xs
xsm
sm
md
lg

เปิดอก “เจ้ายอดศึก” ผู้นำไต-ฟันธงมหาอำนาจอ้าง ปชต.เข้าพม่าหวังชิงทรัพยากร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - เปิดใจ “เจ้ายอดศึก” ผู้นำไทยใหญ่บนฐานที่มั่นดอยไตแลง วันนี้ยังต้องรบกับพม่า ควบคู่กับการเจรจาแบบพบกันครึ่งทาง รับโลกเปลี่ยนไปแล้ว ชี้ชาติมหาอำนาจแห่เข้าพม่าแค่อ้าง ปชต. แต่เป้าหมายอยู่ที่การแย่งชิงทรัพยากรมากกว่า

เจ้ายอดศึก ประธานสภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน ผู้นำกองทัพไทใหญ่ ที่มีฐานที่มั่นอยู่บนยอดดอยไตแลง ชายแดนตรงข้าม อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งเพิ่งเปิดดอยไตแลง จัดงานวันกองทัพรัฐฉานไปเมื่อ 21 พ.ค. 56 ที่ผ่านมานี้ ได้เปิดบ้านพักในกองบัญชาการให้สัมภาษณ์ถึงแนวคิดในการต่อสู้เพื่ออิสรภาพของชนชาติไทยใหญ่ หรือไต ในประเทศพม่า ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นในพม่า

โดยระบุว่า ถึงวันนี้เราไม่ต้องต่อรองกับรัฐบาล และกองทัพพม่าอีกแล้ว เพราะว่าเราขอเอาสิทธิของเราคืน เพราะในรัฐฉานเรามีประเทศของเรามาตั้งแต่สมัยไหน มีประวัติศาสตร์มายาวนาน เรามีบ้านของตัวเองอยู่แล้ว เราขอคืนบ้านของเราเอง ส่วนกะฉิ่นเขาไม่มีบ้านของตัวเอง ไม่มีประเทศของตนเอง เขาเพิ่งแยกจากรัฐฉานเมื่อปี ค.ศ. 1947 นี้เอง กะฉิ่น กะยา กะเหรี่ยง เขาไม่เห็นด้วยกับสัญญาปางหลวง ปี ค.ศ. 1947 เขาไม่เข้าร่วม พอปี ค.ศ. 1949 เขาร่วมกับย่างกุ้งไปแล้ว ไทยใหญ่เรายังไม่ได้เตรียมตัวว่าเราจะทำอย่างไร รอสัญญาปางหลวงมีผลเราพร้อมทำตามข้อตกลง แต่ไม่ว่ากะเหรี่ยง กะยา กะฉิ่น ไต ขอให้มีสิทธิปกครองตนเองของใครของมัน แล้วส่งตัวแทนตั้งขึ้นมาเป็นรัฐบาลกลาง ให้มีรัฐบาลกลางให้เป็นประชาธิปไตยปกครองแบบประชาธิปไตย แบ่งแยกอำนาจให้ชัดเจน ซึ่งการปกครองต้องเป็นสหภาพ แต่การบริหารต้องเป็นเสรีภาพของแต่ละรัฐ ไม่ได้ต้องการแยกการปกครองให้เป็นประเทศของตนเอง แต่แยกการปกครอง จัดการของตนเอง ให้มีนายกรัฐมนตรีของตนเอง ประชาชนเลือกนายกฯ ของตนเอง ไม่ใช้แต่งตั้งเช่นในปัจจุบันที่มีเพียงพม่าเท่านั้น

เจ้ายอดศึกบอกอีกว่า อย่างไรก็ตาม ในห้วงที่มีการเจรจากันนั้น การต่อสู้ระหว่างรัฐฉานกับพม่าก็ยังต้องมีต่อไป ทั้งรบและเจรจาต้องมีควบคู่กันไป เมื่อเจรจาทางการเมืองเสร็จแล้ว วันนั้นการรบจึงจะหยุด เพราะการเมืองเราตัดสินใจคนเดียวไม่ได้ มันต้องรวบรวมความรู้ ความคิดเห็นของประชาชน ให้ประชาชนมาตัดสิน ถ้าประชาชนตัดสินแล้ววันนั้นการสู้รบก็จะหยุดลง

เจ้ายอดศึกย้ำว่า เป้าหมายของไทใหญ่ต้องการขอสิทธิในการปกครองตนเอง ไม่ใช่การแยกประเทศ เพราะสถานการณ์โลกขณะนี้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว ถ้าแยกเอกราชออกมาเป็นประเทศ ถ้าอย่างนั้นกะฉิ่นก็อยากได้เอกราชของตนเอง มอญ กะเหรี่ยง กะยา ก็ต้องการได้เอกราช พม่าจะยอมได้อย่างไร ถ้าไม่ยอมการสู้รบก็ไม่หยุด

แต่ขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นเจรจาทางการเมือง กำลังดำเนินการการเจรจาทางการเมือง ปี ค.ศ. 2014 เราจะต้องเจรจาทางการเมืองให้ได้ ไม่ว่าชาติพันธุ์ไหนก็มีการประชุมกันอยู่ทุกเดือน เมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาก็ได้ไปพบปะหารือเจรจากับรัฐบาลของพม่าเพื่อบอกว่าชาติพันธุ์รวมตัวกันแล้ว พม่าเห็นด้วยหรือไม่ ได้ยื่นข้อเสนอให้พม่าเพื่อไปศึกษาแล้ว ซึ่งถือเป็นแนวทางของชาติพันธุ์ที่อยู่ในพม่า กำลังรอการตอบกลับมาของพม่า

“เราพยายามเจรจากับพม่าแบบพบกันครึ่งทาง ไม่ใช่พม่าต้องการได้ทั้งหมดก็ไม่ได้ ไตอยากได้อย่างเดียวก็ไม่ได้ ดังนั้น การปรองดอง และสหภาพที่ต้องการให้เกิดขึ้น เขาต้องเข้ามาหารือกัน ต่างคนต้องต่างยอมกัน แนวทางที่ดีที่สุดคือ การเป็นสหภาพ พื้นฐานสหภาพต้องมาคุยกัน ขณะนี้มี 7 รัฐ 7 พื้นที่ บางคนบอกว่าต้องเป็น 8 รัฐ พม่าเป็น 1 ใน 8 รัฐ ซึ่งพม่าจะยอมไหม พม่าไม่ยอม อองซานซูจี บอกว่าต้องเป็น 10 รัฐ 7 พื้นที่ ควบรวมออกมาเป็น 3 รัฐ กำลังอยู่ระหว่างเจรจา ซึ่งผมคิดว่ากี่รัฐก็ไม่เป็นไร แต่เอามารวมกันตั้งเป็นสหภาพ เพราะว่ารัฐไทใหญ่ของเราไม่ได้เสียหายพราะเป็นรัฐของเรา แต่เสียหายตรงที่เสียงในสภาของเราไม่เพียงพอ ผมเชื่อว่าพม่าแย่งกันกินมาตลอด ถ้าเป็น 7 รัฐเขาจะสามัคคีกันหรือไม่”

ส่วนไทยใหญ่ หรือไต มีอยู่ 10,000 กว่าหมู่บ้าน 55 อำเภอ 3 จังหวัด ประชากรที่มีการสำรวจทั้งหมดเมื่อปี ค.ศ. 1985 ทั้งหมด 8 ล้านคน มีการพูดคุยติดต่อสื่อสารกันตลอด ซึ่งในปัจจุบันทำได้ง่ายกว่าในอดีตมาก น่าจะมีการสร้างความเข้าใจร่วมกันได้ดีขึ้น

เจ้ายอดศึกยังกล่าวถึงกระบวนการเปลี่ยนแปลงประเทศที่กำลังเกิดขึ้นในพม่าขณะนี้ว่า ประเทศที่มีองค์กรใหญ่ เช่น สหรัฐอเมริกา อียู อังกฤษ จีน ญี่ปุ่น เริ่มมีบทบาทในพม่า แต่ว่าทั้งหมดก็มีเป้าหมายมาแย่งทรัพยากรในพม่าเป็นหลัก ในภาพรวมจึงไม่มีใครเข้ามาเพื่อสันติภาพในพม่า การเข้ามาขององค์กรระหว่างประเทศ หรือประเทศที่ 3 ส่วนใหญ่ คือการสนใจในทรัพยากรธรรมชาติของเรานั่นเอง




กำลังโหลดความคิดเห็น