กาฬสินธุ์ - พบทุจริตกระบวนการคัดกรองกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย เผยยื่นเอกสารเท็จ และปลอมวุฒิบัตรโครงการสันติสุข ของกองทัพภาคที่ 2 ถึง 390 ราย ล่าสุด ผู้ว่าฯ สั่งระงับตรวจสอบเอกสาร มุ่งหาต้นต่อยื่นเอกสารเท็จก่อนสั่งดำเนินคดี
วันนี้ (22 พ.ค.) ที่หอประชุมกองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดกาฬสินธุ์ สถานที่ตรวจสอบเอกสาร สัมภาษณ์ ซักประวัติ และคัดกรองบุคคลที่อ้างว่า เป็นกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย (ผรท.) ยุคคำสั่ง 66/2523 ซึ่งที่ผ่านมา ได้เคลื่อนไหวเรียกร้องเงินชดเชย ทำให้รัฐบาล โดยกองทัพภาคที่ 2 สั่งการให้ตรวจสอบสิทธิใหม่ในกลุ่มที่คาดว่าตกหล่นจากการช่วยเหลือ 2 ครั้งที่ผ่านมา
โดยการคัดกกรอง ผรท.เพื่อรับเงินชดเชย ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 และเป็นวันที่ 3 มีผู้ลงทะเบียน 4,810 คน บรรยากาศส่วนใหญ่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย มี ผรท.จากอำเภอต่างๆ ทยอยเข้ารายงานตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ หากผ่านการคัดกรองจะได้รับเงินชดเชยคนละ 225,000 บาท แต่การคัดกรองต้องการช่วยเหลือ ผรท.ตัวจริง กลับปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ผู้คัดกรองพบการยื่นเอกสารเท็จต่อเจ้าหน้าที่ถึง 390 ราย
แต่ละรายเป็นการยื่นเอกสารที่คล้ายคลึงกัน ด้วยการแนบใบประกาศ หรือวุฒิบัตรที่ผ่านหลักสูตรปลอมของโครงการสันติสุข หรือการุญเทพ ซึ่งเป็นหลักสูตรฝึกอบรมของกองทัพภาคที่ 2 ส่วนหน้า และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ภาค 2 ในอดีต ได้จัดขึ้นให้ ผรท.ที่วางอาวุธเข้าฝึกก่อนจะได้รับใบประกาศ ซึ่งถือเป็นการรับรองการเป็น ผรท. แต่จากผลของการสัมภาษณ์กลับไม่รู้ที่มาของใบประกาศ และยังยอมรับว่าเป็นเอกสารเท็จ
ล่าสุด พ.อ.จักรพงษ์ กระจ่างพุ่ม รองผู้อำนวยการ กอ.รมน.จังหวัดกาฬสินธุ์ ในฐานะหัวหน้าคณะกรรมการพิจารณาคัดกรอง ได้รวบรวมเอกสารส่งไปยัง นายสุวิทย์ สุบงกฎ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อตรวจสอบสอบอย่างละเอียด และทำการคาดโทษ ก่อนพิจารณาสั่งระงับ และจะพิจารณาดำเนินคดีตามกฎหมายทันที หากพบว่าได้กลับมายื่นเอกสาร หรือพบเอกสารอันเป็นเท็จอีก
ทั้งนี้ ยอดขอขึ้นทะเบียนมี 4,810 ราย ซึ่งหากผ่านการพิจารณาทั้งหมด จะใช้เงินถึง 1,082,250,000 บาท หากไม่ตรวจพบ 396 ราย รัฐต้องสูญเสียเงินสูงถึง 87,750,000 บาท
ด้านนายสุวิทย์ กล่าวว่า ปัญหานี้ได้รับรายงานจากคณะกรรมการพิจารณาคัดกรองแล้ว เบื้องต้น จำนวนผู้ยื่นเอกสารเท็จมี 396 ราย และรับสารภาพว่าเอกสารเป็นเท็จ เรื่องนี้ตนมองในแง่รัฐศาสตร์ ให้ผู้ที่ยื่นเรื่องถอนเรื่องไปโดยไม่ดำเนินการ เท่าที่ทราบส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านที่หลงเชื่อแกนนำมายื่นเอกสาร จึงได้คาดโทษเอาไว้หากพบว่ามีการแจ้งเอกสารเท็จอีกจะดำเนินคดีทันที
