xs
xsm
sm
md
lg

เจ้าของร้านคอมพ์ยันเปล่าเป็นหนี้ หลังโดนบุกร้านขน “แม็คบุ๊ค-ไอโฟน” หนี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นางทิพยาภรณ์ แข็งกล้า เจ้าของร้านไอบาร์ แสดงภาพสินค้าบางส่วนที่ถูกกลุ่มบุคคลที่อ้างว่ามาติดตามทวงหนี้สินนำออกไปจากร้าน เมื่อวันที่ 1 เม.ย. ที่ผ่านมา ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ภูพิงค์ฯ สกัดจับไว้ได้
ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - เจ้าของร้าน “ไอบาร์” ย่านถนนห้วยแก้วแจงสื่อไม่รู้จัก-ไม่เคยติดหนี้ หลังเจอ 2 ชาย 1 หญิงบุกร้านอ้างทวงหนี้ก่อนหอบ “แม็คบุ๊ค-ไอโฟน-ไอแพด” มูลค่ากว่า 3 ล้านหนี โชคดีตำรวจตามสกัดจับได้ โอดโดนบุกร้านสองรอบของรอบแรกยังไร้แววได้คืน ยันฟ้องแน่แม้อีกฝ่ายอ้างเข้าใจผิด-ทวงหนี้ผิดร้าน พร้อมวอนตำรวจดูแลเหตุบุกปล้นกลางวันแสกๆ กลางเมือง

วันนี้ (4 เม.ย. 56) นางทิพยาภรณ์ แข็งกล้า เจ้าของร้านไอบาร์ ตั้งอยู่เลขที่ 233/1 ถ.ห้วยแก้ว ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวถึงกรณีที่มีกลุ่มบุคคลเข้ามานำทรัพย์สินภายในร้านซึ่งประกอบด้วยคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก และโทรศัพท์มือถือหลายรายการออกไปจากร้าน ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดจับไว้ได้พร้อมของกลาง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมาว่า หลังเกิดเหตุดังกล่าวมีข่าวเผยแพร่ทางสื่อมวลชนว่าเหตุดังกล่าวมีสาเหตุมาจากการติดตามทวงหนี้สินที่ทางร้านได้ติดค้างกับผู้ก่อเหตุ จึงขอชี้แจงผ่านทางสื่อมวลชนว่าตนเองและบุคคลอื่นๆ ในร้านไม่มีใครรู้จักหรือเคยพบเห็นผู้ก่อเหตุทั้ง 3 รายมาก่อนแต่อย่างใด

นางทิพยาภรณ์กล่าวว่า ในวันเกิดเหตตนได้รับแจ้งจากพนักงานในร้านว่ามีกลุ่มบุคคลรวม 3 คน เป็นชาย 2 คนและหญิง 1 คน ได้เข้ามาดูสินค้าภายในร้านของตน ซึ่งจำหน่ายคอมพิวเตอร์ยี่ห้อแอปเปิ้ล โทรศัพท์มือถือไอโฟน ไอแพด และสินค้าอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งจำหน่ายกาแฟและเครื่องดื่ม โดยผู้ก่อเหตุทั้ง 3 คนเข้ามาในช่วงที่มีพนักงาน 2 คนเฝ้าร้านและมีลูกค้าอยู่ในร้านจำนวนหนึ่ง ก่อนจะทำการขนย้ายสินค้าหลายรายการภายในร้านไปใส่ในรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส สีดำ พร้อมทั้งข่มขู่ไม่ให้พนักงานในร้านขัดขวางก่อนจะหลบหนีไป หลังทราบเหตุน้องชายของตนได้นำพนักงานคนหนึ่งเดินทางไปยัง สภ.ภูพิงค์ เพื่อแจ้งความ แต่ในระหว่างนั้นกลุ่มผู้ก่อเหตุได้กลับมาที่ร้านอีกครั้งพร้อมทั้งขนย้ายสินค้าอีกหลายรายการออกไป อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุได้ไล่ติดตามจนสามารถสกัดจับผู้ต้องหาพร้อมของกลางได้ที่บริเวณมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ก่อนจะนำตัวไปสอบสวนที่ สภ.ภูพิงค์ฯ

นางทิพยาภรณ์กล่าวต่อไปว่า หลังเกิดเหตุครั้งที่สอง ตนเองได้เดินทางไปยัง สภ.ภูพิงค์ เพื่อจะแจ้งความต่อผู้ก่อเหตุ เนื่องจากเห็นว่าเป็นการปล้นทรัพย์ อย่างไรก็ตามตนต้องรอนานกว่า 7 ชั่วโมงจึงจะได้แจ้งข้อกล่าวหา ขณะที่ในระหว่างนั้นผู้ก่อเหตุพยายามกล่าวอ้างว่าเป็นมหาเศรษฐีรายใหญ่ที่เป็นที่รู้จัก รวมทั้งรู้จักกับบุคคลสำคัญ เช่น พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร อดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นต้น กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือรับของโจร พร้อมทั้งอนุญาตให้ผู้ก่อเหตุทั้ง 3 ราย ประกันตัวออกไปแล้ว ขณะที่ตนได้รับทรัพย์สินในส่วนที่ผู้ต้องหามาขนไปจากร้านในรอบที่ 2 มูลค่ารวมกว่า 3 ล้านบาทคืนมาเท่านั้น แต่ทรัพย์สินที่มีการนำไปในครั้งแรกนั้นยังไม่ได้กลับคืนมาแต่อย่างใด

ทั้งนี้ นางทิพยาภรณ์ยืนยันว่า ไม่เคยรู้จักหรือมีหนี้สินกับกลุ่มผู้ก่อเหตุแต่อย่างใด รวมทั้งเห็นว่าพฤติการณ์ของกลุ่มผู้ก่อเหตุนั้นสร้างความเสียหายให้กับร้านของตนอย่างมาก เนื่องจากเป็นการเข้ามาขนสินค้าภายในร้านออกไปพร้อมทั้งทำการข่มขู่พนักงาน ท่ามกลางลุกค้าที่อยู่ภายในร้าน ทำให้ลูกค้าเกิดความหวาดกลัว

อีกทั้งยังมีทรัพย์สินของร้านที่สูญหายซึ่งส่วนหนึ่งเป็นสินค้าที่ลูกค้านำมาส่งซ่อมอีกด้วย ขณะที่กลุ่มผู้ก่อเหตุอ้างว่าเหตุดังกล่าวเป็นเรื่องเข้าใจผิดและเป็นการติดตามหนี้สินผิดร้านซึ่งไม่คุ้มกับความเสียหายที่ตนได้รับ จึงเตรียมที่จะฟ้องร้องกลุ่มผู้ก่อเหตุเพิ่มเติม โดยเรื่องดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนของการดำเนินการทางกฎหมาย

นอกจากนี้ นางทิพยาภรณ์ยังได้ร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มความเข้มงวดในการดูแลพื้นที่ เนื่องจากที่ตั้งของร้านถือว่าอยู่ในย่านตัวเมืองและใกล้กับสถานที่สำคัญหลายแห่ง อย่างเช่นมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แต่กลับมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นซึ่งไม่เป็นผลดีต่อภาพลักษณ์ของจังหวัด อย่างไรก็ตาม ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่ได้ติดตามจนสามารถสกัดจับผู้ก่อเหตุและนำทรัพย์สินบางส่วนกลับคืนมาได้ เพราะหากไม่สามารถนำสินค้ากลับมาได้ร้ายนของตนคงจะได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง

สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ภูพิงค์ ได้จับกุมตัวนางสาวศศินันท์ ทองนอก นายนเรศ เพ็ญเจริญวัฒนา และนายเกษม ชัยมณี หลังจากผู้ต้องหาทั้ง 3 รายได้นำเอาทรัพย์สินจากร้านไอบาร์ ประกอบด้วย คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กยี่ห้อแอปเปิล รุนแม็คบุ๊ก จำนวน 14 เครื่อง, คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กยี่ห้อแอปเปิล รุ่นแม็คบุ๊ก พร้อมกล่อง จำนวน 2 เครื่อง, คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก รุ่นแม็คมินิ จำนวน 1 เครื่อง, คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก รุ่นแม็ค มินิ พร้อมกล่อง จำนวน 2 เครื่อง, โทรศัพท์มือถือไอโฟน 5 จำนวน 1 เครื่อง, ไอโฟน 4 จำนวน 14 เครื่อง, ไอโฟน 3 จำนวน 3 เครื่อง, ไอแพด จำนวน 6 เครื่อง, โทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอส 3 จำนวน 1 เครื่อง, โทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุง รุ่นโน้ต 2 จำนวน 1 เครื่อง และอุปกรณ์เสริมอีกจำนวนหนึ่ง ใส่ไว้ในรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส สีดำ หมายเลขทะเบีบย ญย 4231 กรุงเทพมหานคร โดยผู้ต้องหาให้การปฏิเสธว่าไม่ได้ลักทรัพย์ แต่เป็นการติดตามทวงหนี้สินและนำเอาทรัพย์สินในร้านไปแทนหนี้สิน แต่ทราบต่อมาภายหลังว่าเข้าไปทวงหนี้สินผิดร้าน
กำลังโหลดความคิดเห็น