ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- โคราชไฟไหม้ 2 เหตุซ้อ ! เผาบ้านพัก จนท.รถไฟกลางเมืองโคราชวอด 2 หลัง หวิดย่างสดยายวัย 83 ปี ป่วยเป็นอัมพฤกษ์นอนในบ้าน โชคดีเพื่อนบ้านเข้าไปช่วยได้ทัน อีกทั้งเกิดเหตุไฟไหม้ป่าธูปฤาษีติดชุมชนกว่า 30 ไร่ ชาวบ้านระดมช่วยกันดับ หวิดลามเผาบ้านเรือน โรงเรียน และสถานที่ราชการวอด
เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ (11 พ.ค.) พ.ต.ท.พิษณุ กองทองนอก สารวัตรเวร สภ.เมืองนครราชสีมา ได้รับแจ้งเกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านพักเจ้าหน้าที่การรถไฟแห่งประเทศไทย เลขที่ 553 ถ.รถไฟ เขตเทศบาลนครนครราชสีมา หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบพร้อมประสานรถดับเพลิง และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสว่างเมตตาธรรมสถาน รุดไปให้ความช่วยเหลือ
ในที่เกิดเหตุพบว่า เป็นบ้านไม้ชั้นเดียว ยกใต้ถุนสูง โดยไฟกำลังลุกไหม้บริเวณตัวบ้านอย่างรุนแรง และลามไปห้องครัวด้านหลังอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่ดับเพลิงทำได้เพียงฉีดน้ำสกัดไม่ให้ลุกลามไปยังบ้านพักที่อยู่ใกล้เคียง โดยใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง จึงควบคุมเพลิงไว้ได้ พบมีบ้านพักเจ้าหน้าที่รถไฟได้รับความเสียหายถูกไฟไหม้ทั้งหลัง จำนวน 1 หลัง และมีห้องครัวที่ต่อเติมอีก 1 หลัง โชคดีขณะเกิดเหตุเพื่อนบ้านได้เข้าไปช่วยเหลือนำตัว นางสง สำราญกลาง อายุ 83 ปี ที่นอนป่วยเป็นอัมพฤกษ์อยู่บนบ้านออกมาได้ทันก่อนที่ไฟจะไหม้บ้านทั้งหลัง
จากการสอบถามประชาชนที่อยู่ใกล้เคียงทราบว่า บ้านพักหลังดังกล่าวปัจจุบันมี นายสุเทพ จันทร์ทิรา หัวหน้างานบริการทั่วไป ศูนย์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การรถไฟแห่งประเทศไทย อาศัยอยู่กับแม่วัย 83 ปี ที่ป่วยเป็นอัมพฤกษ์ และลูกสาว โดยก่อนเกิดเหตุ นายสุเทพ ไม่อยู่บ้าน มีเพียงแม่และลูกสาวอยู่กัน 2 คน ซึ่งก่อนหน้านี้เห็นมีคนเข้าไปเผาขยะภายในบริเวณบ้านพัก จากนั้นก็เกิดไฟไหม้อย่างรวดเร็ว
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่า สาเหตุน่าจะเกิดจากการที่มีคนเข้าไปเผาขยะแล้วไม่ได้ดูแล ทำให้สะเก็ดไฟปลิวไปติดกับกล่องกระดาษที่วางอยู่ใต้ถุนบ้าน ประกอบกับมีลมพัดแรง ทำให้ไฟลุกไหม้อย่างรวดเร็ว หรืออาจเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร เนื่องจากบ้านพักหลังนี้ค่อนข้างเก่าแก่ ซึ่งจะได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่วิทยาการพิสูจน์หลักฐาน 3 เข้ามาตรวจสอบ ก่อนสรุปสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ที่แท้จริงต่อไป
วันเดียวกันนี้ (11 พ.ค.) ในเวลาใกล้เคียงกันมีเหตุไฟไหม้ป่าภายในชุมชนวัดเลียบ เขตเทศบาลนครนครราชสีมา อย่างรุนแรง และขยายวงกว้างกินเนื้อที่ประมาณ 15 ไร่ ซึ่งชาวบ้านในชุมชนได้ช่วยกันนำน้ำไปดับไฟที่กำลังลุกไหม้ป่าธูปฤาษีอย่างรุนแรง และบางจุดไฟได้ไหม้ป่าธูปจนลามมาถึงกำแพงบ้านเรือนประชาชน โรงเรียน และสถานที่ราชการ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจึงได้ช่วยกันฉีดน้ำควบคุมไม่ให้เพลิงลุกลาม
โดยใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมไฟไม่ให้ลุกลามไปยังโรงเรียน และบ้านเรือนประชาชนได้ แต่เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีพื้นที่กว้างเกือบ 30 ไร่ และมีต้นธูปฤาษีขึ้นหนาแน่นเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ประกอบกับมีลมพัดแรงอยู่ตลอดเวลา เกรงว่าไฟอาจลุกไหม้ขึ้นมาอีก เจ้าหน้าที่ต้องคอยฉีดน้ำหล่อเลี้ยงเพื่อป้องกันเหตุขึ้นอีก
จากการสอบถามชาวบ้านในละแวกใกล้เคียง เปิดเผยว่า จากสภาพอากาศที่ร้อนจัดส่งผลให้เกิดไฟลุกไหม้ป่าธูป โดยไฟได้ลุกลามขยายเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีลมพัดแรงทำให้ไฟเกือบไหม้โรงเรียน และบ้านเรือนประชาชน ซึ่งชาวบ้านต่างช่วยกันนำน้ำ และลากสายยางมาฉีดน้ำเพื่อป้องกันไฟลุกลามเข้าเขตชุมชน จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงมาช่วยกันดับไว้ได้ก่อนเสียหายมากกว่านี้
ด้านเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาลนครนครราชสีมา เปิดเผยว่า ปัจจุบันได้รับแจ้งเกิดไฟไหม้ โดยเฉพาะไฟไหม้ป่าในชุมชนทุกวัน ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด และเกิดจากการจุดไฟเผาขยะ เศษใบไม้ ทำให้ไม่สามารถควบคุมเพลิงได้ ดังนั้น อยากฝากถึงผู้นำชุมชน และประชาชนว่าระยะนี้ไม่ควรจุดไฟเผาป่า หรือเผาขยะ เนื่องจากหากเกิดไฟไหม้ลุกลามรุนแรงแล้วจะสร้างความเสียหายให้แก่ตัวเองและชุมชนได้ ซึ่งหากพบไฟไหม้ขอให้รีบแจ้งงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลนครนครราชสีมา ที่สายด่วน 199 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง