ลำปาง - เปิดคลิปผู้ใหญ่บ้านพื้นที่แม่เมาะ กร่างสุดๆ ใช้อำนาจเรียกประชุมชาวบ้านก่อนทำประชาคมหวังขับไล่ 1 ในลูกบ้านพ้นชุมชน หลังนำข้อมูลอาการเจ็บป่วยเรื้อรังของลูกเปิดเผยสื่อ อ้างทำหมู่บ้านเสียหาย ถูก นอภ.ต่อว่า ประกาศจากนี้ห้ามสื่อ-ตร.-สรรพสามิตเข้าพื้นที่
คลิกเพื่อชมคลิป:
ชาวบ้านสบจางหมู่ 6 ต.นาสัก อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง รายหนึ่งได้แอบถ่ายคลิปการประชุมของหมู่บ้านครั้งล่าสุดที่นางพรรณวิไล จันมะโน ผู้ใหญ่บ้านสบจาง เรียกลูกบ้านเข้าร่วมประชุมเมื่อเร็วๆ นี้ ก่อนที่จะลอบนำคลิปที่ถ่ายไว้บางส่วนส่งต่อให้กับคนนอกหมู่บ้านเพื่อนำออกเผยแพร่ให้สังคมได้รับรู้ถึงชะตากรรมลูกบ้านสบจาง ที่อยู่ไม่ห่างจากที่ตั้งโรงไฟฟ้าแม่เมาะ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) มากนัก
คลิปดังกล่าวเผยให้เห็นภาพและเสียงนางพรรณวิไล จันมะโน ผู้ใหญ่บ้าน ที่บอกกับชาวบ้านที่เข้าร่วมประชุมว่า หลังจากที่มีการเสนอข่าวเกี่ยวกับการเจ็บป่วยของลูกสาวของนางปราณี อินปัญโญ ราษฎรในหมู่บ้าน ตนเองถูกนายอำเภอ (แม่เมาะ) เรียกเข้าไปสอบถามและสอบสวนเรื่องดังกล่าวเป็นเวลานาน ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน
ดังนั้น ในวันนี้เขาได้บอกให้มาหารือในที่ประชุมของชาวบ้านว่าจะเห็นดีด้วยหรือไม่ (โดยไม่ระบุชื่อว่า คนที่บอกให้มาทำประชาคมชาวบ้านเป็นใคร) เกี่ยวกับเรื่องที่ทางผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 และช่อง 3 เข้ามาถ่ายทำในพื้นที่ โดยที่ตนเองและนายอำเภอฯ ไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น จนทำให้หมู่บ้านเสียหายไปแล้ว และขอให้ทุกคนไปเตือนนางปราณีด้วยเกี่ยวกับเรื่องนี้
นางพรรณวิไลยังระบุด้วยว่า เหตุที่นางปราณีออกมาให้ข่าวเพราะไม่พอใจตนเองที่ไม่สามารถไปขอเงินจากผู้บริหารการไฟฟ้าฯ จำนวน 200,000 บาทเพื่อจะเอาไปซื้อที่ดินมาให้ได้ ส่วนสื่อมวลชนที่เข้ามาทำข่าว ชาวบ้านก็ไม่รู้เรื่อง จนทำให้เกิดความเสียหาย นำข่าวไปลงต่างๆ นานา โดยอาจจะมีกุข่าวอะไรก็ได้ ซึ่งตนเองจะทำหนังสือต่อว่า ไปยังสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 และช่อง 9 ในกรณีที่เข้ามาทำข่าวถือว่า “เข้ามาบุกรุกในหมู่บ้าน” โดยชาวบ้านไม่รู้เรื่อง
แม้แต่สรรพสามิต ตำรวจ หากจะเข้ามาตรวจอะไรต่อไปนี้ “ห้ามมิให้เข้าตรวจโดยเด็ดขาด” ต้องให้รอตนเองและคณะกรรมการฯไปถึง แม้จะมีหมายก็ตาม เพราะเราไม่แน่ใจว่าบางทีบุคคลเหล่านี้อาจจะแอบเอาของที่ไม่ดีมาด้วยแล้วนำมาแอบซุกซ่อนในหมู่บ้าน เอามาใส่ในลิ้นชัก เพื่อใส่ร้ายก็ได้ ฉะนั้น เราต้องเดินตามติดตลอด เพราะสมัยนี้พวกมิจฉาชีพมีเยอะ ซึ่งรวมถึงตำรวจด้วย ที่จะต้องระวัง แม้ในขณะนี้ชาวบ้านอาจจะยังไม่เจอปัญหา แต่ก็ต้องป้องกันไว้ก่อน เดี๋ยววัวหายจะมาล้อมคอกทีหลัง
หลังจากนั้นนางพรรณวิไลยังได้ถามย้ำในที่ประชุมด้วยว่า ชาวบ้านจะเห็นเป็นอย่างไรกรณีนางปราณี (อินปัญโญ) เพราะเขาให้ตนเองมาทำประชาคม
นางพรรณวิไลยังได้เล่าในที่ประชุมอีกว่า ตนได้ต่อว่านายอำเภอด้วย เพราะเห็นว่าสนิทกับผู้สื่อข่าวช่อง 3 แต่ทำไมปล่อยให้เข้ามาทำข่าว ซึ่งนายอำเภอบอกว่าไม่ทราบ เพราะทุกครั้งจะเข้ามาต้องผ่านตนเอง แต่ครั้งนี้ไม่ทราบ ดังนั้น ตนเองจะทำหนังสือไปยังช่อง 3 ห้ามเด็ดขาดไม่ให้เข้ามาในหมู่บ้าน หากเข้ามาจะประกาศเสียงตามสายให้ชาวบ้านออกมารุม เพราะข่าวที่ออกมาไม่ดีทำให้ภาพพจน์ของหมู่บ้านเสียหาย และขอเตือนพ่อแม่พี่น้องว่า อย่าทำแบบนี้ เพราะหากใครที่เจ็บป่วยจริงตนจะพาไปรักษาและจะเอาทางการไฟฟ้าฯ มาช่วยเหลือ และหากใครต้องการทำอาชีพอะไรก็บอกทางการไฟฟ้าฯ ก็ยินดีช่วยทุกอย่าง
คลิปดังกล่าวยังบันทึกภาพการแสดงความคิดเห็นของชาวบ้านช่วงหนึ่ง โดยมีชาวบ้านบางคนบอกว่า “ก็ปล่อยไป” (กรณีนางปราณี อินปัญโญ) แต่นางพรรณวิไล กลับบอกว่า ที่ผ่านมาตนเองก็ปล่อยและไม่เคยไปสนใจอะไรกับนางปราณี เพราะหลังจากที่ตนไม่สามารถไปขอเงินให้ได้ แต่ที่นางปราณี ไปเชิญนักข่าวเข้ามาทำข่าวนั้น ตนเองเห็นว่าหมู่บ้านเสียหาย เพราะถูกมองว่าไม่มีศักยภาพ
แต่ชาวบ้านส่วนใหญ่ก็ยังไม่เห็นด้วยที่จะต้องขับไล่นางปราณีให้ออกจากหมู่บ้านหรือลงโทษทางสังคม เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องส่วนตัว เมื่อเขาไม่ได้รับการช่วยเหลือเขาก็ดิ้นรนเองก็เป็นเรื่องของเขา เป็นเรื่องของครอบครัวของเขาจะไปยุ่งทำไม แต่นางพรรณวิไลก็พยายามชักจูงชาวบ้านที่เข้าร่วมประชุมให้เห็นว่า หมู่บ้านเสียหาย โดยระบุว่าเป็นเรื่องของครอบครัวจริง แต่ในข่าวระบุว่าเป็นหมู่บ้าน ดังนั้นหมู่บ้านจึงเสียหาย
สำหรับนางนางปราณี อินปัญโญ ชาวบ้านสบจาง หมู่ 6 ต.นาสัก อ.แม่เมาะ เป็นมารดาของเด็กหญิงชาวแม่เมาะ 1 ใน 2 ที่มีอาการเจ็บป่วยเรื้อรัง และสงสัยว่า อาจจะเกิดขึ้นจากการได้รับสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์ จากกระบวนการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าแม่เมาะ คือ ด.ญ.พุทธิดา มะโนปิง อายุ 11 ขวบ อยู่บ้านทุ่งเลางาม หมู่ 9 ต.นาสัก และ ด.ญ.วรรณภา อินปัญโญ อายุ 9 ขวบ อยู่บ้านสบจาง หมู่ 6 ต.นาสัก
โดยนางพุธชะบา มโนปิน มารดา ด.ญ.พุทธิดา และนางปราณี อินปัญโญ มารดา ด.ญ.วรรณภาระบุว่า ต้องอดทนพาลูกไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลแม่เมาะ และโรงพยาบาลลำปางตั้งแต่ยังเล็ก เพราะมีอาการทางเดินหายใจ โดยหายใจติดขัด หอบหืด ปัจจุบันต้องกินทั้งยาและพ่นยา ทำให้สุขภาพอ่อนแอ ขาดเรียนเป็นประจำ ไม่สามารถเข้าร่วมกิจกรรมกับทางโรงเรียนได้ เนื่องจากครูไม่อนุญาตเพราะเกรงจะเป็นอันตราย ประกอบกับทางบ้านฐานะยากจน
ซึ่ง ด.ญ.วรรณภาป่วยด้วยโรคเกี่ยวกับทางเดินหายในมาตั้งแต่เล็ก ต้องไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลแม่เมาะ ทุกครั้งจะได้ยาแก้แพ้ ยาขยายหลอดลม ล่าสุดปี 2555 ที่ผ่านมามีอาการหนักขึ้น จึงพาไปตรวจรักษาที่โรงพยาบาลลำปาง แพทย์ระบุว่า ระบบทางเดินหายใจส่วนบนอักเสบเรื้อรัง เนื่องจากได้รับมลพิษทางอากาศต่ำๆ เป็นเวลานาน โดยมีความเห็นว่าน่าจะเกิดจากการสัมผัสฝุ่นเบา หรือซัลเฟอร์ไดออกไซค์ ขนาดอ่อนๆ เป็นเวลานาน ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยง เนื่องจากเป็นเด็กเล็ก
ขณะที่สภาพภายนอกของเด็กทั้งสองคนมีร่างกายที่ซูบผอม น้ำหนักน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน หายใจหอบ และต้องพ่นยาทุก 4 ชั่วโมง ไม่ร่าเริงแจ่มใส ยาที่รับประทานและใช้เป็นประจำมีเป็นจำนวนมาก