ฉะเชิงเทรา - ชาวนครเนื่องเขตบอกยังคงเฝ้ารอคอยนายกฯ หญิง “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” เผยอยากบอกว่าอย่าสองมาตรฐาน! เหตุคนจนชาวบ้านเดินดินธรรมดาเข้าพบไม่ได้ แต่คนมีอำนาจมีเงินเข้าพบได้ ย้ำขอให้โรงไฟฟ้าคลองนครเนื่องเขตหยุดการดำเนินการใดๆ ก่อนที่ศาลปกครองสุดจะชี้ขาด ขณะที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานดอดตรวจสอบโรงปั่นไฟแห่งใหม่ พร้อมเตรียมกดปุ่มสตาร์ทเดินเครื่องได้ทันที
วันนี้ (29 มี.ค.) นายสมชัย ลายประดิษฐ์ อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 32/1 ม.17 ต.คลองนครเนื่องเขต อ.เมืองฉะเชิงเทรา ซึ่งมีบ้านพักอาศัยติดกับขอบรั้วของโรงไฟฟ้าคลองนครเนื่องเขตของบริษัท ฉะเชิงเทราโคเจนเนอเรชั่น กำจัด ในเครือกลุ่มบริษัท กัลฟ์ เจพี (Gulf) กล่าวตัดพ้อต่อนายกฯ หญิง “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ที่กำลังจะเดินทางมาประชุม ครม.สัญจร ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ว่า ขอให้นายกฯ เห็นแก่ชาวบ้านและคนยากจนที่รัก และหวงแหนถิ่นกำเนิดของตนเองบ้าง และอย่าใช้สองมาตรฐานกับชาวบ้าน ที่ปล่อยให้นายทุนเข้ามาทำอะไรในพื้นที่โดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ท่ามกลางหน่วยงานรัฐที่เอื้ออำนวยความสะดวกให้แก่กลุ่มทุน แต่ในขณะเดียวกัน ชาวบ้านกับถูกเลือกปฏิบัติเป็นสองมาตรฐาน
และที่เห็นได้ชัดที่สุด คือ พื้นที่บริเวณริมคลองกรมชลประทาน ซึ่งเดิมทีนั้นเป็นถนนเลียบคันคลองเข้าสู่หมู่บ้าน รวมถึงบ้านเรือนของตนเองด้วย แต่ในขณะนี้โรงไฟฟ้าแห่งดังกล่าวนี้ได้สร้างท่อส่งน้ำขนาดใหญ่ เส้นผ่าศูนย์กลางถึงเกือบ 1 เมตร จำนวน 2 ท่อ โผล่ขึ้นมาจากพื้นดินตรงกลางถนนเพื่อที่จะพาดผ่านข้ามลำคลองไป
ทั้งที่เป็นที่ดินสาธารณะของกรมชลประทาน หากเป็นฝ่ายชาวบ้านบุกรุกก็จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่กับบริษัทเอกชน และนายทุนกลับปล่อยให้ทำตามความต้องการได้โดยที่ไม่มีความผิดแต่อย่างใด จึงอยากฝากถามไปถึงหูนายกฯ ว่า เป็นระบบสองมาตรฐานตามที่ท่านเคยเรียกร้องมาก่อนหน้านี้หรือไม่
และยังบอกอีกว่า ที่ผ่านมาก็เคยเป็นคนเสื้อแดง และเคยออกไปร่วมชุมนุมกลับกลุ่มมวลชนคนเสื้อแดงต่างๆ มาก่อน แต่มาถึงในขณะนี้กลับมาโดนเข้ากับตัวเอง และกำลังได้รับความเดือดร้อนจากระบบสองมาตรฐานนี้
ขณะที่ นางมหาธยา ศรอากาศ อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 23/2 ม.17 ต.คลองนครเนื่องเขต กล่าวว่า บ้านอยู่ติดกันกับโรงไฟฟ้าแห่งนี้เช่นเดียวกัน มีเพียงถนนขนาดกว้างประมาณ 6 เมตรกั้นระหว่างกลางเท่านั้น โดยครั้งแรกเมื่อทราบข่าวว่า นายกฯ ยิ่งลักษณ์ จะเดินทางมาประชุม ครม.สัญจร ที่ฉะเชิงเทรา ก็รู้สึกดีใจ ที่นายกฯ จะได้เข้ามารับทราบถึงปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้าน โดยตนเองพร้อมกลุ่มชาวบ้านจะได้พากันไปนำเสนอปัญหาให้แก่ท่านนายกฯ ทราบ พร้อมจะร้องขอความเป็นธรรม และขอความช่วยเหลือจากท่านนายกฯ
แต่แล้วก็ต้องมาผิดหวังเพราะทราบข่าวว่า ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากกลุ่มต่างๆ จะถูกกีดกันจากทางเจ้าหน้าที่เพื่อไม่ให้เข้าพบ โดยที่ผ่านมา ก็รอมานานกว่า 2 ปีแล้ว ที่จะให้ท่านนายกรัฐมนตรีช่วยมีคำสั่งมายัง อบต.ท้องที่ เพื่อที่จะให้ปฏิบัติตามคำสั่งศาลโดยให้ระงับโครงการเอาไว้ก่อนจนกว่าจะมีคำพิพากษาจากศาลสูงออกมาเพราะอย่างน้อย ศาลปกครองชั้นต้นนั้นก็ได้ตัดสินออกมาแล้วว่าการก่อสร้างโรงไฟฟ้าแห่งนี้นั้นมันผิดจริง
ส่วนสาเหตุที่ชาวบ้านพากันหวาดกลัวต่อโรงไฟฟ้านั้น เพราะที่ผ่านๆ มา จากข้อมูลข่าวสารโรงไฟฟ้าหลายแห่งส่งกระทบต่อคนในชุมชนรอบข้างที่อาศัยอยู่ใกล้ ทั้งในเรื่องของน้ำ เรื่องของมลพิษ และผลกระทบที่ยังอาจจะไม่ได้เกิดขึ้นในทันที แต่อาจะจะเป็นผลกระทบที่เป็นมลพิษที่สะสมเพิ่มขึ้นต่อไปในวันข้างหน้าในระยะยาว และพวกชาวบ้านเป็นคนที่อยู่ใกล้ที่สุดเพราะบ้านห่างกันเพียงไม่กี่เมตรในวันข้างหน้าหากเกิดผลกระทบขึ้นมาแล้วชาวบ้านจะอยู่กันได้อย่างไร
จากข่าวสารที่ปรากฏออกมานั้น เมื่อโรงไฟฟ้าไปตั้งตรงไหนก็จะมีแต่คนต่อต้านเพราะกลัวผลกระทบที่จะเกิดขึ้นติดตามมาอีกมากมาย ทั้งการทำนาปลูกข้าว วิถีชีวิตของเกษตรกรเปลี่ยนไป ในสมัยก่อนที่โรงไฟฟ้าไปตั้งนั้นอาจไม่มีคนต่อต้าน แต่พอมีประวัติเกี่ยวกับผลกระทบที่ได้เกิดขึ้นมาแล้วในระยะยาวจึงเป็นสิ่งที่ทำให้ชาวบ้านกลัวโรงไฟฟ้า เพราะเห็นการสะสมของผลกระทบที่มันออกมา การต่อต้านจึงเกิดขึ้นในทุกๆ พื้นที่ที่โรงไฟฟ้าจะไปตั้ง ซึ่งหากดีจริงก็คงไม่มีคนออกมาต่อต้าน
ส่วนกระบวนการผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าแห่งนี้เป็นอย่างไรนั้นตนไม่ทราบ เพราะขนาดโรงไฟฟ้าจะเข้ามาตั้งอยู่ใกล้บ้าน มีเพียงถนนคอนกรีตกั้นระหว่างกันอยู่หน้าบ้านแท้ๆ ยังไม่รู้เลยว่าจะมาสร้างโรงไฟฟ้า จนมาทราบในภายหลังจากที่มีการถมที่ดินแล้ว กระบวนการก่อสร้างที่มันเกิดขึ้นนั้นเกิดมาจากความไม่จริงใจต่อชาวบ้าน ไม่ได้เข้ามาพูดคุยกันก่อน ไม่มีการกระจายข่าว หรือสื่อให้ชาวบ้านโดยรอบพื้นที่ได้ทราบมาก่อน ประชาชนถูกปิดกั้นมาโดยตลอดตั้งแต่ต้น จึงทำให้ชาวบ้านเกิดความไม่ไว้วางใจต่อโรงไฟฟ้าแห่งนี้ หากเขาจะพูดอะไรออกมาก็คงไม่เกิดความน่าเชื่อถือเพราะเขาขาดความจริงใจมาตั้งแต่แรก
“ไหนๆ ท่านนายกฯ ก็จะมาจนถึงในพื้นที่แล้ว ควรที่จะให้ประชาชนได้เข้าพบบ้าง จะได้ทราบว่าประชาชนมีข้อร้องเรียนมีข้อเดือดร้อนจริงๆ จึงอยากพบเพื่อขอความดป็นธรรม หากยังกีดกันไม่ให้ชาวบ้านพบ ก็ไม่ทราบว่านายกรัฐมนตรีจะลงมาทำไมเหมือนกัน”
ขณะเดียวกัน นายมนัส สุนทรโชติ แกนนำชาวบ้านในการคัดค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าคลองนครเนื่องเขต กล่าวเพิ่มเติมอีกด้วยว่า ขณะนี้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานกระทรวงพลังงาน ได้เดินทางเข้ามาตรวจสอบโรงไฟฟ้าแห่งนี้แล้ว ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นการเข้ามาตรวจเพื่อเตรียมที่จะอนุญาตให้ทางโรงไฟฟ้าแห่งนี้เปิดเดินเครื่องได้ทันตามแผนการของโรงไฟฟ้าที่ได้กำหนดไว้ว่าในวันที่ 1 เม.ย.56 นี้ ที่จะทำการเปิดเดินเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าแล้ว
และล่าสุด นายบัณฑิตย์ เทวีทิวารักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้เผยถึงกรณีที่จะมีกลุ่มมวลชนจากหลายพื้นที่ที่ได้รับความเดือดร้อนจากกรณีต่างๆ เตรียมเข้าพบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ระหว่างการเดินทางมาประชุม ครม.สัญจรที่จังหวัดฉะเชิงเทราว่า ในส่วนของจังหวัดได้จัดเตรียมเต็นท์เพื่อเป็นศูนย์ประสานงานรับเรื่องราวร้องทุกข์ที่บริเวณด้านหน้ามหาวิทยาลัยมหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ และยังจะเปิดโอกาสให้ตัวแทนชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากเรื่องต่างๆ ประมาณ 5-10 คน เข้ายื่นข้อเรียกร้องผ่านทางหน่วยงานราชการ ส่วนกลาง เพื่อประสานงานต่อไปยังรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีต่อไป