ประจวบคีรีขันธ์ - เมียรองนายก อบต.กำเนิดนพคุณ ร้องสื่อสามีถูกกลุ่มชายฉกรรจ์รุมทำร้ายอย่างอุกอาจสลบคาที่ในสถานที่ราชการ แต่ไร้การเหลียวแลจากตำรวจ เชื่อกลุ่มชายฉกรรจ์เข้ามาทำร้ายร่างกายสามี มีความสัมพันธ์เป็นพ่อตาของนายตำรวจใหญ่คนหนึ่ง ด้านผู้บาดเจ็บคาดเป็นกลุ่มที่แพ้ประมูลรถทัวร์นำกลุ่มแม่บ้านไปศึกษาดูงาน ผกก.บางสะพาน แจงแทนอาจเข้าใจคลาดเคลื่อนกันระหว่าง ตร.กับญาติผู้เสียหาย ยันตำรวจจะดำเนินการตามกฎหมาย
วันนี้ (22 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่โรงพยาบาลบางสะพาน หลังได้รับการร้องเรียนจาก นางเพ็ญศรี เมืองคลี่ อยู่บ้านเลขที่ 19 หมู่ที่ 3 ต.กำเนิดนพคุณ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ว่า สามีของตนคือ นายบุญนำ เมืองคลี่ อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่อยู่ 19 หมู่ที่ 3 ต.กำเนิดนพคุณ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ปัจจุบันมีตำแหน่งเป็นรองนายก อบต.กำเนิดนพคุณ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์กว่า 10 คน รุมทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อวันที่ 20 พ.ค.56 บริเวณหน้าที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) กำเนิดนพคุณ จนสลบคาที่ก่อนขึ้นรถกระบะตอนครึ่ง และรถทัวร์นำเที่ยวรายใหญ่ในพื้นที่หลบหนีไป
นางเพ็ญศรี กล่าวว่า ไม่เคยคิดว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับครอบครัวของตน เพราะนายบุญนำ ซึ่งเป็นสามีเป็นคนที่ทำงานเพื่อประชาชนมาโดยตลอด แถมที่เกิดเหตุก็ยังเป็นสถานที่ราชการ จึงไม่คิดว่าจะมีใครมาทำเหตุอย่างนี้ และที่คับแค้นใจมากก็คือ หลังจากที่นายบุญนำ ถูกทำร้ายร่างกายจนสลบคาที่หลังจากมีการปฐมพยาบาลจนฟื้นก็ได้เดินทางไปแจ้งความที่ สภ.บางสะพาน แต่ได้รับคำตอบกลับมาว่า ให้ไปหาหมอที่โรงพยาบาลมาก่อนแล้วทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเดินทางไปสอบปากคำที่โรงพยาบาลเอง จนเวลาผ่านไปกว่า 24 ชั่วโมง ก็ยังไม่เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจแม้แต่คนเดียว
“เมื่อเห็นว่าเวลาผ่านไปนานแล้วก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า จึงโทร.ไปสอบถามก็ได้รับคำตอบว่า งานยุ่งมากเมื่อพักรักษาตัวหายเมื่อไหร่ก็ให้มาแจ้งความใหม่ ยิ่งทำให้คิดว่าเรื่องนี้คงต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลอย่างแน่นอน และยิ่งมาทราบว่า กลุ่มชายฉกรรจ์ที่นำรถทัวร์โดยสารเข้ามาทำร้ายร่างกายสามีนั้นมีความสัมพันธ์เป็นพ่อตาของนายตำรวจใหญ่คนหนึ่ง ยิ่งทำให้เกิดความหวาดกลัวว่าจะถูกกลุ่มชายฉกรรจ์กลุ่มดังกล่าวเข้ามาทำร้าย หรืออาจจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ” นางเพ็ญศรี กล่าว
ด้านนายบุญนำ กล่าวว่า ก่อนถูกกลุ่มชายฉกรรจ์รุมทำร้ายร่างกาย ตนพร้อมกับกลุ่มแม่บ้านในตำบลประมาณ 150 คน กำลังประชุมพูดคุยเพื่อเตรียมพร้อมที่จะเดินทางไปศึกษาดูงานที่ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จนเวลาประมาณ 19.00 น. ได้มีรถทัวร์นำเที่ยว 2 คัน วิ่งเข้ามาจอดบริเวณหน้า อบต.และเปิดเครื่องเสียงส่งเสียงดังมาก จนต้องทำให้ตน และนายเกียง กิตติพงศ์ธนกิจ นายก อบต.กำเนิดนพคุณ ต้องเดินเข้าไปที่รถคันดังกล่าวเพื่อขอให้ลดเสียงลง เมื่อเดินไปถึงก็ยังไม่ทันได้พูดอะไร กลุ่มชายฉกรรจ์ก็กรูเข้ามารุมทำร้ายตน และนายเกียง กิตติพงศ์ธนกิจ แต่นายเกียง ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ทำร้ายเพียงนิดหน่อย เนื่องจากมี รปภ.ของ อบต.เข้ามาดึงตัวออกไปจากการรุมทำร้าย จน รปภ.ของ อบต.ได้รับบาดเจ็บไปอีกคน แต่ตนนั้นไม่สามารถฝ่าวงล้อมของกลุ่มชายฉกรรจ์นับ 10 คนออกมาได้ จึงโดนทั้งสนับมือ ไม้กระบอง หมัด เท้า จนสลบในที่เกิดเหตุ
“สาเหตุที่ทำให้ผมถูกรุมทำร้ายในครั้งนี้น่าจะเกิดจากความไม่พอใจเกี่ยวกับเรื่องการประมูลรถทัวร์นำกลุ่มแม่บ้านไปศึกษาดูงาน เพราะรถทัวร์ 2 คันที่เข้ามาจอดเปิดเครื่องเสียงเสียงดัง และมีกลุ่มชายฉกรรจ์ลงมารุมทำร้ายนั้นได้ติดป้ายบริษัทของรถทัวร์นำเที่ยวที่แพ้การประมูลไปในครั้งนี้” นายบุญนำ กล่าว
พ.ต.อ.วิติพจน์ พจนาคม ผกก.สภ.บางสะพาน กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับรายงานเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวแล้ว และคาดว่าคงเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับญาติของทางฝ่ายผู้เสียหาย เนื่องจากตนได้สั่งการให้ทางพนักงานสอบสวนที่รับผิดชอบเกี่ยวกับคดีนี้ดำเนินการอย่างเร่งด่วน รัดกุม และอยากให้ทางญาติสบายใจได้ว่าในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการในส่วนของคดีอย่างตรงไม่ตรงมา ถูกก็ว่าไปตามถูก ผิดก็ว่าไปตามผิด
วันนี้ (22 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่โรงพยาบาลบางสะพาน หลังได้รับการร้องเรียนจาก นางเพ็ญศรี เมืองคลี่ อยู่บ้านเลขที่ 19 หมู่ที่ 3 ต.กำเนิดนพคุณ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ว่า สามีของตนคือ นายบุญนำ เมืองคลี่ อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่อยู่ 19 หมู่ที่ 3 ต.กำเนิดนพคุณ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ปัจจุบันมีตำแหน่งเป็นรองนายก อบต.กำเนิดนพคุณ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์กว่า 10 คน รุมทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อวันที่ 20 พ.ค.56 บริเวณหน้าที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) กำเนิดนพคุณ จนสลบคาที่ก่อนขึ้นรถกระบะตอนครึ่ง และรถทัวร์นำเที่ยวรายใหญ่ในพื้นที่หลบหนีไป
นางเพ็ญศรี กล่าวว่า ไม่เคยคิดว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับครอบครัวของตน เพราะนายบุญนำ ซึ่งเป็นสามีเป็นคนที่ทำงานเพื่อประชาชนมาโดยตลอด แถมที่เกิดเหตุก็ยังเป็นสถานที่ราชการ จึงไม่คิดว่าจะมีใครมาทำเหตุอย่างนี้ และที่คับแค้นใจมากก็คือ หลังจากที่นายบุญนำ ถูกทำร้ายร่างกายจนสลบคาที่หลังจากมีการปฐมพยาบาลจนฟื้นก็ได้เดินทางไปแจ้งความที่ สภ.บางสะพาน แต่ได้รับคำตอบกลับมาว่า ให้ไปหาหมอที่โรงพยาบาลมาก่อนแล้วทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเดินทางไปสอบปากคำที่โรงพยาบาลเอง จนเวลาผ่านไปกว่า 24 ชั่วโมง ก็ยังไม่เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจแม้แต่คนเดียว
“เมื่อเห็นว่าเวลาผ่านไปนานแล้วก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า จึงโทร.ไปสอบถามก็ได้รับคำตอบว่า งานยุ่งมากเมื่อพักรักษาตัวหายเมื่อไหร่ก็ให้มาแจ้งความใหม่ ยิ่งทำให้คิดว่าเรื่องนี้คงต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลอย่างแน่นอน และยิ่งมาทราบว่า กลุ่มชายฉกรรจ์ที่นำรถทัวร์โดยสารเข้ามาทำร้ายร่างกายสามีนั้นมีความสัมพันธ์เป็นพ่อตาของนายตำรวจใหญ่คนหนึ่ง ยิ่งทำให้เกิดความหวาดกลัวว่าจะถูกกลุ่มชายฉกรรจ์กลุ่มดังกล่าวเข้ามาทำร้าย หรืออาจจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ” นางเพ็ญศรี กล่าว
ด้านนายบุญนำ กล่าวว่า ก่อนถูกกลุ่มชายฉกรรจ์รุมทำร้ายร่างกาย ตนพร้อมกับกลุ่มแม่บ้านในตำบลประมาณ 150 คน กำลังประชุมพูดคุยเพื่อเตรียมพร้อมที่จะเดินทางไปศึกษาดูงานที่ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จนเวลาประมาณ 19.00 น. ได้มีรถทัวร์นำเที่ยว 2 คัน วิ่งเข้ามาจอดบริเวณหน้า อบต.และเปิดเครื่องเสียงส่งเสียงดังมาก จนต้องทำให้ตน และนายเกียง กิตติพงศ์ธนกิจ นายก อบต.กำเนิดนพคุณ ต้องเดินเข้าไปที่รถคันดังกล่าวเพื่อขอให้ลดเสียงลง เมื่อเดินไปถึงก็ยังไม่ทันได้พูดอะไร กลุ่มชายฉกรรจ์ก็กรูเข้ามารุมทำร้ายตน และนายเกียง กิตติพงศ์ธนกิจ แต่นายเกียง ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ทำร้ายเพียงนิดหน่อย เนื่องจากมี รปภ.ของ อบต.เข้ามาดึงตัวออกไปจากการรุมทำร้าย จน รปภ.ของ อบต.ได้รับบาดเจ็บไปอีกคน แต่ตนนั้นไม่สามารถฝ่าวงล้อมของกลุ่มชายฉกรรจ์นับ 10 คนออกมาได้ จึงโดนทั้งสนับมือ ไม้กระบอง หมัด เท้า จนสลบในที่เกิดเหตุ
“สาเหตุที่ทำให้ผมถูกรุมทำร้ายในครั้งนี้น่าจะเกิดจากความไม่พอใจเกี่ยวกับเรื่องการประมูลรถทัวร์นำกลุ่มแม่บ้านไปศึกษาดูงาน เพราะรถทัวร์ 2 คันที่เข้ามาจอดเปิดเครื่องเสียงเสียงดัง และมีกลุ่มชายฉกรรจ์ลงมารุมทำร้ายนั้นได้ติดป้ายบริษัทของรถทัวร์นำเที่ยวที่แพ้การประมูลไปในครั้งนี้” นายบุญนำ กล่าว
พ.ต.อ.วิติพจน์ พจนาคม ผกก.สภ.บางสะพาน กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับรายงานเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวแล้ว และคาดว่าคงเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับญาติของทางฝ่ายผู้เสียหาย เนื่องจากตนได้สั่งการให้ทางพนักงานสอบสวนที่รับผิดชอบเกี่ยวกับคดีนี้ดำเนินการอย่างเร่งด่วน รัดกุม และอยากให้ทางญาติสบายใจได้ว่าในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการในส่วนของคดีอย่างตรงไม่ตรงมา ถูกก็ว่าไปตามถูก ผิดก็ว่าไปตามผิด