ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - “หลวงพ่อคูณ” เตรียมกลับวัดบ้านไร่พรุ่งนี้ หลังพักรักษาอาการอาพาธที่ รพ.มหาราชโคราชนานกว่า 4 เดือน แพทย์ระบุอาการโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ดี ร่างกายพร้อมเดินทางกลับวัดได้และปรับปรุงกุฏิเสร็จสมบูรณ์แล้ว เผยคุมเข้มให้พบญาติโยมผ่านห้องกระจกเท่านั้นและต้องเฝ้าระวังดูแลมากขึ้น เหตุสภาพร่างกายเปลี่ยนแปลงไปมากไม่เหมือนเดิม
วันนี้ (4 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าอาการอาพาธของพระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ที่พักรักษาด้วยภาวะปอดอักเสบ อยู่ที่ห้องผู้ป่วยพิเศษ 9821 ชั้น 8 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา ตั้งแต่วันที่ 29 พ.ย. 55 เป็นเวลานานกว่า 4 เดือนแล้ว และคณะแพทย์จะอนุญาตให้กลับวัดบ้านไร่ได้ในวันพรุ่งนี้ (5 เม.ย.) นั้น
ล่าสุด นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา แพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ เปิดเผยว่า จากการตรวจอาการวันนี้โดยรวมอยู่ในเกณฑ์ดี หลังจากหยุดให้ยาฆ่าเชื้อและเฝ้าสังเกตอาการมา 24 ชั่วโมง ไม่พบว่ามีไข้กลับมาอีก รู้ตัว รู้เรื่องดี รับอาหารได้อย่างเต็มที่ แต่ยังคงมีเสลดเสมหะมากต้องดูดออกวันละ 2 ครั้ง กระเพาะปัสสาวะต้องล้างวันละครั้ง ซึ่งท่านคงต้องใส่สายสวนปัสสาวะไปตลอด โดยจะเปลี่ยนใหม่ทุกๆ 3 เดือน
ส่วนการฟื้นฟูกล้ามเนื้อได้ให้หลวงพ่อทำกายภาพบำบัดด้วยการปั่นจักรยานไฟฟ้าทุกวัน ทำให้ร่างกายท่านแข็งแรงขึ้นมาก พร้อมกับนวดแผนไทยเพื่อผ่อนคลาย
จากการประเมินวันนี้ถือว่าร่างกายหลวงพ่อคูณแข็งแรงพอที่จะกลับวัดบ้านไร่ได้แล้ว ดังนั้นทางคณะแพทย์จึงเห็นควรนิมนต์ท่านกลับวัดในวันพรุ่งนี้ (5 เม.ย.) เวลา 09.00 น.เพื่อให้ท่านกลับไปพักฟื้นโดยในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก คงไม่ให้ท่านออกมานอกห้องกุฏิเด็ดขาด เพราะต้องให้ร่างกายปรับตัวรับกับสภาพอากาศที่วัดและเป็นการป้องกันการติดเชื้อเพิ่มเติมด้วย
นพ.พินิศจัยกล่าวต่อว่า การเดินทางกลับวัดครั้งนี้ถือเป็นข่าวดีสำหรับญาติโยมและศิษยานุศิษย์ที่เป็นห่วงหลวงพ่อมาตลอด เนื่องจากเป็นที่เคารพสักการะของประชาชนและปีนี้ประชาชนก็จะได้กราบท่านในวันสงกรานต์ปีใหม่ไทยด้วย แต่อย่างไรก็ตาม การกลับวัดครั้งนี้ร่างกายหลวงพ่อคูณ มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมาก ไม่เหมือนเดิมต้องคอยดูแลเป็นพิเศษ โดยทางทีมแพทย์พยาบาลชุดเดิมของโรงพยาบาลด่านขุนทดจะคอยเป็นด่านหน้าเฝ้าดูแลอาการ ซึ่งครั้งนี้จะต้องฉีดยาเบาหวานให้ท่านทุกวัน ดูดสเลดเสมหะออกวันละ 2 ครั้ง และล้างกระเพาะปัสสาวะทุกวัน ซึ่งจุดนี้เป็นจุดที่เสี่ยงต่อการติดเชื้ออย่างมาก
อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องที่ดีที่ทางวัดบ้านไร่ ได้ทำการปรับปรุงกุฏิใหม่โดยเปลี่ยนเป็นห้องกระจกหลวงพ่อจึงไม่ต้องออกมาพบญาติโยมด้านนอกห้อง เป็นการป้องกันการติดเชื้อได้ดี เพราะไม่ต้องออกมาสัมผัสโดยตรงกับญาติโยม และการเคาะหัวต้องให้หยุดโดยสิ้นเชิงเปลี่ยนมาเป็นจับสายสิญจน์แทน ส่วนแขกวีไอพีนั้นคงขึ้นอยู่กับจิตสำนึกของแต่ละคน หากทุกคนช่วยกันดูแล หลวงพ่อคูณก็จะได้อยู่กับพวกเราไปนานๆ เมื่อรู้ตัวว่าเป็นไข้ไม่สบายก็ไม่ต้องไปหาท่านหรือกราบท่านอยู่ด้านนอกห้องแทน
“แต่การห้ามไม่ให้คนเข้าไปหาหรือพบหลวงพ่อเลยก็เป็นเรื่องยาก และจะมีผลต่อสภาพจิตใจของหลวงพ่อด้วย เพราะหากกันผู้คนไม่ให้เข้าไปพบปะพูดคุยมากจนเกินไปหลวงพ่อก็จะรู้สึกเหงาและเกิดภาวะซึมเศร้าได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่แพทย์ค่อนข้างกังวล ฉะนั้นต้องดูความเหมาะสมเป็นหลัก” นพ.พินิศจัยกล่าวในตอนท้าย