ป่าไม้-ทหาร บุกจับไม้เถื่อนซุกศูนย์เด็กเล็กฯ-พบมือเลื่อยยนต์แปรรูปคาตา (ชมคลิป)

เชียงราย - เจ้าหน้าที่ กอ.รมน.-ป่าไม้เชียงราย บุกจับไม้เถื่อนซุกหลังศูนย์เด็กเล็กฯ พบ 3 มือเลื่อยยนต์กำลังแปรรูป ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่ยันเป็นไม้จากสวนป่าสาธารณะที่ปลูกไว้ตั้งแต่ปี 19 เตรียมใช้ทำโต๊ะ-เก้าอี้ส่วนกลางของชุมชน

วันนี้ (16 พ.ค.56) พ.อ.พรชัย ดุริยพันธ์ รอง ผอ.กอ.รมน.เชียงราย พร้อมด้วยนายทนงศักดิ์ ธรรมโม ผอ.ส่วนป้องกันและรักษาป่า สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 2 ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้เข้าตรวจยึดไม้สักของกลางที่ถูกตัดเป็นท่อน และแปรรูปเก็บเอาไว้ภายในลานด้านหลังของศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก บ้านโป่งน้ำตก ม.7 ต.บ้านดู่ อ.เมืองเชียงราย หลังได้รับแจ้งว่า มีการลักลอบตัดไม้สักจากสวนป่าสาธารณะแล้วลำเลียงมาซุกซ่อนไว้ จากนั้นใช้เลื่อยยนต์ตัด-แปรรูป

ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงพบชาย 3 คน กำลังใช้เลื่อยโซ่ยนต์ทำการแปรรูปไม้สักที่ถูกตัดเป็นท่อนๆ อยู่แล้ว จึงได้เข้าไปห้ามปรามและยึดของกลางทั้งหมดเอาไว้ ทราบชื่อต่อมาคือ นายหน่อแก้ว พันสุพระ บ้านเลขที่ 119 หมู่บ้านโป่งน้ำตก ,นายบุญศรี มูลสวัสดิ์ บ้านเลขที่ 175 บ้านป่าอ้อ ม.8 ต.บ้านดู่ และนายสมาน ธิขาว บ้านเลขที่ 28 บ้านบ้านโป่งน้ำตก

ส่วนของกลางประกอบด้วยเลื่อยโซ่ยนต์จำนวน 3 เครื่อง ท่อนไม้สักขนาดเส้นรอบวงตั้งแต่ 60 ซ.ม.ถึง 2.60 เมตรจำนวน 31 ท่อน ไม้ท่อนที่ถูกเปิดหน้าและเลื่อยแล้วแต่ยังไม่เป็นไม้แผ่นจำนวน 16 ท่อน ไม้แผ่นแปรรูปแล้วจำนวน 38 แผ่น โดยไม้ดังกล่าวถือเป็นไม้สักขนาดใหญ่ที่มีอายุหลายสิบปี รวมมูลค่าเมื่อแปรรูปเสร็จประมาณ 800,000 บาท

อย่างไรก็ตาม ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบของกลางและเตรียมจะแจ้งพนักงานสอบสวน สภ.ย่อยบ้านดู่ อ.เมือง ปรากฎว่า าวบ้านในหมู่บ้านประมาณ 50-60 คน พากันเข้าไปยังบริเวณการจับกุมและตรวจยึดไม้ของกลางดังกล่าว พร้อมเข้าไปสอบถามที่มาที่ไปของการดำเนินคดีทั้งหมด โดยนายพายัพ โป่งคำ อายุ 65 ปีอดีตกำนัน ต.บ้านดู่ แจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่า าวบ้านได้ทำประชาคมหมู่บ้านเกี่ยวกับการตัดไม้จากสวนป่าสาธารณะท้ายหมู่บ้านแล้ว ไม่ได้เข้าไปลักลอบตัด จากนั้นก็ขนมายังสถานที่สาธารณะคือ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเพื่อทำการแปรรูปอย่างโจ่งแจ้งไม่ได้มีเจตนาทำผิดกฎหมาย

ด้านเจ้าหน้าที่ก็พยายามอธิบายว่า แม้จะทำประชาคม แต่ไม้สักเป็นไม้หวงห้ามที่จะต้องขออนุญาตหลายขั้นตอน เช่น หลังทำประชาคม ก็ต้องแจ้งส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ ขออนุญาตไปยังเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ฯลฯ จึงจะนำมาแปรรูปได้

ขณะที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ ได้ขึ้นขึ้นไปนั่งอยู่บนไม้ของกลาง และไม่ต้องการให้เจ้าหน้าที่นำออกไปหรือดำเนินคดีกับมือเลื่อยไม้ทั้ง 3 คน

ท้ายที่สุดทางเจ้าหน้าที่ระบุว่าจำเป็นต้องมีการดำเนินคดีตาม กฎหมาย โดยได้แจ้ง พ.ต.ต.สันติ ศิริสำราญ สารวัตรเวร สภ.ย่อยบ้านดู่ ให้ดำเนินคดีกับทั้ง 3 คนในข้อหาแปรรูปไม้ มีไม้แปรรูปไว้ในครอบครอง มีไม้ท่อนไว้ในครอบครอง มีเลื่อยโซ่ยนต์ไว้ในครอบครอง และข้อหาทำไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนยึดของกลางทั้งหมดดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

นายพายัพ กล่าวว่า ป่าดังกล่าวชาวบ้านร่วมกันปลูกมาตั้งแต่ปี 2519 จนถึงตอนนี้ในหมู่บ้านไม่มีโต๊ะเก้าอี้สำหรับใช้งานส่วนกลาง เมื่อมีงานเทศกาลต่างๆ ก็ต้องไปขอยืมจากต่างหมู่บ้านทำให้ได้รับความลำบาก ดังนั้นจึงได้ทำประชาคมหมู่บ้านกัน เมื่อชาวบ้านส่วนใหญ่เห็นชอบก็ไปตัดและชักลากมาแปรรูป โดยไม่ทราบว่าเป็นความผิด แต่เมื่อเจ้าหน้าที่แจ้งให้ทราบก็ยอมให้มีการดำเนินคดีตามนั้นโดยดี ต่อจากนี้ก็จะไม่กระทำความผิดอีก