พระนครศรีอยุธยา - ประชาชนทะลัก ทำถนนพหลโยธินช่วงแยกสู่ประตูภาคอีสาน และภาคเหนือ รถติดยาวเหยียด
คลิกเพื่อชมคลิป:
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการจราจรเส้นทางสู่ภาคเหนือ และภาคอีสาน เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (12 เม.ย.) ว่า ปริมาณรถที่เดินทางมุ่งหน้าสู่ประตูอีสาน และภาคเหนือ หน้าบริษัทมินิแบ กม.51 ถนนพหลโยธิน ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา มีปริมาณรถมาก เคลื่อนตัวด้วยความเร็วเฉลี่ย 20-40 กิโลเมตร/ชั่วโมง เนื่องจากจุดดังกล่าวเป็นช่วงที่รถจากถนนสายหลัก ตัดเข้าสายรองเพื่อมุ่งหน้าผ่านสายเอเชีย มุ่งหน้าสู่ภาคเหนือ มีรถสะสมจำนวนมาก ส่งผลรถติดยาวกว่า 10 กิโลเมตร ส่วนรถที่มุ่งหน้าสู่ภาคเหนือโดยวิ่งเข้าสู่ถนนสายเอเชีย การจราจรเริ่มคลี่คลายรถสามารถใช้ความเร็วได้ 80-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ส่วนสภาพการจราจรบนถนนสายพหลโยธิน อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา มุ่งหน้าสู่จังหวัดทางภาคอีสาน การจราจรรถเพิ่มมากขึ้น มีการเดินทางกลับภูมิลำเนาหนาตา รถเริ่มมีการชะลอตัวเป็นช่วงๆ บริเวณวงแหวนตะวันตก และวงแหวนตะวันออก ซึ่งการจราจรตอนนี้รถสามารถใช้ความเร็วอยู่ที่ 60-80 กิโลเมตร/ชั่วโมง คาดว่าช่วงเย็นนี้ถึงค่ำการจราจรจะเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน
ส่วนที่ จ.นครสวรรค์ ผู้สื่อข่าวรายงานการเดินทางท่องเที่ยวและกลับบ้านตามภูมิลำเนาทางภาคเหนือของประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงขณะนี้การจราจรบนถนนสายพหลโยธินฝั่งขาขึ้นเหนือ บริเวณก่อนขึ้นสะพานเดชาติวงศ์ไปจนถึงสี่แยกจิระประวัติ มีปริมาณรถหนาแน่นเต็มทุกช่องทาง จนทำให้รถสมารถเคลื่อนตัวไปได้อย่างช้าๆ และบางช่วงมีการติดขัดเล็กน้อย ซึ่งในส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรต้องทำการปิดสัญญาณไฟที่สามแยกบึงบอระเพ็ด พร้อมปิดช่องทางจราจรทางแยกบางจุด เพื่อช่วยเร่งระบายปริมาณรถในช่วงเส้นทางดังกล่าวให้เป็นอย่างมีประสิทธิภาพ
ขณะที่บริเวณสี่แยกพหลโยธิน ถนนฝั่งขามุ่งหน้าเข้าสู่จังหวัดพิจิตร และพิษณุโลก ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรต้องควบคุมระบบสัญญาณไฟเองแทนการใช้อัตโนมัติ พร้อมกับมีเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกส่วนหนึ่งคอยกำกับส่งสัญญาณมือเพื่อเร่งระบายรถในชั่วโมงเร่งด่วน เนื่องจากมีผู้ใช้รถสัญจรผ่านเส้นทางดังกล่าวเป็นจำนวนมาก จนทำให้ปริมาณจราจรหนาแน่นไปจนถึงบริเวณสามแยกนวมินทร์ แต่ในภาพรวมถือว่า รถยังสามารถเคลื่อนตัวได้คล่อง ไม่มีปัญหารถติดสะสมแต่อย่างใด
ทั้งนี้ หากประชาชนต้องการหลีกเลี่ยงความแออัดของการจราจรในช่วงผ่านตัวเมืองนครสวรรค์ ทางตำรวจภูธร จ.นครสวรรค์ ขอให้ใช้ถนนสายเลี่ยงเมืองทางหลวงหมายเลข112 เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการจราจรที่ติดขัด ส่วนรายงานสรุปข้อมูลอุบัติเหตุบนท้องถนนวันแรกของในช่วง 7 วันอันตราย จ.นครสวรรค์ เกิดอุบัติเหตุ 8 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บทั้งหมด 11 ราย เป็นชาย 7 ราย และหญิง 4 ราย แต่ยังไม่มีผู้เสียชีวิตเกิดขึ้น