กาญจนบุรี - ชาวบ้านผู้เลี้ยงวัวพนมทวน กาญจนบุรี ยกขบวนนำวัวปิดถนนหน้า สนง.สนับสนุนการป้องกันและปราบปรามที่ 1 (ภาคกลาง) หลังไม่พอใจเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ห้ามนำวัวเข้าไปเลี้ยงในทุ่งเลี้ยงเดิม อ้างเป็นการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวน ประกาศหากวันนี้เรื่องไม่จบ ต่อไป จนท.กับชาวบ้านจะอยู่ด้วยกันอย่างลำบาก
เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (8 เม.ย.) นายกิตติศักดิ์ ด้วงเดช ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 ต.พนมทวน อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี ได้นำชาวบ้านเกษตรกรผู้เลี้ยงวัวจาก 3 ตำบล คือ ต.พนมทวน ต.หนองโรง และ ต.ดอนตาเพชร อ.พนมทวน ประมาณ 150 คน โดยชาวบ้านได้นำรถยนต์ส่วนตัว และรถยนต์ที่บรรทุกวัวกว่า 10 คัน มาปิดถนนลาดยางหน้าทางเข้าสำนักงานสนับสนุนการป้องกันและปราบปรามที่ 1 (ภาคกลาง) สำนักป้องกันปราบปรามควบคุมไฟป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ตั้งอยู่หมู่ 2 ต.หนองโรง อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี เนื่องจากที่ไม่พอใจการทำงานของเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ หลังไม่อนุญาตให้ชาวบ้านนำวัวไปเลี้ยงในเขตป่าสงวนหนองโรง โดยอ้างว่าเป็นการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวน โดยมีป้ายข้อความขอความเป็นธรรมให้แก่ชาวบ้านจำนวนหลายสิบป้าย
นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า วัตถุประสงค์ของการเดินทางมาปิดถนนในวันนี้ เนื่องจากชาวบ้านที่นำวัวไปเลี้ยงในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าหนองโรง ถูกทางเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ สั่งห้ามนำวัวเข้าไปเลี้ยง โดยอ้างว่าเป็นการบุกรุกที่ป่าสงวน ทั้งที่ปกติชาวบ้านเคยนำวัวมาเลี้ยงมานานหลายสิบปีไม่เคยมีปัญหา จึงอยากจะมาขอร้องความเป็นธรรมแก่ชาวบ้านด้วย เพราะที่ผ่านมา เพิ่งมีคดีในลักษณะนี้ทำให้ชาวบ้านไม่พอใจ และไม่เข้าใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ ส่วนตนอยากให้มีการเจรจากันด้วยดีก่อนจะเกิดเหตุบานปลาย เพราะแค่นำวัวไปเลี้ยงกินวัชพืช เราไม่เคยสร้างปัญหาให้ใคร
“ที่ผ่านมากำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายก อบต.ในท้องถิ่น ได้เคยนำหนังสือถึงผู้เกี่ยวข้องเพื่อหาทางแก้ไขแล้ว และยังเคยยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานความเป็นธรรมอีกด้วย ซึ่งหน่วยงานต่างๆ ก็ทราบดีว่านี่เป็นวิถีชีวิตของชาวบ้าน”
นายกิตติศักดิ์ กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2555 ที่ผ่านมา นายยุพเรศ สอนใจ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 107 หมู่ 6 ต.พนมทวน อ.พนมทวน พร้อมพวกซึ่งมีอาชีพเลี้ยงวัว ได้นำวัวไปเลี้ยงตามปกติ จนกระทั่งเย็นได้นำวัวกลับที่พัก แต่ปรากฏว่า ขณะที่พาวัวผ่านสวนชวนชมที่ปลูกไว้ในเขตป่าสงวน ที่ทางเจ้าหน้าที่ได้ใช้ไฟฟ้าขนาด 220 โวลต์ผูกติดกับลวดหนามที่ล้อมสวนชวนชมเอาไว้ จึงทำให้วัวไปถู กและโดนไฟฟ้าช็อตตาย ชาวบ้านจึงไปแจ้งความที่ สภ.พนมทวน แต่ถึงทุกวันนี้เรื่องก็ไม่คืบหน้า แต่กลับถูกแจ้งกลับในข้อหาปล่อยสัตว์ไปทำลายสวนชวนชม ทั้งๆ ที่วัวถูกไฟฟ้าช็อตตายก่อนถึงสวนชวนชม ทำให้นายยุพเรศ ต้องถูกดำเนินคดีด้วย กลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวที่สร้างความไม่พอใจให้แก่ชาวบ้านเป็นอย่างมาก
“ถ้าวันนี้ไม่ออกมาเรื่องคงไม่จบ และต่อไปเจ้าหน้าที่กับชาวบ้านจะอยู่ด้วยกันอย่างลำบาก เพราะขาดความร่วมมือ และการเข้าใจซึ่งกันและกัน จึงอยากให้ผู้เกี่ยวข้องมารับเรื่องและประสานหาแนวทางแก้ไขโดยด่วน”
ต่อมา นายฉัตรพันธ์ เดชกิจสุนทร ส.ส.กาญจนบุรี เขต 2 พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะคณะกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร และนายประสิทธิพล เสริมธนานันท์ หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการที่ 1 สำนักงานสนับสนุนการป้องกันและปราบปรามที่ 1 (ภาคกลาง) กรมอุทยานฯ ได้เป็นตัวแทนของเจ้าหน้าที่เดินทางมาพบกับชาวบ้าน และเจรจาทำความเข้าใจ โดยใช้เวลาราว 30 นาที และรับหนังสือร้องเรียน
จากนั้น นายฉัตรพันธ์ ได้กล่าวผ่านเครื่องขยายเสียงที่ชาวบ้านเตรียมมาว่า ที่ตนเดินทางมาในวันนี้เพื่อรับเรื่องร้องเรียนของชาวบ้าน โดยพร้อมจะให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย และในฐานะคณะกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ก็จะเรียกพนักงานสอบสวน สภ.พนมทวน เข้าชี้แจงว่าทำไมคดีถึงไม่มีความคืบหน้า และข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เพื่อเป็นการบรรเทาทุกข์ให้ประชาชนที่เดือดร้อนตนขอยืนยันจะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด
ส่วนนายประสิทธิพล เสริมธนานันท์ หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการที่ 1 สำนักงานสนับสนุนการป้องกันและปราบปรามที่ 1 (ภาคกลาง) กรมอุทยานฯ เปิดเผยว่า ตนได้รับเรื่องร้องเรียนและรับฟังปัญหาจากชาวบ้านแล้ว และปรึกษากับทางท่าน ส.ส.แล้ว โดยเห็นต้องกันว่าหลังจากสงกรานต์แล้วจะมีการเรียกตัวแทนชาวบ้าน เจ้าหน้าที่ป่าไม้ และทางผู้แทนฯ มาหารือกันเพื่อหาทางออกให้เร็วที่สุด โดยเราเน้นการสมานฉันท์ และการร่วมมือกันที่ดี เจ้าหน้าที่ไม่เคยคิดจะอคติกับชาวบ้าน แต่การทำงานบางครั้งอาจเกิดความไม่เข้าใจกัน ซึ่งหลังจากสงกรานต์ไปจะมีการเจรจาหารือร่วมแก้ไขปัญหาด้วยกัน ซึ่งเชื่อว่าเป็นไปในทิศทางที่ดีต่อไป