ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - “หลวงพ่อคูณ” เกิดอาการเบื่อ รพ.ไม่ค่อยพูด แต่บ่นอยากกลับวัดบ้านไร่หลังพักรักษานานร่วม 4 เดือน แพทย์ระบุอาการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะดีขึ้น ยังมีเสมหะมาก ผลตรวจไม่พบเชื้อแล้วแต่ต้องให้ยาต่ออีก 7 วัน พร้อมฟื้นฟูกล้ามเนื้อด้วยการปั่นจักรยานไฟฟ้าและเตรียมนิมนต์ออกนอกห้องผู้ป่วยพบญาติโยมเพื่อแก้อาการเบื่อ
วันนี้ (27 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าอาการอาพาธของพระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ที่เข้าพักรักษาอาการอาพาธด้วยภาวะปอดอักเสบ อยู่ที่ห้องผู้ป่วยพิเศษ 9821 ชั้น 8 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลนครราชสีมา ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน 2555 เป็นเวลานานร่วม 4 เดือน และเมื่อวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมาเกิดอาการติดเชื้อแบคทีเรียทางเดินปัสสาวะนั้น
ล่าสุด เมื่อเวลา 09.00 น. นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา แพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ เปิดเผยว่า อาการของหลวงพ่อคูณช่วง 1-2 วันนี้ดีขึ้นชัดเจน รับอาหารเหลวผ่านทางสายยางได้เต็มที่ ไม่มีไข้ แต่เสลดเสมหะยังค่อนข้างมาก ต้องดูดออกวันละ 2 ครั้ง
ส่วนระบบทางเดินปัสสาวะที่เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียนั้น หลังแพทย์ให้ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำ ไป 3 วัน ได้เก็บตัวอย่างปัสสาวะไปเพาะเชื้ออีกครั้ง ผลปรากฏว่าไม่พบเชื้อโรคแล้ว ฉะนั้นประเมินได้ว่ายาที่ให้ไปตรงกับเชื้อและตอนนี้ไม่มีเชื้อหลงเหลืออยู่ในร่างกายท่านแล้ว แต่ยังต้องให้ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำไปอีกประมาณ 1 สัปดาห์จึงจะครบ และทำการล้างกระเพาะปัสสาวะด้วยน้ำเกลือวันละครั้ง
นพ.พินิศจัยกล่าวอีกว่า ขณะนี้อยู่ในช่วงการฟื้นฟูร่างกายจึงให้ท่านปั่นจักรยานไฟฟ้าในห้องปลอดเชื้อเพื่อสร้างกล้ามเนื้อ แต่ดูท่านมีอาการเบื่อไม่ค่อยพูด ถามคำตอบคำ และบ่นอยากกลับวัดบ้านไร่ ซึ่งคณะแพทย์จะได้นิมนต์ออกจากห้องผู้ป่วยเปลี่ยนบรรยากาศลงไปพบปะกับญาติโยมบ้างเพื่อให้อารมณ์ดีขึ้น ส่วนเรื่องการปรับปรุงกุฏิวัดบ้านไร่ตอนนี้ยังไม่เรียบร้อยดี รวมทั้งหลวงพ่อคูณเองยังต้องรับยาปฏิชีวนะไปอีก 1 สัปดาห์ หลังจากนั้นจะมาประเมินเรื่องกลับวัดอีกครั้ง ซึ่งอาจเป็นหลังเทศกาลสงกรานต์ และช่วงนี้ยังต้องงดเยี่ยมเด็ดขาด
ขณะที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาได้ออกประกาศเรื่อง อาการอาพาธพระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) ฉบับล่าสุด ระบุว่า คณะแพทย์ได้ตรวจร่างกายพระเทพวิทยาคม เพื่อติดตามผลการรักษา สรุปได้ดังนี้ อาการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะดีขึ้น ไม่มีไข้ ตื่นตัวดี รับอาหารได้ดี แต่ยังคงมีเสมหะและอาการอ่อนเพลีย ผลเพาะเชื้อปัสสาวะเป็นเชื้อแบคทีเรียซึ่งตอบสนองต่อยาที่ได้รับ คณะแพทย์ให้การรักษาแนวทางเดิม ยังคงเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนในระบบต่างๆ โดยใกล้ชิด และให้งดเยี่ยมอาการอาพาธ เพื่อให้พระเทพวิทยาคมได้พักผ่อน จึงประกาศมาให้ทราบโดยทั่วกัน
