พระนครศรีอยุธยา - ผบก.พระนครศรีอยุธยา พร้อม ปภ.กรุงเก่า ร่วมจัดตั้งศูนย์รับแจ้งคนสูญหายเหตุสะพาน 200 ปีถล่ม ที่อำเภอท่าเรือ พระนครศรีอยุธยาด้าน ผู้ว่าฯ อยุธยา เร่งช่วยค่าทำศพเหยื่อ ชี้ 15 วันรู้สาเหตุแน่ชัด รมว.มหาดไทย ลงพื้นที่ตรวจสอบวันนี้
วันนี้ (29 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานเหตุการณ์สะพานสลิง 200 ปี ข้ามแม่น้ำป่าสักข้างวัดสะตือพุทธไสยาสน์ บ้านท่างาม หมู่ที่ 6 ต.ท่าหลวง อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ได้พังถล่มลงมาทำให้มีผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 17.30 น. วันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมาว่า เมื่อเวลา 23.00 น. คืนที่ผ่านมา (28 เม.ย.) พล.ต.ต.กรเอก เพชรไชยเวส ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) พระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วยสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ร่วมกันตั้งศูนย์ปฎิบัติการส่วนหน้าที่บริเวณจุดเหตุ โดยนำพนักงานสอบสวนมาร่วมปฏิบัติหน้าที่เพื่อรับแจ้งคนสูญหาย และสอบสวนพยานที่เห็นเหตุการณ์ โดยเบื้องต้น มีผู้เสียแล้ว 5 ราย และบาดเจ็บอีกกว่า 40 ราย
ด้านนายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยถึงความคืบหน้าสะพาน 200 ปีถล่มว่า ขณะนี้ยืนยันตัวเลขผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 4 รายคือ น.ส.เกศิณี ชบาสีห์ อายุ 54 ปี นายสามารถ ญาณปัญญา อายุ 33 ปี นายณัฐวุฒิ ใจจง อายุ 24 ปี ด.ญ.ปิริยาพร เสือสมิง อายุ 10 ปี ขณะที่ผู้บาดเจ็บอีก 12 รายนั้น ล่าสุด มี 10 รายที่อาการปลอดภัยแล้ว ส่วนอีก 2 ราย ยังอาการสาหัสอยู่ รวมทั้งมีผู้สูญหาย 1 รายคือ นายปรีชา บุญประเสริฐ อายุ 26 ปี ซึ่งในช่วงสายของวันนี้ ทางเจ้าหน้าที่จะเร่งทำการค้นหาอีกครั้ง โดยในส่วนของผู้เสียชีวิต จังหวัดจะจ่ายเงินชดเชยเยียวยาให้รายละ 25,000 บาท และผู้บาดเจ็บรายละ 3,000 บาท
สำหรับการให้ความช่วยเหลือนั้น ทางจังหวัดจะนำเงินจากกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัยจ่ายค่าเยียวยาเป็นค่าทำศพละ 25,000 บาท ผู้ได้รับบาดเจ็บทางโรงพยาบาล จะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด และหลังจากนี้ จะตั้งคณะกรรมการขึ้นเป็น 2 ชุด โดยชุดที่ 1 จะให้สอบสวนหาข้อเท็จจริง เพื่อรับผิดชอบในทางแพ่ง และทางอาญา ส่วนชุดที่ 2 จะให้ความช่วยเหลือผู้ประสบเหตุเรื่องการช่วยเหลือดำเนินคดี รวมถึงการรักษาพยาบาล ขณะที่ทางจังหวัดฯ จะเร่งสืบสวนหาข้อเท็จจริง เพื่อสรุปสาเหตุของการพังถล่มของสะพาน โดยจะพยายามเร่งให้แล้วเสร็จตามกรอบภายใน 15 วัน ก่อนจะทำการกู้ซากสะพาน 200 ปี และหลังจากนี้ อาจจะต้องรอการพิจารณาว่าจะซ่อมแซมสะพาน หรือจะพิจารณาสร้างจุดใหม่หรือไม่
ทั้งนี้ สำหรับสาเหตุดังกล่าว ได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ จำนวน 2 ชุด โดยให้สรุปให้ได้ภายใน 15 วัน ขณะที่การช่วยเหลือเบื้องต้นนั้น เนื่องจากในพื้นที่มีสะพานที่อยู่บริเวณใกล้เคียงอีก 2 สะพาน ซึ่งสามารถสัญจรผ่านไปมาแทนสะพานดังกล่าวได้ พร้อมยืนยันสะพานดังกล่าวไม่ได้มีอายุ 200 ปี แต่บริเวณดังกล่าวมีการสร้างสะพาน และพัฒนามาเรื่อยๆ จนเป็นสะพานดังกล่าวราว 200 ปีแล้ว
ชาวบ้านเผยนาทีระทึก
นายสมพงศ์ บุญเลิศ อายุ 50 ปีผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ขณะสะพานถล่ม เล่านาทีระทึกว่า ช่วงก่อนที่สะพานจะพังถล่ม ตนพร้อมกับภรรยาได้ขี่รถจักรยานยนต์เดินทางข้ามสะพานมา โดยตนเป็นคนขี่ กระทั่งพอขี่เลยกลางสะพานมาได้แป๊บเดียวก็สังเกตเห็นรถจักรยานยนต์จากฝั่งตรงข้าม 4-5 คัน ขี่สวนทางมา จากนั้นได้เกิดสิ่งผิดปกติขึ้น เมื่อจู่ๆ สะพานก็เอนเอียงไปข้างนึง ก่อนที่ไม่กี่อึดใจจะได้ยินเสียงคล้ายปูน หรือไม้แตกลั่นดังสนั่นหวั่นไหว ด้วยความตกใจ จึงผวาบิดคันเร่งไม่คิดชีวิตจนผ่านมาถึงฝั่งสำเร็จ หลังอาการปากสั่นทุเลาลง จึงหันหลังกลับไปมอง ภาพที่ปรากฏทำให้ตน และภรรยาต้องขยี้ตาหลายครั้งด้วยความไม่แน่ใจ เนื่องจากสะพานที่เพิ่งขี่ผ่านมาพังถล่มจมลงไปในแม่น้ำ และมีผู้บาดเจ็บหลายรายกำลังร้องครวญครางตะเกียกตะกายเอาชีวิตจากสะพานมรณะ ซึ่งไม่รู้ว่ารอดจากนาทีฉุกเฉินมาได้อย่างไรเหมือนกัน
ด้านนายเชษฐา ปทุมรังสี นายกเทศมนตรีตำบลท่าหลวง อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า สะพานแขวนที่พังถล่มลงมาสร้างแล้วเสร็จเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2555 พบว่า สะพานเริ่มชำรุด 1 เดือนที่ผ่านมา และชำรุดเพิ่มมากขึ้นได้ประมาณ 1 สัปดาห์ คือ สะพานเอียง จึงให้เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบประสานงานกับผู้รับเหมาได้ทำการซ่อมแซมในเบื้องต้น ก่อนเปิดให้ประชาชนใช้ได้ตามปกติ
สำหรับการค้นหาผู้เสียชีวิต และกู้ซากสะพานจะเริ่มขึ้นในช่วงสายของวันนี้ (29 เม.ย.) ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จะเดินทางมาตรวจสอบด้วย