ศรีสะเกษ - “ผบช.ภ.3” รุดตรวจความพร้อมรับมือกลุ่มพลัง ปชช.ชุมนุมนำธงชาติไทยขึ้นปักบนเขาพระวิหาร แสดงสิทธิ 4.6 ตร.กม. เป็นของไทย และต้านศาลโลกคดีปราสาทพระวิหาร คาดไม่รุนแรง พร้อมกำชับ จนท. อดกลั้นเหตุเป็นคนไทยด้วยกันเชื่อเจรจาได้ ด้านแกนนำภาค ปชช.โวย จนท.ขนลวดหนาม เสาไฟฟ้า และท่อคอนกรีตมาขวงถนนสกัดกั้นเสมือนเป็นคนร้าย แทนที่จะหนุนปกป้องแผ่นดินไทย
วันนี้ (16 เม.ย.) เมื่อเวลา 11.55 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 224 อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พล.ต.ท.เชิด ชูเวช ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (ผบช.ภ. 3) และคณะ ได้เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์มาประชุมร่วมกับ นายประทีป กีรติเรขา ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ นายเพิ่มศักดิ์ ฉวีรักษ์ นายอำเภอกันทรลักษ์ พ.ต.อ.มงคล ลิ้มสุวรรณ ผกก.สภ.กันทรลักษ์ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงที่เกี่ยวข้อง โดยประชุมร่วมกันที่ห้องประชุมกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 224
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการตรวจติดตามความพร้อมในการรักษาความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งอยู่ใกล้กับเขาพระวิหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อเป็นการรับทราบข้อมูลในการเตรียมความพร้อมที่จะมีกลุ่มพลังมวลชนมาเคลื่อนไหวกรณีคดีตีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหาร ปี 2505 ที่ฝ่ายไทยและกัมพูชา กำลังให้การทางวาจาต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือศาลโลก อยู่ในขณะนี้ ซึ่งแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมประกาศว่า จะนำธงชาติไทย สูง 21 เมตร ขึ้นไปปักที่บริเวณเขาพระวิหาร หรือที่บริเวณภูมะเขือ เพื่อเป็นการแสดงให้กัมพูชาทราบว่า บริเวณพื้นที่ 4.6 ตร.กม.รอบปราสาทพระวิหารเป็นของไทย พร้อมคัดค้านอำนาจศาลโลก
พล.ต.ท.เชิด ชูเวช ผบช.ภ.3 กล่าวว่า การเดินทางมาในครั้งนี้เพื่อเป็นการรับทราบข้อมูลการเตรียมความพร้อมของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการรักษาความสงบเรียบร้อยจากการที่จะมีกลุ่มพลังมวลชนมาชุมนุมเคลื่อนไหวกรณีปราสาทพระวิหาร ซึ่งทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้มีการเตรียมความพร้อมไว้เรียบร้อยแล้ว จากข้อมูลที่ได้รับรายงานคาดว่า จะมีผู้มาชุมนุมประมาณ 300-500 คน และคาดว่าไม่น่าที่จะเกิดความรุนแรง เนื่องจากไม่มีสิ่งใดที่จะส่อให้เห็นถึงความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นได้ ซึ่งตนได้เน้นให้หาข้อมูลข่าวสารมาใช้ในการแก้ไขปัญหา และหากมีความรุนแรงให้เตรียมแผนพิทักษ์ส่วนหลังด้วย
“กรณีที่จะมีการชุมนุมในครั้งนี้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. และ พล.ท.จีระศักดิ์ ชมประสพ แม่ทัพภาคที่ 2 ได้กำชับเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ไม่ให้ใช้ความรุนแรงกับกลุ่มผู้ชุมนุม โดยให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายใช้ความอดทน อดกลั้น เน้นการเจรจาสร้างความเข้าใจกับกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งคาดว่าจะสามารถเจรจาทำความเข้าใจกันได้ เนื่องจากเป็นชาวไทยด้วยกัน” พล.ต.ท.เชิด กล่าว
ด้าน นายกิติศักดิ์ พ้นภัย หัวหน้ากลุ่มกำลังแผ่นดิน กล่าวว่า กลุ่มที่จะมาชุมนุมในวันที่ 17 เม.ย. นั้น ล้วนแต่เป็นกลุ่มปัญญาชนที่มีความรู้ และมีความรักในชาติบ้านเมืองหวงแหนแผ่นดินไทยที่บริเวณเขาพระวิหาร การที่เจ้าหน้าที่มาทำการสกัดกั้น โดยนำทั้งลวดหนาม เสาไฟฟ้า และท่อคอนกรีตมาวางขวางถนนเส้นทางขึ้นสู่อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารเอาไว้เช่นนี้ ดูเสมือนว่าการแสดงออกของกลุ่มคนไทยผู้รักชาติถูกมองเป็นคนร้ายทั้งที่เป็นผู้ที่มีความรักชาติทั้งนั้น แทนที่จะอำนวยความสะดวกในการนำธงชาติไทยขึ้นไปปักไว้ในพื้นที่ 4.6 ตร.กม. รอบปราสาทพระวิหาร เพื่อเป็นการอ้างสิทธิในพื้นที่ 4.6 ตร.กม. บนเขาพระวิหาร ว่า เป็นเขตแดนของไทยอย่างแท้จริง
ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าทางทนายความของฝ่ายกัมพูชาได้แถลงต่อศาลโลกแล้วว่า พื้นที่บนเขาพระวิหารนั้นมีชาวกัมพูชามาอยู่นานแล้ว แต่โดยแท้จริงคนในพื้นที่ทราบดีว่าเพิ่งมาอยู่ได้ไม่กี่ปีนี่เอง ดังนั้น คำแถลงของกัมพูชาต่อศาลโลก เมื่อวันที่ 15 เม.ย. จึงเป็นการนำความเท็จมาอ้างเพื่อที่จะหวังผลในการครอบครองพื้นที่ 4.6 ตร.กม. ซึ่งเป็นเขตแดนไทย
“ดังนั้น เจ้าหน้าที่จึงไม่ควรสกัดกั้นกลุ่มมวลชนชาวไทยผู้รักชาติ แต่ควรที่จะนำพากลุ่มมวลชนชาวไทยผู้รักชาติเอาธงชาติไทยไปปักไว้ในพื้นที่ 4.6 ตร.กม. บนเขาพระวิหารจึงจะเป็นการถูกต้อง” นายกิติศักดิ์กล่าว