ประจวบคีรีขันธ์ - ปลัดฝ่ายความมั่นคงอำเภอปราณบุรี นำกำลังเข้าตรวจยึดพื้นที่ป่าไม้ใกล้แหล่งท่องเที่ยวทางทะเล หลังจากได้รับร้องเรียนจากชาวบ้านมีกลุ่มคนนำรถไถขึ้นไปบนภูเขา บุกรุกแผ้วถางป่าไม้จนโล่งเตียน เนื้อที่เกือบ 20 ไร่ หวังพัฒนาพื้นที่ขาย และสร้างรีสอร์ต เนื่องจากสามารถชมทัศนียภาพได้รอบทิศทาง
เมื่อเวลา 08.00 น. วันนี้ (6 พ.ค.) นายปัญญา ฉิมพาลี ปลัดฝ่ายความมั่นคงอำเภอปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีกลุ่มคนนำรถไถขึ้นไปบุกรุกแผ้วถางป่าไม้เป็นบริเวณกว้าง บนภูเขาหัวล้าน บ้านปรือน้อยหมู่ที่ 3 ต.ปากน้ำปราณ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ห่างจากทะเลอ่าวปากน้ำปราณประมาณ 1 กม.จึงประสาน นายวรวิทย์ ดวงแก้ว ปลัดฝ่ายป้องกัน ผู้ปกครองท้องที่ (กำนัน) ชุดรักษาความสงบประจำหมู่บ้าน (ชรบ) ทหารชุดมวลชนสัมพันธ์ 1208 กอ.รมน.ภาค 1 ส่วนแยกที่ 2 นำกำลังเจ้าหน้าที่ขึ้นไปตรวจสอบ
พบสภาพป่าในบริเวณดังกล่าวเป็นป่าที่ปกคลุมไปด้วยไผ่ และไม้ยืนต้นถูกแผ้วถางจนโล่งเตียน พบรถไถกำลังปรับไถที่ดินอยู่ เมื่อคนขับเห็นเจ้าหน้าที่จึงได้ดับเครื่องยนต์ และกระโดดลงจากรถพากันวิ่งหลบหนีไป ห่างออกไปประมาณ 20 เมตร พบรถยนต์ปิกอัพจอดอยู่ 2 คัน มีกลุ่มคนประมาณ 4-5 คน นั่งจับกลุ่มคุยกัน เมื่อเจ้าหน้าที่จะเข้าไปสอบถาม กลุ่มคนทั้งหมดต่างพากันวิ่งหลบหนีทันที
จากการตรวจสอบเจ้าหน้าที่พบรถไถสีส้ม ยี่ห้อคูโบต้า 1 คัน รถยนต์ปิกอัพ ยี่ห้ออีซูซุ 4 ประตู สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน กง 2329 สุพรรณบุรี และรถปิกอัพยี่ห้ออีซูซุ 4 ประตู สีดำ หมายเลขทะเบียน ฌป 1065 กทม. เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดไว้เพื่อตรวจสอบ และนำส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรปากน้ำปราณ
นายปัญญา ฉิมพาลี ปลัดฝ่ายความมั่นคงอำเภอปราณบุรี กล่าวว่า ได้ใช้จีพีเอสจับพิกัดพื้นที่ทั้งหมดโดยรอบพบว่า มีพื้นที่ซึ่งได้รับความเสียหายจากการบุกรุกแผ้วถางของกลุ่มคนดังกล่าว เป็นพื้นที่กว้างประมาณ 20 ไร่ เป็นพื้นที่ป่า ปี พ.ศ.2484 ซึ่งระบุไว้ชัดเจนว่า เป็นพื้นที่ป่า ผู้ใดเข้ามาบุกรุกนั้นต้องมีความผิด โดยได้ทำการตรวจยึด และนำป้ายประกาศพื้นที่ดังกล่าวได้ตรวจยึด และห้ามผู้ใดเข้ามาใช้ประโยชน์ ซึ่งทางปลัดอำเภอปราณบุรีได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.ปากน้ำปราณ ให้สืบหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
“การเข้าตรวจสอบจับกุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้รับความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่คอยชี้เบาะแสให้เจ้าหน้าที่ทราบว่ามีการบุกรุกป่า ส่วนกลุ่มคนที่นำเครื่องจักรขึ้นมาบุกรุกป่าก็ไม่น่าหนักใจ เพราะสามารถยึดรถยนต์ได้ก็จะไปตรวจสอบถึงเจ้าของรถได้ ซึ่งการกระทำแบบนี้ของกลุ่มคนต้องการทำพื้นที่ป่าไม้ให้เป็นป่าเสื่อมโทรม และขอเข้าทำประโยชน์ และแอบอ้างออกเอกสารสิทธิ ก่อนจะนำไปขาย หรือก่อสร้างรีสอร์ต บ้านพักตากอากาศขายชาวต่างชาติ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมองเห็นทัศนียภาพได้รอบทิศทางเป็นที่ชื่นชอบของชาวต่างชาติที่ต้องการมาอาศัยใกล้แหล่งท่องเที่ยวทางทะเล ซึ่งเมื่อขายได้จะมีมูลค่าหลายสิบล้านบาท”
เมื่อเวลา 08.00 น. วันนี้ (6 พ.ค.) นายปัญญา ฉิมพาลี ปลัดฝ่ายความมั่นคงอำเภอปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีกลุ่มคนนำรถไถขึ้นไปบุกรุกแผ้วถางป่าไม้เป็นบริเวณกว้าง บนภูเขาหัวล้าน บ้านปรือน้อยหมู่ที่ 3 ต.ปากน้ำปราณ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ห่างจากทะเลอ่าวปากน้ำปราณประมาณ 1 กม.จึงประสาน นายวรวิทย์ ดวงแก้ว ปลัดฝ่ายป้องกัน ผู้ปกครองท้องที่ (กำนัน) ชุดรักษาความสงบประจำหมู่บ้าน (ชรบ) ทหารชุดมวลชนสัมพันธ์ 1208 กอ.รมน.ภาค 1 ส่วนแยกที่ 2 นำกำลังเจ้าหน้าที่ขึ้นไปตรวจสอบ
พบสภาพป่าในบริเวณดังกล่าวเป็นป่าที่ปกคลุมไปด้วยไผ่ และไม้ยืนต้นถูกแผ้วถางจนโล่งเตียน พบรถไถกำลังปรับไถที่ดินอยู่ เมื่อคนขับเห็นเจ้าหน้าที่จึงได้ดับเครื่องยนต์ และกระโดดลงจากรถพากันวิ่งหลบหนีไป ห่างออกไปประมาณ 20 เมตร พบรถยนต์ปิกอัพจอดอยู่ 2 คัน มีกลุ่มคนประมาณ 4-5 คน นั่งจับกลุ่มคุยกัน เมื่อเจ้าหน้าที่จะเข้าไปสอบถาม กลุ่มคนทั้งหมดต่างพากันวิ่งหลบหนีทันที
จากการตรวจสอบเจ้าหน้าที่พบรถไถสีส้ม ยี่ห้อคูโบต้า 1 คัน รถยนต์ปิกอัพ ยี่ห้ออีซูซุ 4 ประตู สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน กง 2329 สุพรรณบุรี และรถปิกอัพยี่ห้ออีซูซุ 4 ประตู สีดำ หมายเลขทะเบียน ฌป 1065 กทม. เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดไว้เพื่อตรวจสอบ และนำส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรปากน้ำปราณ
นายปัญญา ฉิมพาลี ปลัดฝ่ายความมั่นคงอำเภอปราณบุรี กล่าวว่า ได้ใช้จีพีเอสจับพิกัดพื้นที่ทั้งหมดโดยรอบพบว่า มีพื้นที่ซึ่งได้รับความเสียหายจากการบุกรุกแผ้วถางของกลุ่มคนดังกล่าว เป็นพื้นที่กว้างประมาณ 20 ไร่ เป็นพื้นที่ป่า ปี พ.ศ.2484 ซึ่งระบุไว้ชัดเจนว่า เป็นพื้นที่ป่า ผู้ใดเข้ามาบุกรุกนั้นต้องมีความผิด โดยได้ทำการตรวจยึด และนำป้ายประกาศพื้นที่ดังกล่าวได้ตรวจยึด และห้ามผู้ใดเข้ามาใช้ประโยชน์ ซึ่งทางปลัดอำเภอปราณบุรีได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.ปากน้ำปราณ ให้สืบหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
“การเข้าตรวจสอบจับกุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้รับความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่คอยชี้เบาะแสให้เจ้าหน้าที่ทราบว่ามีการบุกรุกป่า ส่วนกลุ่มคนที่นำเครื่องจักรขึ้นมาบุกรุกป่าก็ไม่น่าหนักใจ เพราะสามารถยึดรถยนต์ได้ก็จะไปตรวจสอบถึงเจ้าของรถได้ ซึ่งการกระทำแบบนี้ของกลุ่มคนต้องการทำพื้นที่ป่าไม้ให้เป็นป่าเสื่อมโทรม และขอเข้าทำประโยชน์ และแอบอ้างออกเอกสารสิทธิ ก่อนจะนำไปขาย หรือก่อสร้างรีสอร์ต บ้านพักตากอากาศขายชาวต่างชาติ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมองเห็นทัศนียภาพได้รอบทิศทางเป็นที่ชื่นชอบของชาวต่างชาติที่ต้องการมาอาศัยใกล้แหล่งท่องเที่ยวทางทะเล ซึ่งเมื่อขายได้จะมีมูลค่าหลายสิบล้านบาท”