกเขา

ชายที่เป็นต่างชาติได้ยื่นตราเพื่อแสดงว่าเป็นตำรวจให้ดิฉันดู และเดินเข้ามาใกล้จนประชิดตัวดิฉัน แต่เขายังไม่ได้จับ หรือทำร้ายร่างกายใดๆ ทั้งสิ้น ดิฉันไม่สนใจเพราะคิดว่าแล้วทำไมชายคนไทยที่เหลือถึงไม่แสดงตราตำรวจต่อดิฉัน ดิฉันจะเชื่อได้อย่างไรว่าพวกเขาคือ ตำรวจจริง

ดิฉันจึงตัดสินใจวิ่งฝ่าวงล้อมไปทางบันไดซึ่งไม่ห่างออกไปมากนักเพื่อขอความช่วยเหลือ เมื่อดิฉันวิ่งถึงบันไดได้มีบุคคลเตะเข้าที่ขาซ้ายด้านล่างของดิฉันแต่ดิฉันยังคงวิ่งต่อไปโดยที่ยังคงร้องขอความช่วยเหลือ พวกเขาตะโกนมาว่า จับมัน จับมัน และยังคงวิ่งตามดิฉันอยู่ ดิฉันวิ่งข้ามถนนโดยที่ไม่สนใจรถ หรืออะไรทั้งสิ้นดิฉันวิ่งไปหยุดที่ร้านไก่ย่าง และขอความช่วยเหลือจากลุงเจ้าของร้าน ซึ่งเขามิได้ไยดี หรือพูดอะไรทั้งสิ้น พวกเขามายืนล้อมดิฉันประมาณ 3-4 คน เพื่อจับดิฉัน และบุคคลที่เป็นชาวต่างชาติเขาได้หยิบกุญแจมือขึ้นมาเพื่อจะใส่ที่แขนของดิฉันแต่ดิฉันไม่ยอม และสลัดมือหนี

ดิฉันได้แต่ร้องไห้ และยังคงร้องขอความช่วยเหลือ ดิฉันร้องขอความช่วยเหลือจากร้านอาหารใกล้ๆ โรงแรมที่ดิฉันไปกินทุกวัน และได้รู้จักพูดคุยกันทุกวัน แต่ผู้หญิงคนนั้นได้แค่นั่งมองมาที่ดิฉันเหมือนไม่รู้จักดิฉัน และมีสาวประเภทสองประมาณ 2-3 คนในร้านเสริมสวยได้เดินออกมาดูเหมือนพวกเขากำลังจะถ่ายวิดีโอ

คนที่อ้างว่าเป็นตำรวจได้เดินไปที่เขาและพูดว่า “มึงทำอะไร มึงจะทำอะไร” เธอจึงบอกว่าเปล่าก็แค่เล่นโทรศัพท์ ดิฉันยังคงร้องขอความช่วยเหลือ และชี้ไปที่โรงแรมซึ่งอยู่ตรงข้ามแค่ฟากถนนว่า ดิฉันอยู่ห้อง 202 ชั้น 2 ดิฉันมาจากกรุงเทพฯ แค่มาเที่ยวกับแฟนแค่มาพักผ่อน พวกคุณมาจับดิฉันทำไมปล่อยฉันพวกคุณเป็นใคร

ดิฉันได้แต่พูด และร้องขอความช่วยเหลือซ้ำๆ ส่วนพวกเขาก็ยังคงต้องการที่จะจับที่ฉันโดยไม่สนใจในสิ่งที่ดิฉันพูดออกไป พวกเขาได้แค่พูดว่า “จับมัน มันบ้าแล้วเสพยาจนหลอนจนรั่วจนบ้า” ไปหมดแล้ว พวกเขาบอกกับประชาชนที่ได้แต่ยืนดูดิฉันร้องขอความช่วยเหลืออยู่อย่างนั้น แล้วก็บอกกับดิฉันว่า “มึงจะร้องทำไม จะแหกปากทำไม ซ้ำแล้วซ้ำเล่า”

จนในที่สุดมีรถเหมือนรถตำรวจขับออกมาสีขาวแดงมีคนโดนจับอยู่บนหลังรถกระบะหลายคนถูกล่ามด้วยโซ่ พวกเขาให้ดิฉันไปนั่งข้างหน้ารถดิฉันไม่มีหนทางใดแล้วเพราะไม่มีใครที่จะช่วยอะไรดิฉันทั้งสิ้น พร้อมทั้งคิดว่าพวกเขาอาจจะเป็นตำรวจจริงเพราะจากการที่เห็นรถตำรวจ และผู้ต้องหาที่ถูกจับมากมาย ดิฉันขึ้นไปนั่งข้างหน้า และตำรวจที่ขับรถได้พูดคุยกับดิฉันว่ามาจากที่ไหน จะร้องทำไม ดิฉันคุยกับเขาเพราะคิดว่าเขาไม่ได้เลวร้ายแต่ยังคงร้องไห้ และหวาดระแวง

แต่พวกเขาไม่ได้พาดิฉันไปที่สถานีตำรวจเพื่อตรวจปัสสาวะแต่อย่างใด พวกเขาจอดรถตรงที่มืดซึ่งเป็นที่ดินว่างเปล่า และมีหญ้ามีต้นไม้ขึ้น พวกเขาให้ดิฉันลงมาจากรถเพื่อตรวจปัสสาวะดิฉันจึงพูดว่า “อย่าเอาอะไรสิ่งแปลกปลอมใส่ไปในปัสสาวะของดิฉันเด็ดขาด” พวกเขาจึงบอกว่าดิฉันบ้าโรคจิต ดิฉันตอบกลับไปว่า “พี่คิดว่าประเทศไทยมีแต่คนดีหรือตำรวจดีๆ หรือพี่ไม่เคยเห็นหรือจับมาแล้วก็ยัดยาใส่สุดท้ายก็กลายเป็นคนผิดพวกพี่อาจจะหมันไส้ที่หนูตะโกนโวยวายเลยเอายาใส่ที่ฉี่หนู แล้วหนูไม่มีทางมีสารเสพติดเพราะ...

หนูไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับสารเสพติดแม้กระทั่งบุหรี่ สุดท้ายดิฉันจึงยอมปัสสาวะ และยืนดูการตรวจซึ่งได้ตรวจเหมือนการตรวจครรภ์ เมื่อไม่พบสารเสพติดใดๆ พวกเขาก็ปล่อยให้ดิฉันเดินกลับโดยชี้ไปทางที่ดินว่างเปล่ามืดๆ และมีแต่หญ้าเพื่อให้กลับไปที่โรงแรม แต่ดิฉันไม่กล้าเดินไปด้วยความที่มืดไม่รู้จักทางแล้วเพิ่งผ่านเหตุการณ์นี้มา ดิฉันเดินไปอีกทางซึ่งเป็นทางออกไปถนนใหญ่เดินไปจนถึงฟิตเนสซึ่งเปิด 24 ชม. ดิฉันจึงนั่งตรงนั้นเพื่อรอแฟนหนุ่มชาวฝรั่งเศสชื่อ HICHAM (ชัม) มารับ

ดิฉันแค่ต้องการทราบว่าทำไมพวกคุณ (หมายถึงคนที่แอบอ้างว่าเป็นตำรวจ) ถึงไม่บอกดิฉันตั้งแต่แรกว่าพวกคุณคือตำรวจ มาเพื่อปฏิบัติหน้าที่แล้วแสดงตราประจำตัวของคุณ แล้วพูดกับดิฉันด้วยถ้อยคำที่ดีไม่ใช่มาจับแขน และบอกให้ไปที่รถ แล้วคุณ “เตะ” ฉันทำไม เพราะฉันแค่วิ่งหนีเพราะกลัวชายแปลกหน้า 4-5 คน จะทำร้าย และถ้าคุณบริสุทธิ์ใจทำไมคุณถึงไม่ให้ดิฉันตรวจที่โรงแรมให้พนักงาน หรือเจ้าหน้าที่คนใดคนหนึ่งพาฉันไปตรวจในสถานที่ปลอดภัย

แล้วเย็นวันที่ 28 พ.ค.2556 ดิฉันได้กลับไปที่โรงแรมพรีม่า เพลส เพื่อคุยกับทางโรงแรมว่าดิฉันเป็นลูกค้ามาท่องเที่ยว ดิฉันขอความช่วยเหลือจากพวกคุณแต่ทำไมพวกคุณถึงนิ่งเฉยต่อดิฉัน แล้วพนักงานรักษาความปลอดภัยทำไมคุณถึงไม่มาบอก หรือช่วยเหลือฉัน แต่สิ่งที่ดิฉันได้กลับมาจากปากของพวกเขาคือ พวกเขาไม่สนใจไม่รู้ว่าดิฉันพักที่นี่และยังบอกอีกว่า ฉันคือคนค้ายาเสพติด ไม่รู้ไม่เห็นไม่สนใจไม่ช่วยเหลือ ซึ่งดิฉันได้กล่าวไปข้างต้นแล้วว่า ดิฉันบอกว่าดิฉันพักที่นี่ห้อง 202

ส่วนพนักงานรักษาความปลอดภัยได้แต่บอกว่า พวกเขาเป็นตำรวจ และตัวเขาเองก็กลัวไม่กล้าเข้าไปยุ่ง แล้วเขาก็รู้ว่าคนพวกนั้นคือตำรวจ ดิฉันจึงถามกลับไปว่าแล้วดิฉันจะรู้ได้อย่างไรในเมื่อฉันร้องขอความช่วยเหลือแต่คุณไม่สนใจ แค่คุณเดินมาบอกว่าเขาคือตำรวจจริงๆ ฉันจะหยุด และยอมทำตาม แต่พวกคุณไม่ สิ่งที่ดิฉันได้รับจากโรงแรมพรีม่า เพลส นอกจากความไม่ปลอดภัยแล้ว ยังไม่มีการรับผิดชอบหรือขอโทษใดๆ ทั้งยังจะแจ้งความ และพูดจาข่มขู่ให้ดิฉันลืมเรื่องที่เกิดขึ้น และไม่ต้องไปแจ้งความเพื่อความปลอดภัยของดิฉัน

และยังบอกว่า ตัวเขารู้จักตำรวจมากมาย พร้อมพูดว่าถ้าดิฉันไม่อยากเสียเงิน หรือต้องการความปลอดภัยก็ให้อยู่เฉยๆ เที่ยวให้สนุกดีกว่า ซึ่งทางดิฉันได้แจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายไว้เรียบร้อยแล้ว ด้วยความอนุเคราะห์ของผู้สื่อข่าวนักข่าวพัทยา แต่ดิฉันยังคงต้องการความปลอดภัย และความคืบหน้าของคดี

ตอนนี้ดิฉันคิดว่าตัวของดิฉันเริ่มมีปัญหาเพราะเกิดจากความหวาดระแวง เมื่อมีคนเดินมาใกล้ และมองมาที่ดิฉัน ดิฉันต้องคอยมองซ้ายมองขวาตลอดเพราะกลัวผู้คน แล้วตอนนี้ดิฉันได้กลายเป็นคนค้ายาเสพติด บ้า ประสาทหลอนในสายตาผู้คนแล้ว สิ่งที่พวกเขาทำคือ ต้องการจับดิฉันเพื่อตรวจปัสสาวะเพราะแค่ว่าดิฉันเสพยา แค่คิด พวกคุณแค่คิด คุณทำสำเร็จตรวจปัสสาวะของดิฉันเรียบร้อย

แต่คุณรู้ไหมว่าครอบครัวของดิฉันรู้สึกอย่างไร? และดิฉันเองเป็นอย่างไรเมื่อผ่านคืนที่เลวร้ายกับคนที่อ้างว่าเป็นตำรวจ และกลุ่มคนไทยที่ไม่มีน้ำใจความสงสารสักนิด

นี่คือจดหมายระบายความในใจของสาวน้อยผู้นี้ ทีเรียนจบมหาวิทยาดังใน กทม.พูดภาษาต่างประเทศได้ และมีอาชีพเสริมคือ เป็นพริ้ตตี้ตามงานโชว์รถยนต์ในหลายครั้ง

วันนี้แม้ พ.ต.ท.เอนก สระทองอยู่ สวป.สถานีตำรวจพัทยา กับ ร.ต.ท.สนั่น โคตะนนท์ นายร้อยเวรพนักงานสอบสวน จะได้รับแจ้งความไว้แล้วก็ตาม ความคืบหน้าของคดีนั้นยังคงไม่มี แม้จะมีการลงประจำวันก็ลงรายละเอียดไม่ชัดเจน หลังจากที่ผู้สื่อข่าวที่พัทยาจำนวนหนึ่งที่ไปออกันทำข่าว ออกจากสถานีตำรวจไปแล้ว มีแต่รองผู้บังคับการตำรวจจังหวัดชลบุรี รักษาการผู้กำกับสถานีตำรวจพัทยา โทร.มาสอบถามกับ น.ส.ตรีทิพนภา อยู่สองสามครั้ง และย้ำว่า เรื่องนี้จะดำเนินให้ถึงที่สุด ขณะนี้การสืบสวนสอบสวนคือมีความคืบหน้าไปมากแล้ว..

พัทยาพื้นที่ร้อน! 3 ปีย้ าย 3 ผู้กำกับการ!?

สำหรับเมืองพัทยาถือเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญของประเทศ โดยแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาพักผ่อนเฉลี่ยกว่า 8-9 ล้านคน สร้างรายได้มหาศาลกว่าปีละ 1 แสนล้านบาท ด้วยความกว้างของพื้นที่เพียง 40 กว่าตารางกิโลเมตร กลับมีสถานประกอบการทุกประเภทเปิดบริการกันอยู่อย่างแออัดหนาตา ทั้งสถานประกอบการโรงแรม ร้านอาหาร สถานบันเทิง และแหล่งท่องเที่ยวมากมาย จึงถือเป็นพื้นที่อีกแห่งหนึ่งที่หน่วยงานต่างๆ เข้ามาเปิดสำนักงานเพื่อควบคุม บังคับใช้กฎหมาย หรือแสวงหากันอย่างมากมายเช่นกัน

สภ.เมืองพัทยา ถือเป็นอีกสถาบันที่มีหน้าที่ในการควบคุมดูแล บังคับใช้ฎหมาย และดูแลความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนและนักท่องเที่ยว ว่ากันว่า ด้วยความเติบโตทางเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว ทำให้พื้นที่เมืองพัทยากลายเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่หลายคนตั้งใจจะเข้ามากำกับดูแล หรือแสวงหาในแนวทางใดก็ตาม ด้วยผลประโยชน์ที่มีตามมาอย่างมากมาย แต่ด้วยความไม่รู้จักพอ หรือการควบคุมดูแลที่ไม่ทั่วถึง จึงกลายเป็นเหมือนเผือกร้อนที่แม้จะมีรสชาติหอมหวาน มันอร่อย แต่ก็ร้อนชนิดทำเอาปาก และเหงือกของพวกกินไม่รู้จักระวังพังกันไปเป็นแถบๆ

ย้อนรอยไปเพียง 2-3 ปีก่อนหน้านี้ สภ.พัทยา แห่งนี้ ทำให้เห็นภาพชัดว่าเผือกร้อนเป็นอย่างไร เมื่อมีการปรับเปลี่ยนโยกย้ายผู้ทำหน้าที่บังคับบัญชาอย่างผู้กำกับการถึง 3 คนในเวลาไล่เลี่ยกัน ไล่ตั้งแต่ พ.ต.อ.นันทวุฒิ สุวรรณละออง ที่ทำงานไม่นานก็ถูกปรับเปลี่ยนตำแหน่งเพราะถือเป็นเด็กใหม่ข้ามห้วยจาก จากตำแหน่งเพียง สว.จร. กระโดดมาเป็นผู้กำกับการหน้าตาเฉย ด้วยความเป็นเด็กในสังกัดซุ้ม พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งเป็น ผบช.ภาค 2 แต่หลังอำนาจการเมืองเปลี่ยนก็ต้องถูกโยกไปแบบไม่ทันตั้งตัว

ถัดไปไม่นาน พ.ต.อ.ธรรมนูญ มั่นคง ก็กระโดดข้ามจากฝั่งฟากอีสาน มาคุมตำแหน่ง ด้วยความคุ้นเคยกับคนบ้านใหญ่วงศ์สวัสดิ์ แต่อยู่ไม่นานกับโดนพิษบ่อนถูกสั่งเด้งด่วน ซึ่งเป็นผลให้เกิดความขัดกันในใจกับ พล.ต.ต.จำนง รัตตกุล ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ซึ่งถือว่าอยู่กันคนละขั้ว และเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันว่าคำสั่งฟ้าผ่าของ พล.ต.ต.จำนง ในครั้งนี้ ส่งผลให้ต้องกระเด็นจากตำแหน่ง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ด้วยเช่นกัน

ล่าสุด พ.ต.อ.สุวรรณ์ เชี่ยวนาวินธวัช ผกก.สภ.เมืองพัทยา คนใหม่มาดเยอะเข้ามาคุมตำแหน่งแทน แต่ก็ลงพื้นที่ได้ไม่นาน ด้วยปัญหาตู้ม้า ตู้สล็อตเกลื่อนเมือง หลังนายศักดิ์ชัย แตงฮ่อ นายอำเภอบางละมุง สายตรงผู้ว่าเมืองชลบุรี คมสัน เอกชัย ลงพื้นที่ล้างบางกวาดจับได้นับ 10 ตู้ ทำให้ต้องจรลีออกจากพื้นที่เป็นการด่วน

ปัจจุบัน ตำรวจน้ำดี พ.ต.อ.ชัชวาล พิสุทธิวงศ์ รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี อดีต รอง ผกก.สส.สภ.เมืองพัทยา ซึ่งเคยผ่านพื้นที่แห่งนี้มาหลายสมัย ทำให้รู้จักพื้นที่เป็นอย่างดี ได้รับความไว้วางใจให้เข้ามากำกับดูแลและรักษาการแทน ก็คงต้องรอดูกันต่อไปว่านายตำรวจท่านนี้จะสามารถรักษาเก้าอี้ตัวนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน และสุจริตชนในพื้นที่พัทยา กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจะฝากชีวิตกับสวัสดิภาพเอาไว้ได้แค่ไหนอย่างไร ?

สำหรับผู้รายงานเรื่องนี้ เคยตั้งความหวังไว้เอาไว้ไม่น้อยกับนายพลตำรวจไทยน้ำดี เช่น พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

จึงเห็นว่าตำรวจที่สถานีตำรวจในพื้นที่ อ.บางละมุงทั้ง 2 สถานีตำรวจนั้น มีความคาบเกี่ยวต่อเนื่องกัน มีความเป็นมาเป็นไปอย่างไร? ถึงเวลาหรือยังที่จะต้องดำเนินการกันสักครั้งกับตำรวจในพื้น เอาเฉพาะสถานีตำรวจพัทยาก่อนนี้ก่อน เพื่อกู้ภาพลักษณ์ของเมืองไทย ชื่อดังก้องโลก ท่านน่าที่จะต้องสั่งการผ่าตัดตำรวจเมืองพัทยากับระบอบตำรวจอาสาในพื้นที่ของตำรวจที่นั่นด้วย เพราะครั้งหนึ่งปรากฏข่าวว่า เที่ยวไปออกใบสั่งจนผู้เสียเงินค่าปรับ เกิดความแค้นใจนักด้วยหมดเงินหมดทอง เลยหาโอกาสมาทำร้ายเอากลางวันแสกๆ หากไม่ถูกกดดันมากๆ มีหรือที่ประชาชนจะไปกระทำกับผู้ร่วมเป็นอาสาให้กับตำรวจที่นั่นเอาได้

จึงน่าจะมีการหนุนเนื่องการทำงานของตำรวจน้ำดีที่กองบังคับการตำรวจจังหวัดชลบุรี ซึ่งตัวผู้บังคับการจังชลบุรีก็เป็นตำรวจที่เอาการเอางานอยู่ไม่น้อย

ด้านเรื่องราวของพริตตี้สาวกับแฟนหนุ่มชาวฝรั่งเศสยังไม่จบลง มีผู้ติดตามข่าวนี้กันมาก ขณะนี้ทราบว่า ทางตำรวจท่องเที่ยวพัทยาเชิญให้ไปดูภาพบุคคลบางกลุ่ม นับว่าเป็นข่าวดีที่ยังมีหน่วยงานตำรวจที่ดีเอาใจใส่อีกหน่วยงานหนึ่ง ดังนั้น ใครที่เป็นผู้หญิงมาเที่ยวกับแฟนไทยหรือแฟนฝรั่ง ก็ต้องระวังให้ดีเลือกโรงแรมที่พักให้ดีๆ เพราะอาจจะมีสีกากีจริงหรือไม่จริง ก็ไม่รู้..มาดักฉุดกระชาก หรือบางทีอุ้มเอาตัวไปโดยไม่มีหมายค้น แบบเช่นที่ได้เกิดขึ้นกับ น.ส.ตรีทิพนิภา ไพบูลย์ อดีตนักศึกษามหาวิทยาลัยดังคนนี้ แทนที่จะได้มีความสุขดั่งสวรรค์ที่เมืองพัทยาแหล่งท่องเที่ยวชื่อก้องโลก

แต่กลับต้องมาหมดความสุขได้ทุกข์แทน ต้องไปขึ้นโรงพัก และได้ใบบันทึกประจำวันของสถานีตำรวจพัทยาเป็นเหมือนใบประกาศนียบัตร์ไว้ดูต่างหน้าแทน อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้สื่อข่าวขอสัมภาษณ์เธอบอกว่า ก่อนอื่นขอบคุณในน้ำใจพวกพี่ๆ ผู้สื่อข่าวในพัทยาทุกๆ คน และพร้อมกล่าวขอบคุณ พ.ต.อ.ชัชวาลย์ พิสุทธิ์วงค์ รองผู้บังคับการตำรวจจังหวัดชลบุรี รักษาการผู้กำกับพัทยาด้วย เธอหวังว่าพวกสีกากีจริงหรือปลอมแก๊งนี้คงจะได้ถูกจับตัวได้ในที่สุด เพื่อว่าจะได้ไม่ไปทำร้ายนักท่องเที่ยวไทย หรือชาวต่างชาติคนอื่นๆ อีกต่อไป

พัทยาไม่เคยหลับใหล เพียงแต่มีเจ้าหน้าที่บางหน่วยงานเท่านั้นหลับใหล แถมที่ผ่านมาก็มีคดีประเภทนี้เกิดขึ้นอยู่ไม่น้อย ช่วงชุลมุนที่มีการโยกย้าย ผกก.พัทยาถึง 3 คนด้วยกัน ส่วนฝ่ายปกครองในพื้นที่ระดับเจ้าบ้านผ่านเมืองนี้นั้นจะคิดอ่านกันอย่างไร? ก็ว่ากันต่อไป

ส่วนสำหรับภาพ น.ส.ตรีทิพนิภา กับหนุ่มชาวฝรั่งเศสทั้ง 2 ภาพนี้นั้นเป็นภาพล่าสุดจากแฟ้มภาพ ของ น.ส.ตรีทิพนิภา ที่ถ่ายไว้กับแฟนหนุ่มชาวฝรั่งเศส
..................................
 
รายงานข่าว-ภาพโดย ทัพหน้า กับทีมข่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น