ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- แพทย์ระบุ “หลวงพ่อคูณ” อาพาธเหตุหลอดลมอักเสบ และติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ ให้ยาฆ่าเชื้อ 10 วัน ก่อนประเมินอาการอีกครั้ง ชี้สาเหตุมาจากความไม่พร้อมของวัดบ้านไร่ โดยเฉพาะระบบควบคุมอุณหภูมิในกุฏิหลวงพ่อไม่มีเครื่องสำรองไฟฟ้า เผยไฟฟ้าดับบ่อย ต้องเปิดประตูห้องเพื่อถ่ายเทอากาศ และนำพัดลมมาเป่า หลวงพ่อจึงอาพาธเข้า รพ.อีกหลักเพิ่งออกไปแค่ 1 เดือน
วันนี้ (5 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าอาการอาพาธของพระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา หลัง คณะแพทย์โรงพยาบาลด่านขุนทด และลูกศิษย์ได้นำส่งเข้ารักษาที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา เป็นการด่วน เมื่อคืนที่ผ่านมา (4 พ.ค.) ด้วยอาการมีไข้ขึ้น ซึมลง เสลดเสมหะมาก และความดันโลหิตสูง และขณะนี้แพทย์ให้พักรักษาอยู่ที่ห้องผู้ป่วยพิเศษ 9821 ชั้น 8 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา นั้น
ล่าสุด ตลอดทั้งวันนี้ (5 พ.ค.) ที่บริเวณหน้าห้องผู้ป่วยหลวงพ่อคูณ ได้มีเจ้าหน้าที่พยาบาลเข้าเวรเฝ้าติดตามอาการหลวงพ่อคูณอย่างใกล้ชิด และลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิดได้ผลัดเปลี่ยนกันมาคอยปรนนิบัติหลวงพ่อคูณอยู่ภายในห้อง โดยไม่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปอย่างเด็ดขาด เนื่องจากเกรงจะติดเชื้อซ้ำซ้อนอีก
นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ซึ่งเป็นแพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ เปิดเผยว่า จากการเฝ้าระวัง และติดตามอาการอย่างใกล้ชิดตลอดคืนที่ผ่านมา พบว่า ไข้เริ่มลดลงจากเดิม 38 องศาเซลเซียส เหลือ 37.5 องศาเซลเซียส ซึมน้อยลง รู้ตัวรู้เรื่องตอบสนองได้ดี และเสลดเสมหะลดลงมาก
การรักษาเบื้องต้น ได้ให้ยาปฏิชีวนะฆ่าเชื้อฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำ ซึ่งจะต้องให้ต่อเนื่องประมาณ 10 วัน จึงจะประเมินอาการอีกครั้ง จากการตรวจพบว่า หลวงพ่อคูณมีอาการหลอดลมอักเสบซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ และมีการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ ซึ่งท่านต้องใส่สายสวนปัสสาวะอยู่ตลอดเวลาจึงง่ายต่อการติดเชื้อ ขณะนี้ได้เก็บตัวอย่างเลือด ปัสสาวะ และเสมหะไปเพาะเชื้อในห้องปฏิบัติการแล้ว เบื้องต้น คาดว่าจะเป็นการติดเชื้อแบคทีเรีย ส่วนจะเป็นชนิดใดต้องรอผลจากห้องปฏิบัติการอีกครั้ง
“การอาพาธของหลวงพ่อคูณทุกครั้ง คณะแพทย์ค่อนข้างเครียดเนื่องจากท่านอายุมาก มีโรคประจำตัวหลายอย่าง และครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ท่านมาด้วยอาการไข้ขึ้น ซึมลง เสลดเสมหะมาก ไม่สามารถไอเองได้ และความดันพุ่งสูงมาก ซึ่งแม้จะมีการตอบสนองต่อยาที่ให้ไปแต่คณะแพทย์ก็ยังไม่สบายใจต้องเฝ้าดูแลติดตามอาการอย่างใกล้ชิด และยังคงใช้มาตรการเดิมในการดูแลท่านอย่างเข้มงวดคือ ให้งดเยี่ยมอย่างเด็ดขาด” นพ.พินิศจัย กล่าว
นพ.พินิศจัย กล่าวอีกว่า มีหลายคนถามว่าหลวงพ่อเพิ่งออกจากโรงพยาบาลไปแค่ 1 เดือน ต้องกลับเข้ามาอีกแล้ว เป็นเพราะอะไร ต้องยอมรับว่า ที่วัดบ้านไร่ไม่มีความพร้อมในการดูแลหลวงพ่อหลายอย่าง ทั้งการวางระบบควบคุมอุณหภูมิในห้องท่านก็ไม่มีความแน่นอน ซึ่งในห้องท่านเป็นระบบปิดทั้งหมด การอัดอากาศต้องผ่านเครื่องกรองอากาศซึ่งต้องทำอย่างดี และได้มาตรฐาน คณะแพทย์ได้เข้าไปตรวจดูก็ให้เกียรติกัน เมื่อลูกศิษย์ยืนยันว่าพร้อมก็ไม่ว่ากัน ยืนยันว่ามีเครื่องปั่นไฟฟ้าสำรอง และการวางระบบดีแล้วแพทย์เราจึงให้ท่านกลับวัด
แต่หลังจากที่ท่านกลับไปได้ 1 สัปดาห์ ปรากฏว่า มีปัญหากระแสไฟฟ้าตกไฟฟ้าดับบ่อยครั้งมาก เครื่องปั่นไฟสำรองก็ไม่มี บางวันไฟดับถึง 15 ครั้ง และบางครั้งฝนตกมีน้ำรั่วลงไปทำให้ระบบควบคุมอุณหภูมิช็อต เครื่องไม่ทำงานนานหลายชั่วโมง ตั้งแต่ 2 ทุ่มถึง ตี 2 ซึ่งก่อนหน้านั้นก็ยืนยันกันว่าซ่อมแล้ว แต่ความจริงไม่ได้ซ่อม เมื่อในห้องถูกปิดหมดก็แก้ไขปัญหากันด้วยการเปิดประตูด้านที่ต้อนรับญาติโยม และนำพัดลมมาเป่าให้หลวงพ่อ
“ฉะนั้นจึงไม่แปลกที่หลวงพ่อจะมีอาการอาพาธเช่นนี้ และต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา อีกครั้ง หลังเพิ่งออกจากโรงพยาบาลไปได้แค่ 1 เดือน” นพ.พินิศจัย กล่าวในตอนท้าย