ตราด - วาฬเพชฌฆาตติดอวนบาดเจ็บเกยตื้นที่เกาะช้างเสียชีวิตอีกตัวแล้ว ซึ่งเป็นตัวที่ 2 หลังทีมสัตวแพทย์ทำการรักษายื้อชีวิตมาได้ 43 วัน
วันนี้ (30 เม.ย.) นายวุฒิพงศ์ อุ้ยอลงกรณ์ หัวหน้าหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ ที่ กช.3 บ้านสลักเพชร ต.เกาะช้างใต้ จ.ตราด ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่พิทักษ์อุทยานฯ ที่คอยช่วยเหลือทีมสัตวแพทย์ว่า วาฬเพชฌฆาตตัวใหญ่ที่ได้รับบาดเจ็บ และมีอาการทรงตัวติดต่อกันมาหลายวันนั้นได้เสียชีวิตลงแล้ว
หลังจากได้รับแจ้งแล้ว ก็ได้รายงานให้ นายพันธุ์พงษ์ คงเดชอดิศักดิ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้างทราบ พร้อมกับมีการลงพื้นที่ตรวจสอบทันที โดยหลังจากพบว่าวาฬได้เสียชีวิต ทีมสัตวแพทย์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็ได้นำขึ้นจากบ่อ ทำการห่อหุ้มด้วยผ้ายางแล้วก็นำไปแช่แข็งใว้ในตู้เย็นขนาดใหญ่ ในห้องครัวของรีสอร์ต มหาจักร ก่อนจะนำวาฬที่เสียชีวิตใส่ถังขนาดใหญ่ขึ้นรถตู้ไปทำการผ่าพิสูจน์เพื่อนำชิ้นอวัยวะบางส่วนไปเข้าห้องแล็บ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรุงเทพฯ อย่างละเอียดอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่17 มี.ค.56 ชาวประมงพื้นบ้านได้พบวาฬบาดเจ็บสาหัสมีบาดแผลทั้งตัว น่าจะมาจากการติดอวนเรือประมง ทั้ง 2 ตัว ได้ว่ายมาเกยตื้นที่ชายหาดบ้านเจ๊กแบ้ ต.เกาะช้างใต้ และทางเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง ได้นำวาฬทั้ง 2 ตัวขึ้นมาทำการรักษาภายในรีสอร์ตมหาจักร
โดยมีทีมสัตวแพทย์จากศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทย ฝั่งตะวันออก จ.ระยองฯ และทีมสัตวแพทย์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยคอยดูแล
ต่อมา ในวันที่ 7 เม.ย.56 ที่ผ่านมา วาฬเพชฌฆาตตัวเล็กที่อาการบาดเจ็บสาหัสไม่สามารถกินอาหารเองได้ ต้องป้อนอาหารเหลวตลอดเวลาได้เสียชีวิตไปก่อนแล้ว 1 ตัว หลังทีมสัตวแพทย์ทำการรักษามาได้ 20 วัน
จากการผ่าพิสูจน์ของทีมสัตวแพทย์ พบว่า กล้ามเนื้อภายในของวาฬตัวเล็กนั้นอักเสบรุนแรง ทำให้ลำตัวนั้นบวม อาจจะทนเจ็บปวดไม่ไหวจึงได้เสียชีวิตไปก่อน ในส่วนอาการของวาฬตัวใหญ่ ที่บางช่วงเริ่มแข็งแรง หลายฝ่ายที่ได้ติดตามดูอาการต่างคาดหวังว่าน่าจะมีชีวิตรอดได้ แต่สุดท้ายก็ทนบาดเจ็บไม่ใหว มีชีวิตอยู่ได้เพียง 43 วัน
นายสัตวแพทย์วศิน จรัสวิมลใส และสัตวแพทย์หญิงชญานัศ ดาวฉาย หัวหน้าทีมสัตวแพทย์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่มาผลัดเปลี่ยนเวรทำการรักษาวาฬตัวใหญ่ ได้กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ทำการรักษาเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด จะเห็นได้ว่าวาฬตัวใหญ่นั้นจะมีอาการป่วยที่ทรงตัวบ้างดีบ้าง ลำตัวเกร็ง และงอตลอดเวลา ไม่สามารถว่ายน้ำเองได้ ต้องคอยจับ และใช้เสื้อชูชีพสวมใว้ตลอดเวลา
โดยในช่วงระยะหลังๆ กินอาหารเองไม่ได้ ต้องป้อนอาหารเหลวพร้อมทั้งยาขับถ่าย และตรวจพบว่าระบบทางเดินหายใจโดยเฉพาะปอดนั้นติดเชื้อ ก่อนที่วาฬตัวใหญ่จะเสียชีวิตนั้นได้เกิดอาการชักกระตุก สำลักอาหารออกมาติดต่อกันหลายครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งที่หายใจออกมาจะมีกลิ่นเหม็นรุนแรงพอสมควร อาจเป็นเพราะอวัยวะภายในของวาฬนั้นได้อักเสบ และเริ่มเน่าก็เป็นได้