xs
xsm
sm
md
lg

หน.อุทยานฯ พาผู้ว่าฯ-ส.ว.เพชร บุก “ยอดเขาใจแผ่นดิน” พบผืนป่าแก่งกระจานถูกรุกหลายจุด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เพชรบุรี - ผู้ว่าฯ เพชรบุรี พร้อม ส.ว.เพชรบุรี และ หน.อุทยานแก่งกระจาน นำทีมบุกยอดเขาใจแผ่นดิน ซึ่งเป็นพื้นที่ใกล้กับประเทศพม่าในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน พบพื้นที่ในป่ากลางอุทยานฯ ถูกบุกรุกแผ้วถางป่าตัดไม้ขนาดใหญ่หลายจุด ผู้ว่าฯ เพชรบุรี รุดตรวจพื้นที่หาแนวทางป้องกัน ส่วนผู้บุกรุกยังขโมยเครื่องยนต์ตัดไม้ของอุทยานฯ ไป 2 เครื่อง หลังนำไปตัดไม้ที่ถูกเผาจนตายเพื่อให้เฮลิคอปเตอร์สามารถลงจอดได้

นายมณเฑียร ทองนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี พร้อม น.ส.สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ สมาชิกวุฒิสภาจังหวัด (ส.ว.) เพชรบุรี นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน พร้อมส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้เดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไปยังบริเวณยอดเขาใจแผ่นดิน ซึ่งเป็นพื้นที่ใกล้กับประเทศพม่า เพื่อตรวจสอบสถานที่หลังได้รับแจ้งจากนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ว่า พบการบุกรุกทำลายป่าในหลายจุดบริเวณพื้นที่ติดกับแนวชายแดนประเทศพม่า โดยการเดินทางเข้าไปยังบริเวณยอดเขาใจแผ่นดินดังกล่าวมีขึ้นเมื่อวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ เมื่อไปถึงพบบริเวณป่าที่ถูกทำลายมีสภาพเป็นสีดำเนื่องจากถูกไฟเผา ลามจากด้านล่างของภูเขาไปจนถึงด้านบนเขา พบต้นไม้ขนาดใหญ่ถูกตัดโค่นล้มจำนวนมาก มีหลายต้นมีขนาดใหญ่หลายคนโอบ และพบว่า มีการนำเอาข้าวไร่มาปลูกไว้บางส่วนอีกด้วย เบื้องต้นยังไม่สามารถตรวจสอบว่าพื้นที่ถูกบุกรุกว่ามีปริมาณเท่าใด เนื่องจากเป็นภูเขาลาดชัน

ที่สำคัญเจ้าหน้าที่ไม่พบผู้กระทำผิด แต่กลับถูกผู้กระทำผิดลักขโมยเครื่องยนต์ตัดไม้ขนาดเล็ก จำนวน 2 เครื่อง ที่ทางเจ้าหน้าที่อุทยานฯ นำไปตัดต้นไม้ที่ถูกไฟเผายืนต้นตายบนยอดเขาออกเพื่อให้เฮลิคอปเตอร์ขนาดเล็กลงจอดได้ เพื่อนำบุคคลที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบสถานที่เพื่อหาทางป้องกัน

โดยก่อนหน้าที่คณะผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรีจะเดินทางไปตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ของอุทยานฯ ได้ร่วมกับทหารจากหน่วยทัพพระยาเสือ ตำรวจ ตชด.ที่ 144 และทหารจากค่ายฝึกรบพิเศษแก่งกระจาน ได้เดินทางไปยังพื้นที่ถูกบุกรุกล่วงหน้าก่อนแล้ว เพื่อติดตามหาผู้กระทำผิด และตรวจสอบพื้นที่ถูกบุกรุก พร้อมกับเคลียร์พื้นที่บนสันเขาเพื่อให้เฮลิคอปเตอร์ลงจอดได้ หลังเคลียร์พื้นที่เสร็จ ได้นำเครื่องยนต์วางไว้ใกล้จุดที่ทำไว้ให้เฮลิคอปเตอร์ลงจอดพร้อมกับเดินเท้าสำรวจพื้นที่ที่ถูกบุกรุกพร้อมกับพักค้างแรมในป่า กระทั่งช่วงเช้าพบว่า เครื่องยนต์ที่วางไว้ได้หายไป และมีร่องรอยการเดินลงเขาบริเวณที่นำเครื่องยนต์วางไว้

นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เผยว่า เป็นปัญหาอีกอย่างหนึ่งในการทำงานของเจ้าหน้าที่เพื่อดูแลการบุกรุกป่า เนื่องจากผู้บุกรุกเป็นชาวเขาที่มีความชำนาญในพื้นที่ป่ามากกว่า เชื่อว่าช่วงที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบผู้บุกรุกคงอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว และติดตามความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ตลอด หากพวกเขามีอาวุธและหวังจะทำลายคงทำได้ไม่ยาก ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเสียเปรียบเสียด้วย จึงได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกนายระมัดระวังตัวให้มากระหว่างตรวจสอบพื้นที่ และหวั่นว่าเครื่องยนต์ตัดไม้ขนาดเล็กของอุทยานฯ ที่ถูกขโมยไป ผู้กระทำผิดจะนำไปใช้ตัดไม้ทำลายป่ามากขึ้น เพราะเพียงลำพังเขาใช้มีด และเลื่อยมือยังสามารถทำลายป่าได้จำนวนมาก

และจากการสำรวจปีนี้ตามโครงการขับไล่ชนกลุ่มน้อยที่มาลักลอบตัดไม้แผ่วถางป่าทำไร่เลื่อนลอยในป่าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน พบว่า มีพื้นที่ถูกบุกรุกน้อยลงกว่าทุกปีที่ผ่านมา แต่ละจุดหากมองจากมุมสูงจากเฮลิคอปเตอร์จะดูเหมือนว่าพื้นที่ไม่มาก แต่พอลงไปตรวจสอบจะมีพื้นที่มากกว่า 10-20 ไร่ เพราะการบุกรุกทำลายป่าผู้กระทำผิดจะใช้วิธีใช้ไฟเผาลุกลามตั้งแต่ตีนเขาไปจนถึงยอดเขา จากนั้นก็ใช้มีด และเลื่อยมือตัดต้นไม้ใหญ่ให้ล้มลง ที่สำคัญการตรวจสอบยังพบว่า นอกจากเป็นการเปิดพื้นที่ป่าเพื่อปลูกข้าวไร่แล้ว ในหลุมที่ปลูกข้าวไร่ยังมีการปลูกกัญชาซึ่งเป็นพืชเสพติดแซมไว้ตลอด และจะพบเกือบทุกพื้นที่ที่มีการบุกรุก

นายมณเฑียร ทองนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี เผยว่า ในเบื้องต้นคาดว่าผู้กระทำผิดน่าจะเป็นชนกลุ่มน้อยที่อาศัยอยู่ในแนวชายแดนของประเทศพม่า เนื่องจากบริเวณที่ถูกบุกรุกที่เรียกว่าใจแผ่นดิน อยู่ห่างจากแนวชายแดนพม่า ประมาณ 5 กิโลเมตร จึงทำให้ง่ายต่อการเดินทางเข้ามาบุกรุกทำลายป่า และจากสภาพป่าถูกทำลายโดยเฉพาะการตัดต้นไม้ขนาดใหญ่เป็นวงกว้าง เป็นเรื่องน่าเสียดายในสภาพป่าที่อุดมสมบูรณ์ของผืนป่าแก่งกระจาน ซึ่งจะต้องเร่งหาแนวทางป้องกันไม่ให้มีการบุกรุกทำลายป่าอีก

ด้าน น.ส.สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ สมาชิกวุฒิสภา ที่เดินทางลงตรวจสอบด้วย เผยว่า จากการตรวจสอบพื้นที่ในหลายครั้งที่ผ่านมา รวมทั้งครั้งล่าสุด พบว่าผู้กระทำผิดได้ใช้วิธีการเผาทำลายป่าก่อนแล้วค่อยตัดต้นไม้ใหญ่ตาม การเผาด้วยไฟแล้วปล่อยให้ลุกลามไปตามสภาพป่าถือเป็นภัยการทำลายป่าที่น่ากลัวที่สุด เพราะจะทำให้ป่าถูกทำลายเป็นวงกว้าง ซึ่งทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องร่วมมือกันดูแลผืนป่าแก่งกระจานแห่งนี้ไว้ให้ได้



กำลังโหลดความคิดเห็น